นครซีอานกำหนดยุทธศาสตร์ให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูงที่สุดของเมือง โดยตั้งเป้ายกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีขั้นสูง และมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรม AI ที่เติบโตเร็วที่สุดในจีน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 จากการจัดอันดับ 100 เมืองชั้นนำด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก โดยมหาวิทยาลัยชิงหัว ผ่านแพลตฟอร์ม AMiner นครซีอานได้รับ การจัดอันดับอยู่ที่ อันดับที่ 23 ของโลก และ อันดับที่ 7 ของจีน สะท้อนความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2567 อุตสาหกรรม AI ของเมืองซีอานมีรายได้รวมกว่า 46.475 พันล้านหยวน โดยมีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI มากกว่า 500 แห่ง ซึ่งกว่าร้อยละ 70 เป็นกิจการที่อยู่ในระดับการใช้งานจริง ครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการหลากหลาย อาทิ หุ่นยนต์อัจฉริยะ โดรน ยานยนต์ไร้คนขับ อุปกรณ์ปลายทางอัจฉริยะ (Smart Terminals) เป็นต้น
รัฐบาลจีนได้ระบุไว้ในรายงานการดำเนินงานประจำปีว่า จีนจะเร่งเดินหน้าแผน AI+ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการผสานเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ากับข้อได้เปรียบด้านการผลิตและด้านการตลาดของประเทศ พร้อมส่งเสริมการพัฒนาและการประยุกต์ใช้โมเดล AI ขนาดใหญ่ (Large Models) นอกจากนี้ รัฐบาลนครซีอานยังได้วางเป้าหมายระยะยาวในการบูรณาการภาคการศึกษา การวิจัย และภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งเดินหน้าจัดตั้งเขตทดลองนวัตกรรม AI ระดับชาติ และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการสร้างระบบนิเวศ AI แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การวิจัยขั้นพื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้งานเชิงพาณิชย์
การเปิดใช้งานโมเดล DeepSeek ในนครซีอาน
|
ในช่วงต้นปี 2567 โมเดลปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน DeepSeek ได้กลายเป็นที่จับตามองในแวดวงเทคโนโลยีระดับโลก โดยเมืองซีอานได้ประกาศเปิดใช้งานโมเดลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ผ่านศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติซีอาน และศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะในเขตเฟิงตง เจ้าหน้าที่จากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แห่งชาติซีอานเปิดเผยว่า ปัจจุบัน DeepSeek เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟังก์ชันการพัฒนาและปรับใช้โมเดลได้อย่างสะดวกผ่านระบบออนไลน์ พร้อมทั้งจัดตั้งพื้นที่ชุมชนสำหรับนักพัฒนา เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในเวลาเดียวกัน ศูนย์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์แห่งเขตเยี่ยนถ่าของเมืองซีอาน ได้รับการรับรองให้เป็น แพลตฟอร์มเปิดนวัตกรรมสาธารณะด้านพลังประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ระดับชาติ โดยสามารถขยายขีดความสามารถด้านการประมวลผลได้ถึง 500 เพตาฟลอปส์ (PFlops) และได้สนับสนุนการพัฒนาระบบด้าน AI ไปแล้วมากกว่า 230 โครงการ
หนึ่งในกรณีตัวอย่างที่สะท้อนถึงศักยภาพของการประยุกต์ใช้ AI อย่างเป็นรูปธรรม คือ ระบบวินิจฉัยภาพถ่ายทางการแพทย์อัจฉริยะ ที่พัฒนาโดยศาสตราจารย์จ้าว เฟิ่งจวิน จากมหาวิทยาลัย Northwest University โดยระบบดังกล่าวสามารถแยกภาพ ตรวจจับความผิดปกติ และวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์เบื้องต้นได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ระบบนี้ผ่านการฝึกด้วยชุดข้อมูลภาพถ่ายทางการแพทย์ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติหรือสัญญาณของโรคในระยะเริ่มต้นได้อย่างแม่นยำ แม้ในบางกรณีที่อาจไม่สามารถตรวจพบได้ด้วยตาเปล่าหรือแม้แต่โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่งผลให้ระบบดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการวินิจฉัย และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์
เพื่อรองรับความต้องการด้านพลังประมวลผลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม AI นครซีอานจึงได้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง โดยนอกจากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว ยังได้จัดตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะในหลายพื้นที่ เพื่อให้บริการแก่กว่า 30 สาขาอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อุตุนิยมวิทยา อวกาศ เทคโนโลยีชีวการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลขั้นสูง และปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนี้ เมืองซีอานยังได้เร่งก่อสร้างโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ ศูนย์คอมพิวเตอร์ AI Chang’an Phase 1 โดยวางเป้าหมายให้มีกำลังประมวลผลรวมสูงสุดถึง 1,000 เพตาฟลอปส์ (PFlops) ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญ ในการรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะแห่งอนาคต
การใช้ AI ยกระดับการบำรุงรักษาคมนาคมระบบรางในจีน
( ภาพและแหล่งที่มา : thansettakij ) |
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ระบบคมนาคมทางรางของจีนได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในรูปแบบของรถไฟ ทางหลวง และรถไฟฟ้าใต้ดิน อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง เป็นระยะเวลานาน ทำให้ประสบปัญหาด้านการสึกหรอ เสื่อมสภาพ และมีความจำเป็นในการบำรุงรักษา ในอดีต การบำรุงรักษาระบบรางส่วนใหญ่อาศัยการตรวจตราด้วยแรงงานคน และดำเนินการซ่อมแซมภายหลังเกิดปัญหา ทำให้ยากต่อการป้องกันความเสียหายล่วงหน้าโดยเฉพาะในระบบรถไฟฟ้าในเมือง ซึ่งในช่วงเวลา 5 ชั่วโมง ระหว่างหยุดเดินรถในตอนกลางคืนและเริ่มเดินรถในเช้าวันถัดไป ต้องใช้เจ้าหน้าที่กว่า 50 ราย ในการตรวจสอบอุปกรณ์สำคัญต่างๆ อาทิ สายสัญญาณ ระบบจ่ายไฟ อุโมงค์ และสายไฟเหนือศีรษะ โดยใช้เวลาตรวจสอบนานถึง 4–5 ชั่วโมง ส่งผลให้มีต้นทุนสูงและประสิทธิภาพต่ำ
เพื่อแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว ทีมวิจัยจาก มหาวิทยาลัย Xi’an University of Technology ได้พัฒนา โมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการซ่อมบำรุงระบบราง โดยใช้เวลาวิจัยและพัฒนารวมกว่า 2 ปี ภายใต้การดำเนินงานของ ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีระบบรางอัจฉริะแห่งนครซีอาน ซึ่งปัจจุบันเตรียมนำไปทดลองใช้งานจริงที่สถานีรถไฟซีอานตะวันออก โมเดล AI ดังกล่าวสามารถติดตั้งบนรถตรวจสอบอัตโนมัติ เพื่อบันทึกภาพวิดีโอของสภาพแวดล้อมตลอดเส้นทาง จากนั้นระบบจะทำการคัดกรองข้อมูลเบื้องต้นด้วยอัลกอริธึม ก่อนวิเคราะห์ด้วย AI เพื่อประเมินสภาพอุปกรณ์และสร้างแผนการซ่อมบำรุงอัตโนมัติ ภายในเวลาเพียง 1 นาที นับตั้งแต่เริ่มรับข้อมูลจนถึงการวางแผนแก้ไขอย่างแม่นยำ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
จากการกำหนดยุทธศาสตร์ AI และการวางตำแหน่งให้นครซีอานเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ที่เติบโตเร็วที่สุดของจีน ผ่านการจัดตั้งศูนย์ประมวลผลขนาดใหญ่ การเปิดใช้งานโมเดล DeepSeek และการประยุกต์ใช้ AI กับภาคอุตสาหกรรมหลัก เช่น คมนาคม การแพทย์ และการผลิต สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Economy) อย่างเป็นรูปธรรม และเน้นบทบาทของ AI ในการยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ ในบริบทนี้ ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีการผลิต การเกษตรแปรรูป และโลจิสติกส์ ควรเร่งปรับตัวและเตรียมความพร้อม โดยติดตามและศึกษาเทคโนโลยี AI เพื่อประเมินโอกาสในการนำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดต้นทุน และยกระดับกระบวนการผลิตและบริการ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ ผู้ประกอบการจำเป็นต้อง ตระหนักถึงความท้าทายจากการแทนที่แรงงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการจ้างงานในระยะยาว ดังนั้น การวางแผนพัฒนาทักษะของแรงงานควบคู่ไปกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เช่น การอบรมด้านการควบคุมระบบอัจฉริยะ การวิเคราะห์ข้อมูล การดูแลและบำรุงรักษาอุปกรณ์ AI หรือแม้แต่การเสริมสร้างทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่ AI ยังไม่สามารถทดแทนมนุษย์ได้โดยสมบูรณ์
นอกจากนี้ การใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการออกแบบระบบ AI ที่มีความโปร่งใส ปลอดภัย และยึดถือหลักการที่คำนึงถึงหลักมนุษยธรรม โดยไม่มุ่งเน้นเพียงประสิทธิภาพทางธุรกิจเท่านั้น แต่ควรคำนึงถึงผลกระทบทางสังคมในระยะยาว เช่น ความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี
———————————–
成都の海外貿易促進オフィス
มิถุนายน 2568
แหล่งข้อมูล
https://baijiahao.baidu.com/s?id=1833915600535938972&wfr=spider&for=pc
ภาพและแหล่งที่มา : techsauce