fb
ออสเตรเลียยืนยันเดินหน้าเจรจาลดภาษีทรัมป์เป็นศูนย์

ออสเตรเลียยืนยันเดินหน้าเจรจาลดภาษีทรัมป์เป็นศูนย์

โดย
Nonglukl@ditp.go.th
ลงเมื่อ 08 สิงหาคม 2568 12:30
19

วันที่ 1 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เป็นวันครบกำหนดที่สหรัฐอเมริกาขยายเวลาการเรียกเก็บภาษี Reciprocal tariff แม้ว่าออสเตรเลียจะจัดอยู่ในประเทศที่ยังไม่สามารถเจรจาต่อรองในข้อตกลงร่วมกันกับสหรัฐฯ ในช่วงขยายเวลาได้ แต่สินค้าส่งออกออสเตรเลียโดยส่วนใหญ่ยังถูกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งเป็นอัตราขั้นพื้นฐานต่ำสุด แม้ว่าจะมีสินค้าบางรายถูกเรียกภาษีในอัตราสูง เช่น

  1. สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ส่งออกไปสหรัฐฯจะถูกภาษีนำเข้าร้อยละ 50 เริ่ม 4 มิถุนายน 2568

  2. สินค้ารถยนต์ รถบรรทุกขนาดเล็ก (Light trucks) และชิ้นส่วนยานยนต์บางประเภทต้องเสียภาษีนำเข้าร้อยละ 25

  3. ผลิตภัณฑ์ทองแดงและผลิตภัณฑ์ที่มีทองแดงบางชนิดจะถูกภาษีนำเข้าร้อยละ 50 เริ่มตั้งแต่วันที่ สิงหาคม 2568

สินค้าบางรายการกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบการนำเข้าเพื่อประเมินผลกระทบที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ภายใต้พระราชบัญญัติ Trade Expansion Act 1962 ดังนี้

- สินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้รวมถึงผลิตภัณฑ์อนุพันธ์บางประเภท

- สินค้า Semiconductors อุปกรณ์การผลิต Semiconductor และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์บางประเภท (เช่น โทรศัพท์ Smartphones และ Laptops)

ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ส่วนประกอบทางเภสัชกรรม และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์

แร่สำคัญบางประเภทและผลิตภัณฑ์อนุพันธ์

รถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่และชิ้นส่วนรถบรรทุกที่เกี่ยวข้อง

- อากาศยาน เครื่องยนต์เจ็ต และชิ้นส่วน 

- โพลีซิลิคอนและอนุพันธ์

- ระบบอากาศยานไร้คนขับ ชิ้นส่วนและส่วนประกอบ

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการยกเว้นภาษี de minimis สำหรับสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำทั้งหมดเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ส่งผลให้สินค้าทั้งหมดที่มีมูลค่า 800 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หรือต่ำกว่าจะต้องเสียภาษีตามอัตราที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ อีกทั้ง สหรัฐฯกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเรียกเก็บภาษียาและเภสัชภัณฑ์ในอัตราร้อยละ 200 ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ส่งออกสำคัญของออสเตรเลียไปยังสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันได้รับการยกเว้นภาษี

การปรับเปลี่ยนภาษี Reciprocal tariff ใหม่ของทรัมป์จะส่งผลให้การเติบโตเศรษฐกิจโลกลดลง โดยเฉพาะ สวิตเซอร์แลนด์ ไทยและไต้หวัน รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงโดยคาดว่า การเติบโตของ GDP สหรัฐฯจะลดลงร้อยละ 0.36 มีมูลค่า 108.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 861 เหรียญสหรัฐฯต่อครัวเรือนต่อปีจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ออสเตรเลียและอังกฤษได้รับผลกระทบเชิงบวกมากกว่าเชิงลบ

ปัจจุบันสินค้าออสเตรเลียที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกาเผชิญกับอัตราภาษีร้อยละ 10 มาตั้งแต่วันที่ เมษายน 2568 และการปรับเปลี่ยนการเก็บภาษีใหม่เพิ่มเติมในสินค้าบางรายการรวมถึงการยกเลิกการยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้ามูลค่าต่ำ จะกระทบต่อผู้ส่งออกรายย่อยของออสเตรเลีย 

แม้ว่าภาษี Reciprocal tariff ของสหรัฐฯจะกลายเป็นปัจจัยบวกในการเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันของสินค้าและผลิตภัณฑ์ออสเตรเลีย (เช่น ไวน์ เนื้อวัว เนื้อแกะ และข้าวสาลี) ที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากสินค้าคู่แข่งจากประเทศอื่นๆ ต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงกว่า และจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจออสเตรเลียในการขยายตลาดในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นแต่นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียและนาย Don Farrell รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลียยังยืนยันจะเจรจาต่อรองไปจนกว่าสินค้าออสเตรเลียที่จำหน่ายไปยังสหรัฐอเมริกาจะปลอดภาษี เนื่องจากออสเตรเลียขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ และข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี (AUSFTA) สินค้าส่งออกออสเตรเลียจึงไม่ควรมีภาษี

...............................................................................................................................................................................................

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครซิดนีย์

ทีมา:

www.dfat.gov.au/ www.abc.net.au / www.news.com.au

 

 

Share :
Instagram