Black Friday รุกตลาดคริสต์มาสเดนมาร์ก
Black Friday ส่งผลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายช่วงเทศกาลคริสต์มาสในเดนมาร์ก โดย Black Friday ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ยอดขายช่วงคริสต์มาส” ไปแล้ว จากยอดขายในเดือนพฤศจิกายนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายในเดือนธันวาคมกลับเริ่มลดลง ทั้งนี้ การวางกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับช่วงเวลาและกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญ
ผลสำรวจจาก DI Handel (the Confederation of Danish Industry) และสำนักงานสถิติแห่งชาติของเดนมาร์ก (Danmarks Statistik) ชี้ให้เห็นว่า 56% ของการจับจ่ายใช้สอยในช่วง Black Friday เป็นของขวัญให้แก่ผู้อื่น และ 91% ของผู้ซื้อเลือกซื้อจากร้านค้าที่เคยซื้อประจำอยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาฐานลูกค้าเดิม
บทความจากนิตยสารธุรกิจในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ AU.CLOCK ระบุว่า แบรนด์ต่างๆ อาจพิจารณาวางแผนกลยุทธ์แบบเฉพาะเจาะจง เช่น การเน้นเสนอข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าประจำ และเพิ่มความสำคัญกับช่องทางที่มีอัตราการเข้าถึงสูง เช่น Instagram, Facebook และจดหมายข่าว (newsletter) โดยเฉพาะจดหมายข่าว ที่แม้จะยังมีผู้ติดตามน้อย (32%) แต่ให้ความคุ้มค่าในระยะยาวเพราะเป็นช่องทางที่ แบรนด์สามารถควบคุมเนื้อหาได้เองและมีต้นทุนต่ำกว่า
นอกจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการคืน หรือเปลี่ยนสินค้าเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อยอดขายจำนวนมากเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน อีกทั้งยังควรขยายระยะเวลาให้ครอบคลุมถึงช่วงหลังคริสต์มาส เพื่อให้สอดคล้องกับความคาดหวังของลูกค้า
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือพฤติกรรมผู้บริโภคตามช่วงอายุ พบว่า Generation Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997–2012) เป็นกลุ่มที่มีอัตราการซื้อในช่วง Black Friday สูงที่สุด (79%) ในขณะที่กลุ่ม Boomer (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1946–1964) มีเพียง 45% เท่านั้นที่ซื้อของในช่วงดังกล่าว ซึ่งสะท้อนว่าการทำแคมเปญออนไลน์ควรเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานตอนต้น ส่วนกลุ่มผู้สูงวัยยังคงนิยมการซื้อในร้านค้า
ในปี 2024 Black Friday ตรงกับวันศุกร์สุดท้ายของเดือน ซึ่งเป็นวันเงินเดือนออก และอยู่ใกล้กับวันอาทิตย์แรกแห่งเทศกาล Advent ทำให้เกิดการใช้จ่ายมากเป็นพิเศษ จากข้อมูลของ DI Handel ในปี 2024 พบว่า 6 ใน 10 ของผู้บริโภคเตรียมตัวซื้อของช่วง Black Friday ล่วงหน้าโดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,800 โครนเดนมาร์ก (ประมาณ 14,000 บาท) ขยายตัวร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้ค้าอาจมอง Black Friday เป็นส่วนหนึ่งของ “ฤดูการขายปลายปี” ที่การวางแผนเชิง กลยุทธ์อย่างชาญฉลาดเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งในแง่กลุ่มเป้าหมาย ช่องทางการสื่อสาร และการบริหารต้นทุนการตลาด โดยไม่ควรมองว่าช่องทางออนไลน์จะมาแทนที่ร้านค้า แต่อาจผสานทั้งสองแบบเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง
ที่มา: AU.CLOCK Nummer 3, 2025
บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อไทย ข้อเสนอแนะ โอกาสและแนวทาง และความคิดเห็นของสคต.:
จากข่าวนี้สะท้อนถึงแนวโน้มการวางแผนการซื้อล่วงหน้า และมีเป้าหมายมากขึ้นของผู้บริโภคในตลาดเดนมาร์ก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัยหนุ่มสาวที่นิยมซื้อของล่วงหน้า และเลือกซื้อจากแบรนด์ที่รู้จัก และเคยใช้บริการ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อสินค้าไทยที่มีคุณภาพและมีการสร้างแบรนด์ชัดเจนในตลาดเดนมาร์กอยู่แล้ว หากสามารถวางกลยุทธ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มนี้ จะมีโอกาสขยายส่วนแบ่งตลาดได้ในช่วงยอดขายสูงของปี
ทั้งนี้ Black Friday กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการจับจ่ายในฤดูหนาว และผู้บริโภคส่วนใหญ่มีแนวโน้มซื้อของขวัญให้ผู้อื่นมากกว่าซื้อเพื่อใช้เอง การวางแผนส่งออกจึงควรคำนึงถึงรอบการผลิต การขนส่ง และความพร้อมของสินค้าในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อให้สามารถเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการขายของผู้นำเข้า และร้านค้าปลีกในช่วงสำคัญนี้ได้ทัน นอกจากนี้ ยังอาจสามารถเน้นการตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม (targeted marketing) ผ่านช่องทางที่ชาวเดนมาร์กนิยมใช้ เช่น Instagram, TikTok, Facebook และจดหมายข่าว โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านคู่ค้าในท้องถิ่นหรือผู้นำเข้าสินค้าที่มีความเข้าใจตลาด
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการอาจสามารถพิจารณาการเริ่มสร้างฐานลูกค้าเดิมที่ภักดีในตลาดเดนมาร์กผ่านการร่วมมือกับร้านค้าปลีกที่มีอยู่แล้ว พร้อมกับการวางแผนแคมเปญส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าในช่วง Black Friday และคริสต์มาส เพื่อให้สินค้าไทยเป็นตัวเลือกหนึ่งที่สำคัญของผู้บริโภค ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับการรับประกันคุณภาพสินค้า บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะกับการมอบเป็นของขวัญ และนโยบายการคืนสินค้าที่ให้ข้อมูลอย่างชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้