fb
เครื่องดื่มอีฟ “IF” น้ำมะพร้าวแบรนด์ไทย ครองตลาดจีนด้วยยอดขายหมื่นล้านบาท

เครื่องดื่มอีฟ “IF” น้ำมะพร้าวแบรนด์ไทย ครองตลาดจีนด้วยยอดขายหมื่นล้านบาท

โดย
sirinanw@ditp.go.th
ลงเมื่อ 02 กรกฎาคม 2568 12:05
54

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องดื่มน้ำมะพร้าวแบรนด์ไทยอย่าง “IF” หรือที่มีชื่อในภาษาจีนว่า “溢福” (อี้ฝู) ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในตลาดจีน ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่เน้นความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง แม้จะมีทีมงานเพียง 46 คน แต่สามารถสร้างยอดขายในปี 2567 ได้มากถึง 1.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 57,000 ล้านบาท จึงกลายเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงศักยภาพของธุรกิจขนาดเล็กที่สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในตลาดต่างประเทศ โดยสามารถตอบรับกับกระแสของผู้บริโภคชาวจีนที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความน่าเชื่อถือของทั้งแบรนด์และสินค้าได้อย่างลงตัว 

กลยุทธ์ธุรกิจที่เข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง

กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จะมุ่งเน้นการเจาะกลุ่มผู้บริโภคในเขตเมืองช่วงอายุระหว่าง 20–45 ปี โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิตแบบเร่งรีบและให้ความสำคัญกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ นักกีฬา ผู้หญิงวัยทำงาน รวมถึงกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องโภชนาการ ดังนั้น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แบบโปร่งใสและมีความทันสมัย ช่วยให้ผู้บริโภคมองเห็นสินค้าภายในได้อย่างชัดเจน เพิ่มความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพและความสะอาด  

 

image.png

( ภาพและแหล่งที่มา : https://thematter.co/brandedcontent/if-turn-tears-to-cheers/231490)

นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีกลยุทธ์การตลาดที่ตอบรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล โดยเลือกใช้เซียวจ้าน” นักแสดงและดาราชื่อดังของวงการบันเทิงจีนเป็นพรีเซนเตอร์ และการออกเวอร์ชันพิเศษร่วมกับแบรนด์ดังอย่าง POP MART  ในการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยและขยายฐานผู้บริโภค อีกทั้งยังมีการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ที่สอดคล้องกับเทรนด์ของตลาดมากขึ้น เช่น “ลาเต้นมมะพร้าว” ที่ร่วมกับแบรนด์ Luckin Coffee และสามารถสร้างยอดขายสูงถึง 3 ล้านแก้วภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์

 

การเติบโตขึ้นสู่ผู้นำในตลาดน้ำมะพร้าวของจีน

 

if3.jpg

ภาพและแหล่งที่มา : https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing_trends/2790286

ความสำเร็จของแบรนด์ IF ไม่ได้เกิดจากคุณภาพของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการวางระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ โดยแบรนด์เลือกใช้วัตถุดิบจากสวนมะพร้าวน้ำหอมในประเทศไทยที่มีกำลัง   การผลิตมากถึง 500 ล้านลูกต่อปี ซึ่งช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้ถึงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับคู่แข่ง พร้อมกับสร้างข้อได้เปรียบเชิงรสชาติที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ และสามารถก้าวขึ้นเป็นแบรนด์น้ำมะพร้าวที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุดในประเทศจีน โดยในปี 2567 มีส่วนแบ่งตลาดสูงถึงร้อยละ 34 และครองอันดับหนึ่งในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกันต่อเนื่องกันถึง ปี นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์ เช่น Tmall และ JD.com รวมถึงช่องทางออฟไลน์ เช่น ร้านสะดวกซื้อ  ฟิตเนสคลับ และซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในเมืองใหญ่ได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง

 

ความท้าทายที่มาพร้อมการเติบโต                                                                                                        

อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในตลาดจีน แต่แบรนด์ IF ก็ยังคงมีความเสี่ยงในด้านโครงสร้างรายได้ที่พึ่งพาตลาดจีนมากถึงร้อยละ 97 และร้อยละ 95.6 ของรายได้มาจากน้ำมะพร้าวเพียงชนิดเดียว สะท้อนถึงการพึ่งพาสินค้าและตลาดในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หรือมีคู่แข่งท้องถิ่นที่สามารถเลียนแบบสินค้าแบบเดียวกันได้ในราคาที่ต่ำกว่า อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ แบรนด์ยังพึ่งพาวัตถุดิบจากประเทศไทยเป็นหลัก ทำให้มีความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อซัพพลายเชนในประเทศ ในขณะเดียวกัน ตลาดจีนเองก็เริ่มมีการแข่งขันที่เข้มข้นมากขึ้น จากทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Vita Coco, Kara, หรือกลุ่มเครื่องดื่มทางเลือกอื่นๆ เช่น เครื่องดื่มน้ำอัดลมและชาไม่มีน้ำตาลที่มาแรงในกลุ่มวัยรุ่น

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู                                                                                                  

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์เครื่องดื่มไทยอย่าง “IF” ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จของสินค้าไทยที่สามารถเติบโตในตลาดจีนได้อย่างโดดเด่น โดยอาศัยคุณภาพของน้ำมะพร้าวน้ำหอมซึ่งเป็นวัตถุดิบจากประเทศไทย การสื่อสารแบรนด์ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมไปจนถึงการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย จนสามารถสร้างยอดขายทะลุ 1.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 57,000 ล้านบาท ในปี 2567 และครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งในหมวดน้ำมะพร้าวติดต่อกัน ปี อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาตลาดจีนในสัดส่วนที่สูงและมีสินค้าหลักเพียงประเภทเดียว ยังถือเป็นความเสี่ยงในระยะยาว

ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการไทย จึงควรพิจารณาพัฒนาสินค้าให้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มสุขภาพ เช่น ขนมจากมะพร้าว โปรตีนบาร์ หรือเครื่องดื่มฟังก์ชันที่มีส่วนผสม    ของวิตามินและโพรไบโอติก พร้อมทั้งขยายตลาดไปยังประเทศในอาเซียนที่กำลังเติบโต เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดจีนเพียงแห่งเดียว ขณะเดียวกันควรลงทุนในช่องทางการขายที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เช่น TikTok Store หรือ Mini Program บน WeChat เพื่อสร้างฐานลูกค้า ลดการพึ่งพาตัวแทน และควบคุมการสื่อสารแบรนด์ได้อย่างใกล้ชิด หากสามารถดำเนินการได้ตามแนวทางเหล่านี้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ไทยในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน

-----------------------------------

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

กรกฎาคม 2568

แหล่งข้อมูล

http://www.xinhuanet.com/food/20250429/ef67ea9247164756b802c4cf42388774/c.html    

                                                                                                                               

Share :
Instagram