เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 รัฐบาลได้ประกาศใช้แนวทางอาหารที่ดี (Good Food Cycle) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อาหารของชาติ (Good Food Strategy) เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางอาหาร โดยมีความมุ่งหวังให้แนวทางที่จัดทำขึ้นจะช่วยให้ห่วงโซ่อาหารภายในประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น มีคุณค่าทางอาหาร ราคาถูก ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพทั้งการขาดสารอาหาร และโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการรับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมากเกินไป
แนวทางอาหารที่ดี (Good Food Cycle) ประกอบไปด้วย 10 ประเด็นหลัก โดยสามารถสรุปได้ 3 ประเด็น ดังนี้
- ปรับปรุงวงจรอาหารให้มีความปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ และยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
- สนับสนุนการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมอาหารให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงการลงทุนในการพัฒนาและการผลิต และให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมในผู้เกี่ยวข้องของห่วงโซ่อาหาร
- สนับสนุนให้มีการเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ ดีต่อสุขภาพ และมีความหลากหลายมากขึ้น
ทั้งนี้ ภาครัฐได้จัดตั้งหน่วยงานให้คำปรึกษา 2 หน่วยงาน ที่จะให้คำปรึกษาแก่ภาคอุตสาหกรรม ภาคสังคม และส่วนบุคคล เพื่อให้ทุกส่วนมีส่วนร่วมและมีความเข้าใจในการปรับใช้แนวทางอาหารที่ดีนี้ และนอกจากนี้ ภาครัฐจะผลักดันแนวทางอาหารที่ดีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับนโยบายหรือกฎระเบียบภายในประเทศซึ่งครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการค้าและการลงทุน
ที่มา : gov.uk
ข้อคิดเห็น / เสนอแนะของ สคต.
แนวทางอาหารที่ดี (Good Food Cycle) อาจส่งผลต่อการกฎระเบียบและนโยบายการนำเข้าอาหารของสหราชอาณาจักรในอนาคตได้ โดยสำหรับประเทศคู่ค้าอย่างประเทศไทย มีประเด็นที่ต้องคำนึงและติดตาม ดังนี้ (1) เนื่องจากเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้นเรื่องการผลิตอาหารภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อสินค้าอาหารที่มีการนำเข้าแต่สามารถผลิตภายในประเทศได้ โดยภาครัฐอาจให้การอุดหนุนต่อผู้ผลิตภายในประเทศ (2) การให้ความสำคัญต่อมาตฐานสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน อาจส่งผลให้มีการออกกฎระเบียบที่มีความเข้มงวดต่ออาหารที่นำเข้า โดยเฉพาะในมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น กระบวนการผลิต บรรจุภัณฑ์ หรือ carbon footprint ที่จะส่งผลต่อต้นทุนสินค้าและการเจรจาความตกลงการค้าในอนาคต (3) ในด้านความมั่นคงทางอาหารที่สหราชอาณาจักรจะมีการสนับสนุนให้มีการผลิตอาหารที่หลากหลายมากขึ้น อาจส่งผลต่อการสั่งซื้อสินค้าอาหารจำเป็น (Stable food) ในอนาคต (4) การสนับสนุนให้เกิดการผลิตในประเทศ อาจส่งผลให้ราคาสินค้าอาหารภายในประเทศราคาสูงเนื่องจากมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสัตว์ภายในประเทศ ส่งผลให้สินค้านำเข้าอาจมีโอกาสจากราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้ และ (5) ยุทธศาสตร์อาหารอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายการเจรจาการค้าในอนาคต โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความยั่งยืน และความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งประเด็นที่น่าจับตามอง อาทิ ความยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร และมาตรฐาน ซึ่งล้วนจะส่งผลต่อประเด็นและประเภทสินค้าที่จะมีการเจรจาในอนาคต ทั้งนี้ สคต.ลอนดอน จะรายงานความคืบหน้าถึงมาตรการและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อาหารของสหราชอาณาจักรเป็นระยะ