fb
การปรับตัวของอุตสาหกรรมจักรยานในสหรัฐฯ
โดย
kampanarty@ditp.go.th
ลงเมื่อ 15 สิงหาคม 2568 11:00
13

     เนื้อหาสาระข่าว/บทวิเคราะห์: ภายหลังการประกาศอัตรากำแพงภาษีนำเข้าสินค้าครั้งล่าสุดเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้อุตสาหกรรมหลากหลายภาคส่วนในสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และอื่น ๆ เกิดการตื่นตัวครั้งใหญ่อีกหนหนึ่ง เพื่อการปรับตัวตามการคาดการณ์ต้นทุนสินค้าที่จะต้องปรับตัวสูงขึ้นแต่ถือว่าดีกว่าช่วงหลายเดือนก่อนที่ผ่านมา เนื่องจากค่อนข้างมีความแน่นอนในระดับหนึ่งแล้วเมื่อเทียบกับสถานการณ์ก่อนการประกาศฯ โดยหนึ่งในบรรดาอุตสาหกรรมในสหรัฐฯที่กำลังเผชิญการปรับตัวทางธุรกิจนั่นก็คืออุตสาหกรรมจักรยาน เนื่องจากเกือบทุกชิ้นส่วนในการผลิตจักรยานที่มาจำหน่ายในสหรัฐฯนั้นล้วนมาจากการนำเข้าจากประเทศในเอเชียทั้งสิ้น อาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่ต่างอะไรกับรถยนต์เลย

     สินค้าในหมวดหมู่จักรยานส่วนใหญ่ ได้แก่ สินค้าจักรยานทั่วไป (แบบเต็มคัน) สินค้าอะไหล่/ส่วนประกอบของจักรยาน สินค้าอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวเนื่องกับจักรยาน เช่น รองเท้า กระเป๋า หมวกนิรภัย เป็นต้น ตามที่กล่าวมานี้สหรัฐฯ นำเข้าจากหลายแหล่งในเอเชีย ได้แก่ จีน ไต้หวัน เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นแหล่งนำเข้าที่อยู่ในอัตรากำแพงภาษีนำเข้าค่อนข้างสูง (เฉลี่ยอยู่ที่ 30%) ซึ่งแม้ว่าจะดีกว่าก่อนหน้านี้ เช่น ในกรณีของประเทศจีนที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยประกาศอัตรากำแพงภาษีนำเข้าไว้อยู่ที่ 145% ก่อนที่จะลดลงในเวลาต่อมา แต่ก็ยังถือว่าเป็นส่วนที่จะทำให้ต้นทุนสินค้าและการผลิตสินค้าจักรยานในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้     

     ข้อมูลจาก Bicycle Retailer & Industry News แสดงให้เห็นว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าในหมวดหมู่จักรยานจากแหล่งนำเข้าต่างๆ มายังสหรัฐฯ ก็ต่างปรับตัวลดลงในช่วงระหว่างความไม่แน่นอนก่อนการประกาศอัตรากำแพงภาษีนำเข้าครั้งล่าสุด ซึ่งในภาพรวมการนำเข้าสินค้าจักรยานลดลงไปประมาณ 11% โดยหากนับถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การนำเข้าจากประเทศจีนลดลงถึง 42% สวนทางกับกัมพูชาที่สหรัฐฯ นำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 77% อันเป็นผลมาจากความพยายามในการปรับตัวหาแหล่งนำเข้าสินค้าจักรยานทางเลือก เช่นเดียวกันกับสินค้าอะไหล่/ส่วนประกอบ และสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

     ต้นทุนการผลิตจักรยานที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ในปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 100 – 200 เหรียญสหรัฐฯ/คัน ในกลุ่มสินค้าจักรยานสำหรับเด็ก จักรยานเสือหมอบ (Road Bike) อยู่ที่ประมาณ 200 – 3,000 เหรียญสหรัฐฯ/คัน และจักรยานไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐฯ/คัน โดยสถานที่จำหน่ายจักรยานส่วนใหญ่จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าทั่วไปซึ่งจะเน้นจำหน่ายจักรยานราคาประหยัดซึ่งสามารถหาได้ทั่วไป และร้านจักรยานโดยเฉพาะซึ่งจะเน้นจำหน่ายจักรยานเฉพาะทางที่มีราคาสูงกว่า

     อย่างไรก็ตาม ในระดับนโยบายนั้นได้ปรากฏความพยายามในการผลักดันกฎหมายจากรัฐสภา โดยล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายนมีความริเริ่มจาก Mike Thompson สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย พรรคเดโมแครตได้นำเสนอร่างกฏหมายพรบ.การผลิตและประกอบจักรยานของสหรัฐฯ (U.S. Bicycle Production and Assembly Act) โดยร่างพรบ.ฉบับนี้มีหัวใจสำคัญว่าด้วยการกำจัดกำแพงภาษีนำเข้าใด ๆ สำหรับสินค้าชิ้นส่วนจักรยานที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ สำหรับอุตสาหกรรมการประกอบชิ้นส่วนในสหรัฐฯ เพื่อเป็นการช่วยลดทอนต้นทุนการผลิตและประกอบจักรยานในสหรัฐฯ ให้กับบรรดาผู้ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมจักรยานของสหรัฐฯ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องในการขอรับความช่วยเหลือในด้านต้นทุนการผลิต ทั้งนี้ ร่างกฎหมายพรบ.ฉบับดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาสหรัฐฯ

bike only.png

แผนภาพที่ 1: แสดงข้อมูลสถิติมูลค่าการนำเข้าสินค้าจักรยาน (HS Code: 871200) จากแหล่งนำเข้า 5 อันดับแรกมายังสหรัฐฯในปี 2024

bike parts.png

แผนภาพที่ 2: แสดงข้อมูลสถิติมูลค่าการนำเข้าสินค้าอะไหล่/ส่วนประกอบจักรยาน (HS Code: 871491, 871492, 871493, 871494, 871495, 871496, 871499) จากแหล่งนำเข้า 5 อันดับแรกและประเทศไทยมายังสหรัฐฯในปี 2024

     ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: ในความคิดเห็นของ Stephen Frothingham บรรณาธิการบริหารของ Bicycle Retailer & Industry News ระบุว่าจักรยานโดยทั่วไปแล้วจัดว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย (Discretionary) นั่นหมายถึงหากสภาพเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะไม่สู้ดีนัก ผู้บริโภคอาจไม่ได้จัดให้จักรยานอยู่ในลำดับสินค้าสำคัญที่ต้องเลือกซื้อ ทั้งนี้ ความต้องการบริโภคสินค้าจักรยานในปัจจุบันถือว่าลดลงมาในระดับหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติโควิด-19 จากการที่กระแสความนิยมในช่วงเวลานั้นผู้บริโภคต้องการทางเลือกในการออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับการเดินทางไปยังที่ต่างๆ โดยไม่ต้องอยู่ในที่ซึ่งอากาศไหลเวียนได้ยากและใช้ร่วมกับผู้อื่น แต่หลายปีให้หลังมานี้ยอดขายจักรยานค่อนข้างจะทรงตัว โดยอยู่ที่ประมาณ 10 – 15 ล้านคัน/ปี ในสหรัฐฯ 

     ปัจจุบันกลุ่มคนในสหรัฐฯ ที่ยังนิยมใช้และเลือกใช้จักรยานเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตเป็นกลุ่มที่ใช้จักรยานเพื่อการออกกำลังกายและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติเป็นหลัก และจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตอยู่ในเมืองหรือทำงานอยู่ในเมืองต่างๆ นิยมใช้จักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอาจเนื่องจากประหยัดเวลาและสามารถเดินทางไปได้ระยะทางไกลขึ้นโดยที่ไม่เหนื่อยเหมือนปั่นจักรยานทั่วไป ซึ่งจักรยานทั้ง 2 แบบเน้นส่วนประกอบของโครงสร้างและวัสดุที่ใช้ที่แตกต่างกัน เช่น จักรยานทั่วไปเน้นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา ส่วนจักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ไฟฟ้าจะเน้นที่ขนาดประจุไฟฟ้าของแบตเตอร์รี ขณะที่อุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวเนื่องกับจักรยานทั้ง 2 แบบจะเน้นในส่วนที่แตกต่างกัน เช่น จักรยานทั่วไปเน้นภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานในแบบสปอร์ท (Sport Perception) ขณะที่ จักรยานไฟฟ้าและสกูตเตอร์ไฟฟ้าเน้นภาพลักษณ์ของผู้ใช้งานในแบบสังคมเมือง (City Lifestyle) 

     ดังนั้น ผู้ผลิตและส่งออกสินค้าจักรยาน สินค้าอะไหล่/ส่วนประกอบจักรยาน ตลอดจนสินค้าอุปกรณ์เครื่องใช้ที่เกี่ยวข้องกับจักรยานจากไทย ควรศึกษาข้อมูลความต้องการของตลาดที่มีต่อสินค้าจักรยานสหรัฐฯ และแนวโน้มความพยายามในการปรับตัวของทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐในการรับมือกับการขยับตัวของต้นทุนการผลิตและการประกอบจักรยานในสหรัฐฯ เพื่อประโยชน์ในการวางแผนการส่งออกและขยายตลาดต่อไป 


ที่มา: Spectrum News
เรื่อง“US Bicycle Industry shifts to adapt to tariffs on top bike exporters”
โดย: Susan Carpenter
สคต. ไมอามี /วันที่ 14สิงหาคม 2568

Share :
Instagram