fb
“ไทย–กัมพูชา ลงนาม Joint Declaration ที่มาเลเซีย"

“ไทย–กัมพูชา ลงนาม Joint Declaration ที่มาเลเซีย"

โดย
Nirawatr@ditp.go.th
ลงเมื่อ 31 ตุลาคม 2568 01:40
40

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ร่วมประชุมและลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Joint Declaration) โดยมี นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ นายโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม 

พิธีดังกล่าวจัดขึ้นในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 ตุลาคม 2025 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ข้อตกลงฉบับนี้ประกอบด้วยสาระสำคัญ 8 ข้อหลัก ดังนี้

1. ยืนยันความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ ตามที่ได้ประกาศไว้ ณ เมืองปุตราจายา มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2025 และย้ำความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง การแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติ และการเคารพต่อเขตแดนระหว่างประเทศและต่อกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง

2. ยืนยันความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นในการยึดมั่น และดำเนินการตามข้อตกลงที่ได้บรรลุร่วมกันในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC)

3. ได้ลงนามในเอกสารขอบเขตการจัดตั้งกลไกผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) ซึ่งจะประกอบด้วยบุคลากรจากรัฐสมาชิกอาเซียน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าข้อตกลงหยุดยิงได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ โดยเรียกร้องให้รัฐสมาชิกอาเซียนให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสมเพื่อให้ AOT ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์

4. ให้คำมั่นที่จะลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างกัมพูชาและไทย ทั้งนี้ เพื่อบรรลุและสนับสนุนเป้าหมาย ทั้งสองได้ตกลงในขั้นตอนดังต่อไปนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะได้รับการปฏิบัติอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ และเพื่อฟื้นฟูสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดน

4.1 ลดความตึงเครียดทางการทหารภายใต้การสังเกตการณ์และการยืนยันตรวจสอบโดย AOT ซึ่งรวมถึงการถอนอาวุธยุทโธปกรณ์หนักและทำลายล้างสูงออกจากแนวชายแดนกลับไปยังที่ตั้งปกติ โดยทั้งสองฝ่ายจะมอบหมายคณะทำงานร่วมเพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้การสังเกตการณ์ของคณะผู้สังเกตการณ์การหยุดยิงชั่วคราว (IOT) และหลังจากนั้นโดย AOT

4.2 ละเว้นการเผยแพร่หรือส่งเสริมการใช้ข้อมูลเท็จ การกล่าวอ้าง และวาทกรรมที่สร้างความเสียหาย ทั้งช่องทางทางการของรัฐบาลหรือช่องทางไม่เป็นทางการ เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการหารืออย่างสันติ

4.3 เห็นพ้องดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นโดยทันทีและเต็มรูปแบบเพื่อฟื้นฟูและรักษาความเชื่อมั่น ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แก้ไขความแตกต่างอย่างสันติและร่วมมือเพื่อนำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

4.4 ประสานงานและดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนตามที่ตกลงในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศ

4.5 ยืนยันความมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนและการจัดทำหลักเขตแดน ผ่านสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยละเว้นการคุกคามหรือใช้กำลัง หรือการกระทำที่เป็นการยั่วยุใด ๆ และตระหนักว่าคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกทวิภาคีสำหรับการทำงานร่วมกันในประเด็นชายแดนอย่างสันติ โดยให้เป็นตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละกลไก โดยให้มีการประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในระดับท้องถิ่น เพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างสันติ ซึ่งรวมถึงประเด็นการรุกล้ำพื้นที่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ตามแนวทางของผลการหารือในการประชุม JBC ตลอดจนจะยุติกิจกรรมทุกประเภทที่เป็นการขยายขอบเขตข้อพิพาทและเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น

5. เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรการข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะยอมรับว่าเป็นการสิ้นสุดการเป็นปรปักษ์ที่ดำเนินอยู่ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ไทยจะดำเนินการปล่อยเชลยศึกโดยพลัน

6. ตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือ การแบ่งปันข้อมูล และการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งเสริมสร้างความเข้มแข็งของการตรวจสอบควบคุมตามแนวชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพลเมืองทั้งสองประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ

7. ตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแนวทางเพื่ออนาคตที่สดใสที่ไม่ยึดติดกับความขัดแย้งในอดีต โดยมุ่งมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ โดยเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญาและความตกลงที่มีอยู่

8. แสดงความเชื่อมั่นว่า การหารือครั้งนี้ ซึ่งมี ปธน. โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา และนรม. อันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย เข้าร่วมและให้การสนับสนุน เป็นรากฐานที่มั่นคงต่อความเคารพซึ่งกันและกันและการส่งเสริมสันติภาพในภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายรับทราบด้วยความขอบคุณยิ่งต่อบทบาทสำคัญของ ปธน. โดนัลด์ เจ. ทรัมป์ ในการเสริมสร้างการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัมพูชาและไทย

ความเห็นของสำนักงานฯ

1. การลงนาม แถลงการณ์ร่วม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2025 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ใหม่ระหว่าง ไทยและกัมพูชา เป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูความไว้วางใจ เสริมสร้างสันติภาพ และเปิดบทใหม่แห่งความร่วมมืออันยั่งยืนระหว่างสองประเทศ โดยแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวประกอบด้วย 4 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ (1) การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน (2) การเก็บกู้วัตถุระเบิด (3) การร่วมกันปราบปรามกลุ่มสแกมเมอร์ และ (4) การหารือแนวทางบริหารพื้นที่ทับซ้อนร่วมกัน

2. ไทยและกัมพูชาเป็นประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด โดยที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในหลายด้าน เช่น การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันจาก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2027 คาดว่า ข้อตกลงแถลงการณ์ร่วม จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการคลี่คลายความตึงเครียด เสริมสร้างความไว้วางใจ และฟื้นฟูความเป็นพันธมิตรที่มั่นคงระหว่างสองประเทศ

_____________________________________________________________________

ที่มา PRESS AND QUICK REACTION UNIT & Ministry of Foreign Affairs and International Cooperation

27 ตุลาคม 2568

10-27-25 ไทย–กัมพูชา ลงนาม Joint Declaration ที่มาเลเซีย.pdf
Share :
Instagram