ที่มา : สำนักข่าว The Standard
เศรษฐกิจมาเลเซียเติบโตเกินความคาดหมายในไตรมาส 2/2568 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากร้อยละ 4.4 ในไตรมาสแรก และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4.2 การขยายตัวดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีใหม่ โดยมีแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากมาเลเซียในอัตราร้อยละ 25 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนหลักจาก ภาคบริการ ที่เติบโตถึงร้อยละ 5.3 โดยเฉพาะธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การขนส่ง และคลังสินค้า ขณะที่ภาคเกษตรกลับมาเติบโตร้อยละ 2 จากแรงส่งของปาล์มน้ำมัน ยางพารา และปศุสัตว์ ส่วนภาคการผลิตขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 3.8 ขณะที่ภาคเหมืองแร่และพลังงานยังหดตัวหนักร้อยละ -7.4 โดยรวมแล้ว เศรษฐกิจไตรมาส 2 ขยายตัวร้อยละ 5.9 แบบปีต่อปี และเติบโตร้อยละ 2.9 แบบไตรมาสต่อไตรมาส ซึ่งเป็นครั้งที่สองในปีนี้ที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าประมาณการล่วงหน้า
ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) ประเมินว่าเศรษฐกิจทั้งปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ ระดับสูงสุดของช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 5 สะท้อนแรงขับเคลื่อนจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะ การลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, การเติบโตของ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ได้รับแรงผลักจากเทคโนโลยี AI และการฟื้นตัวของ ภาคการท่องเที่ยว ที่รายได้จากนักท่องเที่ยวในช่วง 6 เดือนแรกแซงหน้าระดับก่อนโควิด-19 แล้ว ขณะที่รัฐบาลยังเดินหน้าแผนผลักดันประเทศให้เป็นศูนย์กลางการออกแบบชิปในภูมิภาคอาเซียน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของมาเลเซีย ส่งผลให้การขนส่งสินค้าไปจีนลดลงในเดือนมิถุนายน และอาจกระทบการส่งออกของประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี นอกจากนี้ แรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลยกเลิกการอุดหนุนราคาดีเซลบางส่วนในเดือนมิถุนายน และเปลี่ยนไปใช้มาตรการช่วยเหลือแบบกำหนดเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเชื่อว่าผลกระทบอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและโอกาสจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยี มาเลเซียยังคงรักษาบทบาทในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและการผลิตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างมั่นคง
บทวิเคราะห์ผลกระทบ
เศรษฐกิจมาเลเซียไตรมาส 2/2568 ขยายตัวร้อยละ 4.5 จากแรงหนุนของภาคบริการ เซมิคอนดักเตอร์ การบริโภค และการท่องเที่ยว ธนาคารกลางมาเลเซียคาด GDP ทั้งปีอาจแตะร้อยละ 5 โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากความต้องการชิปทั่วโลกและการลงทุนในศูนย์ข้อมูล ขณะเดียวกันการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวฟื้นเกินระดับก่อนโควิด และการลงทุนจากต่างชาติในเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาเลเซียยังมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางออกแบบชิปของภูมิภาค ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อไทยในด้านการส่งออกวัตถุดิบ บริการ และโอกาสในห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยีระหว่างประเทศ
ความคิดเห็น สคต.
สำนักงานฯ เห็นว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจมาเลเซียในไตรมาส 2/2568 ที่เร่งตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะแรงหนุนจากภาคบริการ การบริโภคภาคเอกชน อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนเป็นสัญญาณบวกต่อการค้าการลงทุนในภูมิภาค
ในมุมของไทย สำนักงานฯ เห็นว่าการเติบโตของมาเลเซียจะช่วยกระตุ้นความต้องการนำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับซัพพลายเชนเทคโนโลยี ผู้ประกอบการไทยควรติดตามแนวโน้มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับตัวให้ทันกับโอกาสที่อาจเกิดขึ้นจากบทบาทที่ขยายตัวของมาเลเซียในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจสำคัญของอาเซียน
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์