นายทศ จิราธิวัฒน์ นักธุรกิจชาวไทย จากบริษัท Central Group ได้เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ ซึ่งคาดว่า จะนำมาสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าหรู “Carsch-Haus” ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ โดย Central Group ได้ออกมายืนยันเรื่องนี้ต่อสำนักข่าว Handelsblatt และนี้เป็นจุดสิ้นสุดของการหยุดการก่อสร้างมาเกือบ 2 ปี หลังจากที่บริษัท Signa Group ของนาย René Benko อดีตมหาเศรษฐีชาวออสเตรียได้ประกาศล่มสลาย ด้านโฆษกของ Central Group เปิดเผยว่า “งานก่อสร้างจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งอย่างเร็วที่สุด” แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยราคาที่ซื้ออาคารดังกล่าว ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวมีความโดดเด่นและตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของดุสเซลดอร์ฟ และครึ่งหนึ่งเป็นของบริษัท Signa Prime Selection ซึ่งได้นาย Norbert Abel เข้ามาเป็นผู้บริหารการล้มละลาย และอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นของบริษัท Central Group ดังนั้น ด้วยเหตุนี้เองทำให้บริษัทจากประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบกับคู่แข่งในการเจรจากับผู้บริหารล้มละลายเกี่ยวกับการเข้าซื้ออาคารดังกล่าว ตอนนี้ Central Group ยังไม่ได้เปิดเผยว่า จะทำอะไรกับอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จนี้ โฆษกฯ กล่าวว่า จะมีการแจ้งข้อมูลให้ทราบในภายหลัง อย่างไรก็ดี มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เมือง Düsseldorf ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐ Nordrhein - Westfalen จะมีสาขาของห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของเยอรมนีในไม่ช้านี้ ด้านนายทศ จิราธิวัฒน์ ได้ซื้ออสังหาฯ ของห้าง Kaufhaus des Westens (KaDeWe) ใจกลางกรุงเบอร์ลินไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ไม่นานหลังจากนั้น เขาได้ซื้อบริษัท The KaDeWe Group ซึ่งเป็นบริษัทปฏิบัติการที่เป็นเจ้าของห้าง Alsterhaus ในเมือง Hamburg และห้าง Oberpollinger ในเมืองมิวนิกอีกด้วย โดยในช่วงเริ่มต้นของการปรับปรุง บริษัท Signa และ Central Group ได้วางแผนร่วมกันที่จะเปลี่ยน Carsch-Haus ให้เป็นห้างสรรพสินค้าหรูแห่งที่สี่ของ KaDeWe Group แต่แผนการนี้ก็ถูกตั้งคำถามว่า หลังจากที่ Signa Group ล้มละลายอย่างกระทันหัน การที่บริษัท Central Group ได้เข้าเทคโอเวอร์บริษัทที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จึงมีเหตุผลหลายประการที่จะทำให้เชื่อได้ว่า แผนดังกล่าวจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ซึ่งข่าวดังกล่างสร้างความสบายใจให้กับชาวดุสเซลดอร์ฟเป็นอย่างยิ่ง นาย Stefan Keller ผู้ว่าเมืองดุสเซลดอร์ฟกล่าวกับสำนักพิมพ์ “Rheinische Post” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกที่รายงานเกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวว่า “การหยุดเต้นของหัวใจกลางเมืองดุสเซลดอร์ฟ” โดย Carsch House ในอดีตเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อว่า Horten ก่อนที่จะกลายมาเป็นห้างสรรพสินค้า Kaufhof เป็นเวลานาน Carsch House มีประวัติศาสตร์ที่หลากหลาย โดยอาคารได้ออกแบบมาในแบบนีโอคลาสสิกแห่งนี้เปิดทำการในปี 1915 และถูกทุบทิ้งในช่วงทศวรรษปี 1970 ปัจจุบันอาคารดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากสถานที่เดิม 23 เมตร และประกอบด้วยโครงสร้างคอนกรีตสมัยใหม่ ซึ่งอิฐแต่ละก้อนด้านหน้าอาคาร (Facade) เก่า ถูกนำมาติดด้วยกาวที่ละก้อนๆ นับตั้งแต่บริษัท Signa ได้ซื้ออาคารหลังนี้ เมื่อปี 2019 และอาคารดังกล่าวก็ถูกปิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สำหรับแผนการแปลงโฉมอาคารหลังนี้ จะทำโดยนาย David Chipperfield สถาปนิกชื่อดัง
ปี 2014 นาย Benko ได้แยกกลุ่มห้าง KaDeWe ออกจากอาณาจักร Karstadt โดยเขาในฐานะผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวลานั้นกับบริษัท Central Group ต้องการสร้างเครือห้างสรรพสินค้าหรูหราในยุโรปขึ้นมา ซึ่งแผนดังกล่าวยังรวมถึงการซื้อห้างดังอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ Selfridges และ De Bijenkorf ตลอดจนบริษัท Swiss Globus Group และ Illum ในเดนมาร์ก เงินส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาบริษัทเหล่านี้มาจาก Central Group เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม แต่แม้แต่หุ้นส่วนจากไทยที่มีอำนาจทางการเงินมหาศาลก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้นาย Benko ขยายกิจการจนล้มละลายเมื่อ 2 ปีก่อนได้ ปัจจุบันนาย Benko ถูกควบคุมตัวเรียบร้อยแล้ว และถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกงและกระทำความผิดเกี่ยวกับการล้มละลายของเครือข่ายบริษัทของเขา ภายหลังการล้มละลายของบริษัท Signa Group น่าจะทำให้นายทศ จิราธิวัฒน์ เข้าครอบครองส่วนต่าง ๆ ของอาณาจักร Signa Group ที่สอดคล้องกับแผนการขยายกิจการไปยังยุโรปของเขาได้ในราคาที่น่าจะต่ำเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ดี Central Group ไม่ได้ตัดสินใจซื้อกิจการ Carsch-Haus และพัฒนาโครงการต่อโดยอัตโนมัติ เห็นได้จากการที่ Central Group ได้ยกเลิกโครงการห้างสรรพสินค้าอีกแห่งของ KaDeWe Group ไปแล้ว นั่นก็คือ ห้างสรรพสินค้า Lamarr ใจกลางกรุงเวียนนา แม้ว่าโครงการนี้จะดูมีแนวโน้มดีกว่าในอนาคตก็ตาม โดยอาคารอันตระการตาหลังนี้ได้รับการออกแบบโดยบริษัทสถาปัตยกรรม O.M.A. ของนาย Rem Koolhaas และตั้งชื่อตามนาย Hedy Lamarr ผู้มีชื่อเสียง และนักประดิษฐ์ของฮอลลีวูด เดิมมีกำหนดเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 อย่างไรก็ตาม เนื่องมาจาก Signa เจ้าของห้างดังกล่าวประกาศล้มละลายลง ทำให้ห้างสรรพสินค้าหรูที่วางแผนไว้หลังนี้จึงยังไม่ได้มีการสร้างต่อเหลือไว้เพียงโครงเปล่าที่ยังไม่เสร็จ ซึ่งรวมถึงโรงแรม Hyatt ที่ได้วางแผนนำมาตั้งไว้ในอาคารดังกล่าวด้วย ซึ่งบริษัท Central Group ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับห้างดังกล่าวด้วยโดยบริษัท Skyred Holding 9 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Central Group ก็เป็นเจ้าของบริษัท Mariahilfer Straße 10–18 GmbH เจ้าของอาคารดังกล่าว 50% ส่วนอีก 50% ถือครองโดยบริษัท Signa Prime ของนาย René Benko นั่นเอง โครงการนี้มีความสำคัญสำหรับ Central Group ขนาดไหนก็ดูได้จากกการที่ในเดือนพฤศจิกายน 2022 นายทศ ต้องเดินทางจากไทยมายังกรุงเวียนนาเพื่อการเฉลิมฉลองเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ต่อหน้าสาธารณชนของห้างสรรพสินค้าแห่งอนาคตดังกล่าวด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม หลังจากที่อาณาจักร Signa ล่มสลายลง โครงการของ Lamarr ก็ประกาศล้มละลายเช่นกัน แม้ว่าแผนการต่าง ๆ จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับแผนของกลุ่ม KaDeWe โดยตรงผู้บริหารจัดการล้มละลายก็พยายามหาเจ้าของใหม่สำหรับอาคารดังกล่าว เพื่อตอบสนองความต้องการของเจ้าหนี้อยู่แล้ว แต่ Central Group เองก็ไม่ได้เข้าซื้อกิจการของ Lamarr แต่อย่างใด แต่บริษัทฯ กลับไปเน้นการลงทุนผ่านการซื้อหุ้นของ Signa ในห้าง Globus ซึ่งเป็นเครือห้างสรรพสินค้าที่ถือครองร่วมกันในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และห้าง Selfridges ซึ่งเป็นเครือห้างสรรพสินค้าของอังกฤษ และห้าง Carsch-Haus แทน นาย Georg Stumpf นักพัฒนาอสังหาฯ และมหาเศรษฐีชาวออสเตรียได้ซื้ออาคาร Lamarr ด้วยเงินประมาณ 120 ล้านยูโร ปัจจุบันเขาได้ประกาศแผนการสร้างอาคารรกร้างแห่งนี้ต่อแล้ว โดยพื้นที่ดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาใช้สร้างห้างสรรพสินค้า และโครงสร้างอาคารจะถูกรื้อถอนลงไปจนถึงชั้นที่ 1 และจะนำมาเปลี่ยนเป็นการสร้างอพาร์ตเมนต์ประมาณ 200 ห้อง ในชั้น 2 ถึงชั้น 7 มีเพียงสวนบนดาดฟ้าเท่านั้น ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม อย่างไรก็ตาม โครงการโรงแรมที่ด้านหลังของอาคารดังกล่าวเท่านั้นที่จะคงไว้ซึ่งแผนเดิม
จาก Handelsblatt 14 กรกฎาคม 2568