fb
รายงานสถานการณ์สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ในประเทศอิหร่าน

รายงานสถานการณ์สินค้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ในประเทศอิหร่าน

โดย
viriyak@ditp.go.th
ลงเมื่อ 13 สิงหาคม 2568 19:16
21

สถานการณ์ตลาดโดยรวม

ประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่ไม่สามารถผลิตยางพาราได้เนื่องจากสภาพภูมิอากาศและภูมิศาสตร์ไม่เหมาะสมกับการปลูกยางพารา ทำให้อิหร่านต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากต่างประเทศ อิหร่านมีการนำเข้ายางพารา 2 ชนิด             

1) ยางพาราธรรมชาติ เลขพิกัด (HS Code 4001) เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหรรมผลิตยางรถยนต์และอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมรองเท้า ถุงมือยาง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ฯลฯ โดยยางพาราที่มีการนำเข้าหลัก ได้แก่ ยางแผ่นธรรมชาติ TSNR และยางแผ่นรมควัน ในพิกัดศุลกากร (HS Code 40011000) (HS Code 40011090) (HS Code 40012200) (HS Code 40012100) และ (HS Code 40012900และ                

2) ยางพารา  สังเคราะห์ เป็นยางที่ผลิตขึ้นจากการสังเคราะห์ทางเคมี เลขพิกัด (HS Code 4002) ในแต่ละปีอิหร่านมีความจำเป็นต้องนำเข้ายางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการของภาคการผลิตต่างๆ ซึ่งเป็นภาคการผลิตหลักของประเทศ

อิหร่านมีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดภูมิภาคตะวันออกกลาง และอุตสาหกรรมรถยนต์ของอิหร่านเป็นอุตาหกรรมใหญ่อันดับสองรองจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ อิหร่านมีโรงงานผลิตยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ จำนวนมากภายในประเทศ ส่งผลให้อิหร่านกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำเข้ายางพารารายใหญ่ของภูมิภาค เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์ของประเทศอิหร่านมีปริมาณการผลิตในระดับสูง จึงมีความจำเป็นต้องอาศัยการนำเข้ายางพาราในฐานะวัตถุดิบหลักเพื่อรองรับกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์ ในอิหร่านจึงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในกระบวนการผลิตยางรถยนต์จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบจากยางพาราในการผลิตประมาณร้อยละ 25-30 โดยยางพาราที่อิหร่านนำเข้าส่วนใหญ่มาจากประเทศมาเลเซีย จีน เวียดนาม   อินโดนิเซีย ไทย สิงคโปร์

ความต้องการบริโภค

ตามสถิติการรายงานปริมาณการใช้ยางในตลาดภูมิภาคตะวันออกกลาง พบว่า ในอิหร่านมีปริมาณการใช้ยางสังเคราะห์ปี 2024 ประมาณ 418,000 ตัน จากสถิติดังกล่าวทำให้อิหร่านกลายเป็นผู้บริโภคยางสังเคราะห์รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค อย่างไรก็ตามข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับปริมาณการใช้ยางพาราธรรมชาติในอิหร่านในปัจจุบันนั้นหายากและยังไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการ ซึ่งแม้จะไม่มีข้อมูลเชิงสถิติที่ชัดเจนเกี่ยวกับปริมาณความต้องการใช้ยางพาราเฉลี่ยต่อปีในอิหร่าน แต่โดยภาพรวมสามารถกล่าวได้ว่า อิหร่านนับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการใช้ยางพาราในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค

อย่างไรก็ดี สามารถสรุปได้ว่า ปริมาณการใช้ยาง ในประเทศอิหร่านทั้งยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์เฉลี่ยประมาณ 450,000 455,000 ตันต่อปี

ทั้งนี้ ประเภทยางพาราที่อิหร่านนิยมใช้ในอิหร่านได้แก่  

Natural Rubber: Smoked sheets, TSNR, Latex, 

Synthetic Rubber (NBR): Acrylonitrile‑butadiene rubber

Synthetic Rubber ทั่วไป: SBR, BR, CIIR/BIIR และอื่น ๆ

การนำเข้า 

เนื่องจากอิหร่านไม่มีความสามารถในการผลิตยางได้ทั้งหมด จึงต้องอาศัยการนำเข้ายางพาราเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการทั้งหมดของประเทศ แม้ว่าอิหร่านจะเป็นผู้ผลิตยางสังเคราะห์ แต่ยางชนิดนี้ไม่สามารถทดแทนยางพาราได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้อิหร่านจำเป็นต้องนำเข้ายางพาราต่อไป ปริมาณการนำเข้ายางพาราของอิหร่านในแต่ละปีได้รับอิทธิพลจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น อุตสาหกรรมยางล้อ อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้ายางธรรมชาติจากประเทศอื่นๆ ด้วยกับความต้องการวัตถุดิบด้านการผลิตทำให้อุตสาหกรรมการผลิตยางล้อรถยนต์ของอิหร่านจึงมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้ายางพาราในฐานะวัตถุดิบหลักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ประเทศผู้ผลิตยางพาราที่สำคัญรายใหญ่ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าหลักสำหรับหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงอิหร่าน โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกยางพาราของโลก ขณะที่ ยางสังเคราะห์ มักนำเข้าจากประเทศ จีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี เป็นหลัก

อนึ่ง อิหร่านนำเข้ายางพาราจากประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยทำการค้า 1.) แบบโดยตรง และ 2.) ผ่านประเทศที่สาม หรือผ่านตัวกลางในภูมิภาค อาทิเช่น ประเทศจีน  ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น ซึ่งจีนเป็นศูนย์กลางการค้ายางพาราและมีส่วนแบ่งการนำเข้าจากไทยถึง 1.1 ล้านตันต่อปี

สถิติการนำเข้ายางพาราของอิหร่าน( HS. Code 4001) ระหว่างปี 2021-2025 แยกตามประเทศ

  หน่วย เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

 

No

Country

2021

M.S%

2022

M.S%

2023

M.S %

2024

M.S %

2025 (21 March -21 June)

M.S %

1

Thailand

8,467,045

5.84%

6,158,406

3.87%

8,922,853

5.58%

1,975,722

3.76%

3,199,490

8.67%

2

Emirate

59,030,786

40.69%

69,987,225

43.98%

45,567,426

28.51%

14,277,544

27.17%

10,046,696

27.21%

3

Indonesia

157,188

0.11%

552,341

0.35%

 

0.00%

 

0.00%

596,276

1.61%

4

Turkey

115,706

0.08%

 

0.00%

2,840,347

1.78%

 

0.00%

1,008,761

2.73%

5

Kuwait

11,398,216

7.86%

6,667,122

4.19%

6,736,153

4.22%

7,481,909

14.24%

3,499,566

14.24%

6

Taiwan

165,832

0.11%

194,974

0.12%

 

0.00%

 

0.00%

 

0.00%

7

Singapore

5,155,943

3.55%

5,920,237

3.72%

16,732,589

10.47%

3,301,912

6.28%

5,113,976

13.85%

8

Germany

725,868

0.50%

2,124,215

1.33%

3,673,271

2.30%

141,121

0.27%

226,257

0.27%

9

Malaysia

55,481,332

38.25%

66,163,827

41.58%

72,626,005

45.45%

23,989,553

45.65%

11,496,507

45.65%

10

India

1,902,146

1.31%

62,019

0.04%

 

0.00%

1,000

0.00%

 

0.00%

11

China

398,990

0.28%

588,480

0.37%

1,991,454

1.25%

1,240,833

2.36%

1,057,792

2.36%

12

Vietnam

605,793

0.42%

391,938

0.25%

585,040

0.37%

102,178

0.19%

48,161

0.13%

13

Hong Kong

1,458,740

1.01%

 

0.00%

 

0.00%

42,023

0.08%

 

0.00%

14

Other

 

0.00%

330,705

0.21%

128,618

0.08%

 

0.00%

630,376

1.71%

Sub total

145,063,585

100

159,141,489

100

159,803,756

100

52,553,795

100

36,923,858

100

ตามสถิติของกรมศุลกากรแห่งชาติอิหร่านปีงบประมาณอิหร่าน 1402 (ปี 2023)  อิหร่านมีการนำเข้ายางพาราปริมาณ 101,000 ตัน และยางสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องปริมาณ 46,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 307 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ  เทียบกับปีก่อนหน้าปริมาณการนำเข้ายางพาราของอิหร่านลดลงอย่างมากคิดเป็นมูลค่าประมาณร้อยละ 24.2

อิหร่านนำเข้ายางพาราจากประเทศมาเลเซียลดลง

จากการวิเคราะห์สถิติข้อมูลพบว่า ประเทศมาเลเซียเคยเป็นประเทศแหล่งนำเข้ายางพาราที่สำคัญของอิหร่านมาโดยตลอด จากการอ้างอิงแหล่งข้อมูลสถิติของมาเลเซียพบว่าระหว่างปี 2013 ถึง 2020 อิหร่านเป็นประเทศ ผู้นำเข้ายางพาราจากมาเลเซียใหญ่เป็นอันดับที่ 3 รองจากจีนและเยอรมนี

อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซีย พบว่า ตั้งแต่หลังปี 2020 เป็นต้นมาปริมาณการนำเข้ายางพาราของอิหร่านมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจากการเป็นผู้นำเข้ายางพาราอันดับที่ 7 ในปี 2022 เปลี่ยนมาอยู่อันดับที่ 8 ในปี 2023 และลดลงมาอยู่ที่อันดับที่ 12 ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2024

ปริมาณการนำเข้ายางพาราของอิหร่านใน 8 เดือนแรกของปี 2024 มีปริมาณ 3,600 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 อิหร่านมีการนำเข้ายางพาราจากมาเลเซียปริมาณ 7,000 ตัน ขณะที่ในปี 2020 การนำเข้ายางพาราของอิหร่านจากมาเลเซียมีปริมาณมากกว่า 20,100 ตัน

การที่สถิติการนำเข้ายางพาราของอิหร่านจากมาเลเซียลดลงอย่างเห็นได้ชัด อาจเป็นไปได้ว่าการที่อิหร่านส่งสินค้าผ่านมายังประเทศที่สามจึงถูก Re-export อีกครั้ง ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่า สถิติการส่งออกยางพาราของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มาอิหร่านมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น

ในปี 2023 อิหร่านนำเข้ายางพาราและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องรวมมูลค่า 38.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของวัตถุดิบนี้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ 

ประเทศผู้ส่งออกหลักสินค้ายางพารา

No

ประเทศ

มูลค่าล้านเหรียญสหรัฐฯ

1

มาเลเซีย

20.9 

2

ประเทศไทย

16.8 

3

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

   0.429 

4

ศรีลังกา

    0.094

5

จีน

    0.053

ไทยส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ไปอิหร่านในปี 2023 สรุปได้ ดังนี้

 1. เลขพิกัด 400121 – ยางธรรมชาติแผ่นรมควัน (Smoked Sheets of Natural Rubber)

  • ปี 2023 ไทยส่งออกไปอิหร่านมูลค่า 199,580 เหรียญสหรัฐฯ ปริมาณ 120,960 กิโลกรัม

  • ปี 2022 ไทยส่งออกไปอิหร่านจำนวนใกล้เคียงกัน มูลค่าประมาณ 222.370เหรียญสหรัฐฯ 

2. เลขพิกัด 400122 – ยางธรรมชาติแบบกำหนดทางเทคนิค (Technically Specified Natural Rubber, TSNR)

  • ในปี 2023 ไทยส่งออกไปยังอิหร่านมูลค่า 5,134,900เหรียญสหรัฐฯ ปริมาณ 3,548,160 ิโลกรัม

3. เลขพิกัด 400700 – เส้นด้ายหรือเชือกจากยางผ่านกระบวนการวุลคาไนซ์ (Vulcanized Rubber Thread and Cord)

  • ในปี 2023 ไทยส่งออกไปอิหร่านมูลค่า 6,957,000เหรียญสหรัฐฯ ปริมาณ 2,362,540 กิโลกรัม

ยางที่นำเข้าอิหร่าน ได้แก่ ยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ ยางธรรมชาติได้มาจากยางไม้ ซึ่งได้แก่ ยางประเภท SMR20 และ RSSส่วนยางสังเคราะห์ผลิตจากกระบวนการพอลิเมอไรเซชันและไฮโดรคาร์บอนต่างๆ ได้แก่ ยาง SBR ยาง BR ยาง IR และยางบิวทิลฮาโลเจน

กฎระเบียบการนำเข้ายางพาราของอิหร่าน

สินค้าที่นำเข้าทุกชนิดจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ของอิหร่านก่อน

- เอกสารประกอบการนำเข้า ได้แก่

- B/L 4 ฉบับ

- C/O

- Commercial Invoice 2 ฉบับ มีรายละเอียดเกี่ยวกับราคาสินค้า ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย

- Import License ที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ของอิหร่าน

- Packing List 6 ชุด

- Pro Forma Invoice เพื่อเป็นหลักฐานในการแจ้งขอนำเข้าสินค้า

- เอกสารนำเข้าต่างๆ จะต้องมีเลขทะเบียนของผู้นำเข้าปรากฏอยู่ด้วย โดยผู้ส่งออกสามารถขอจากผู้นำเข้า ดังนั้น ผู้ส่งออกต้องไม่ขนส่งสินค้าออกจากท่าเรือ จนกว่าจะได้รับเลขประจำตัวจากผู้นำเข้าก่อน

Chapter 40 Rubber and articles thereof

Heading, Subheading No.DescriptionRemarkPreferential TariffSUQImport duty
4001 21 00

Smoked sheets

  Kg5
4001 22 00

Technically specified natural rubber (TSNR)

  Kg5
4001 29 00 Other  Kg5
4001 30 00Balata, gutta-percha, guayule, chicle and similar natural gums  Kg5
40 01Natural rubber, balata, gutta-percha, guayule, chicle and similar natural gums, in primary forms or in plates, sheets or strip    
4001 10 00

Natural rubber latex, whether or not pre-vulcanised

-rubber Natural in other forms
 

  Kg5

 

ข้อจำกัดและปัจจัยที่มีผลต่อการนำเข้า

1 การคว่ำบาตรและข้อจำกัดทางการค้า อิหร่านเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ส่งผลต่อการนำเข้าสินค้าต่างๆ รวมถึงยางพารา การคว่ำบาตรนี้ทำให้อิหร่านต้องทำการค้าแบบหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรกับประเทศพันธมิตรอิหร่าน เช่น จีน อินเดีย หรือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นต้น

2 ความผันผวนของราคา ราคายางพาราในตลาดโลกมีความผันผวนสูง ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปสงค์ความต้องการของตลาดโลกและสภาพอากาศในประเทศแหล่งผลิต เช่น ไทย มาเลเซีย อินโดนิเซีย ฯลฯ ซึ่งจส่งผลต่อต้นทุนการนำเข้ายางพาราของอิหร่าน

       3 การทำการค้าผ่านตัวกลางหรือประเทศที่สาม เนื่องจากข้อจำกัดทางการทำธุรกรรมทางการเงินและการขนส่งสินค้า ทำให้อิหร่านนำเข้ายางพาราผ่านตัวกลางประเทศที่สาม เช่น จีน ตุรกีหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้น 

อุตสาหกรรมผลิตยางล้อรถยนต์ของอิหร่าน

ช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน ประมาณ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศอิหร่านมีโรงงานผลิตยางรถยนต์เพียง 3 แห่งเท่านั้น ปัจจุบันอิหร่านมีโรงงานผลิตยางรถยนต์กว่า 10 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นโรงงงานที่ร่วมลงทุนกับผู้ผลิตจากยุโรปและจีน (จีนมีส่วนแบ่งตลาดยางรถยนต์ร้อยละ 30 สำหรับยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล และร้อยละ 60 สำหรับยางรถยนต์ใช้ในอุตสาหกรรมขนาดหนัก หรือ Heavy Tires) ซึ่งผลิตยางรถยนต์ที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับยางรถยนต์ที่เป็นที่มีชื่อเสียงของโลกยางรถยนต์ที่มีขายในท้องตลาดอิหร่าน เป็นยางรถยนต์ที่มีคุณภาพหลายระดับและหลายราคา เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ต่างกัน แม้ว่าอิหร่านมีอุตสาหกรรมการผลิตยางรถยนต์เป็นของตนเอง แต่ก็มีการนำเข้าจากต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะยางรถยนต์ที่จำหน่ายในท้องตลาดในปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นยางรถยนต์ที่ลักลอบนำเข้า คุณภาพไม่ได้มาตรฐาน แต่มีราคาถูก และตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งใช้รถยนต์เก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 10-25 ปีเป็นอย่างต่ำ ซึ่งทำให้ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งานและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนสูง 

ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยางรถยนต์ของประเทศอิหร่านมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีการผลิตยางหลากหลายประเภท ทั้งสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถบรรทุก การเกษตร และอุตสาหกรรม  เฉลี่ยอิหร่านมีความต้องการใช้ยางรถยนต์ประมาณ 350,000 ตันต่อปี ผลิตเองได้ 250,000 ตัน ที่เหลือเป็นการนำเข้าปริมาณ 100,000 ตันต่อปี ซึ่งในจำนวนนี้ มีการผลิตยางล้อรถยนต์ภายในประเทศในแบรนด์ต่าง ๆ คิดเป็นประมาณการผลิตยางล้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประมาณ 2ล้านเส้นต่อปี ยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสารประมาณ ล้านเส้นต่อปี ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงพอสมควร

ในอิหร่านมีบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่และมีชื่อเสียงหลายแห่ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกยางรถยนต์ประเภทต่างๆ อาทิเช่น ยางรถยนต์สำหรับรถนั่งส่วนบุคคล ยางรถบรรทุก ยางรถบัส ยางรถที่ใช้ในการเกษตร ยางรถที่ใช้อุตสาหกรรมต่างๆ และยางรถจักรยานยนต์ เป็นต้น

บริษัทผู้ผลิตยางที่สำคัญในอิหร่าน ได้แก่ 

  1. กลุ่มอุตสาหกรรมบาเรซ (Barez Industrial Group)

สถานที่ตั้ง เมืองเคอร์มาน (โรงงานหลัก)

ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยางรถบรรทุก ยางรถโดยสาร เช่น รถบัส ยางรถเกษตร และยางรถที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ 

แบรนด์ บาเรซ (BAREZ)

จุดเด่น ผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดในอิหร่าน

  1. บริษัท Iran Tire

สถานที่ตั้ง กรุงเตหะราน

ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่

แบรนด์ อิหร่าน ไทร์

จุดเด่น หนึ่งในผู้ผลิตยางที่เก่าแก่ที่สุดในอิหร่าน

  1. บริษัท Kavir Tire

สถานที่ตั้ง เมืองบีร์เจนด์ (จังหวัดโคห์ราซานใต้)

ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นั่งและยางรถ SUV

แบรนด์ คาวีร์ ไทร์

จุดเด่น เทคโนโลยีทันสมัยและคุณภาพสามารถแข่งขันได้ในตลาดภายในประเทศ

  1. บริษัท Yazd Tire (หรือ Koosha Tire)

สถานที่ตั้ง เมืองยาซด์

ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นั่ง ยางรถกระบะ ยางรถบรรทุกขนาดเล็ก และยางรถโดยสาร

แบรนด์ ยาซด์ ไทร์

จุดเด่น เคยมีความร่วมมือทางเทคนิคกับบริษัทต่างประเทศ

  1. บริษัท Dena Tire and Rubber

สถานที่ตั้ง เมืองชีราซ

ผลิตภัณฑ์ ยางรถยนต์นั่ง ยางรถบรรทุก ยางรถเกษตร และยางรถจักรยานยนต์

แบรนด์ เดนา (Dena)

จุดเด่น เป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จัก

  1. บริษัท Sahand Rubber Industries

สถานที่ตั้ง เมืองทาบรีซ

ผลิตภัณฑ์ เน้นการผลิตสายพานลำเลียง ชิ้นส่วนยางต่างๆที่ใช้ในอุตสาหกรรม (ไม่เน้นยางรถยนต์)

แบรนด์ ซะฮันด์

จุดเด่น มุ่งเน้นตลาดอุตสาหกรรม

ยี่ห้อยางล้อรถยนต์นำเข้า

นอกจากอิหร่านจะผลิตยางล้อรถยนต์ได้เองแล้วยังมีการใฃ้ยี่ห้อสินค้าที่เป็นภาษาท้องถิ่นด้วย ยางรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ  ได้แก่ Bridgestone Michelin Kumho Hankook Dunlop Nexen และอื่นๆ โดยนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น ใต้หวัน ฝรั่งเศส วางจำหน่ายในตลาดอิหร่าน อย่างไรก็ตามเป็นที่สังเกตว่าผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ในประเทศอิหร่านมีส่วนแบ่งตลาดและครอบครองตลาดผู้บริโภคเป็นส่วนใหญ่

Share :
Instagram