“สับปะรดมะม่วง” ผลไม้พรีเมียมที่สร้างมูลค่าตลาดสูงด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตลาดผลไม้พรีเมียมของเอเชียได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในประเทศจีนและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความนิยมในการบริโภคผลไม้ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รสชาติ หากยังรวมถึง เอกลักษณ์ของพันธุ์ผลไม้ กลิ่นเฉพาะตัว และภาพลักษณ์ของสินค้า ที่สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์ ส่งผลให้ผลไม้พันธุ์พิเศษเริ่มเข้ามาแทนที่ผลไม้ตามฤดูกาลแบบดั้งเดิมในหมวดตลาดระดับไฮเอนด์

หนึ่งในพันธุ์ผลไม้ที่ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องคือ “สับปะรดมะม่วง” ซึ่งวางจำหน่ายในตลาดจีนและไต้หวันในราคาสูงถึง 60–80 หยวนต่อลูก โดยยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้อยู่ท่ามกลางการแข่งขันจากผลไม้ระดับพรีเมียมอื่น ๆ สับปะรดกลิ่นมะม่วงสามารถ แทรกตัวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของตลาดผลไม้ระดับไฮเอนด์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาใหม่แห่งผลไม้พรีเมียม” ได้อย่างน่าจับตามอง ทั้งนี้ แม้จะอยู่ท่ามกลางการแข่งขันจากผลไม้นำเข้าอื่น ๆ แต่ด้วยจุดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ สับปะรดกลิ่นมะม่วงจึงสามารถสร้างพื้นที่ของผลิตภัณฑ์ในตลาดพรีเมียม

“สับปะรดมะม่วง” ผลไม้พรีเมียมที่สร้างมูลค่าตลาดสูงด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“สับปะรดมะม่วง” ผลไม้พรีเมียมที่สร้างมูลค่าตลาดสูงด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว(

ภาพและแหล่งที่มา : DALL·E)

จุดกำเนิดและการพัฒนาสายพันธุ์

สับปะรดสายพันธุ์ “ไถหนง 23” (Tainong No.23) หรือที่รู้จักในชื่อสับปะรดมะม่วง เป็นผลสำเร็จจากการวิจัยเชิงลึกโดยสถาบันวิจัยเกษตรไต้หวัน (Taiwan Agricultural Research Institute: TARI) ซึ่งเริ่มต้นกระบวนการพัฒนาในปี 2537 ด้วยแนวทางการผสมพันธุ์แบบธรรมชาติ (non-GMO) กระบวนการพัฒนานี้มุ่งเน้นไปที่การสร้างสายพันธุ์ผลไม้ที่มีรสชาติกลมกล่อม พื้นผิวสัมผัสที่ดี และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าจะต้องใช้เวลามากกว่าสองทศวรรษเพื่อให้ได้ผลผลิตออกมา แต่สายพันธุ์ดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วหลังจากการเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในภูมิภาคจีนและไต้หวัน ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคแสดงการยอมรับอย่างกว้างขวางต่อคุณสมบัติที่โดดเด่นและการมอบประสบการณ์การบริโภคผลไม้ที่แตกต่าง

ดร.หลิน เจิ้นเหว่ย์ นักวิจัยจาก TARI อธิบายว่า สับปะรดสายพันธุ์ ไถหนง 23 หรือสับปะรดมะม่วง เป็นผลผลิตจากกระบวนการปรับปรุงสายพันธุ์แบบดั้งเดิม ซึ่งไม่ได้อาศัยการดัดแปลงพันธุกรรม และ ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิตได้รับการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด การพัฒนาสายพันธุ์ภายใต้ระบบมาตรฐานสูงนี้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาดผลไม้ระดับพรีเมียมที่เน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัย ความเป็นธรรมชาติ และคุณค่าของผลิตภัณฑ์  นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ตลาดในเซี่ยงไฮ้ยังระบุว่า ตลาดผลไม้พรีเมียมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภควัย 25-45 ปี ซึ่งมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ คุณภาพสูง และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ทั่วไป การเปิดตัวสับปะรดมะม่วงในตลาดนี้จึงถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภครุ่นใหม่ อีกทั้งยังเป็นกรณีศึกษาที่มีคุณค่าในการพัฒนาและส่งเสริมผลไม้ระดับพรีเมียมเพื่อความยั่งยืนในอนาคต

 

ลักษณะพิเศษของสับปะรดมะม่วง

“สับปะรดมะม่วง” ผลไม้พรีเมียมที่สร้างมูลค่าตลาดสูงด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว

(ภาพและแหล่งที่มา : Freepik)

 

สับปะรดมะม่วงเป็นสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นและแตกต่างจากสับปะรดทั่วไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่คล้ายกลิ่นมะม่วงสุก ซึ่งสามารถสัมผัสได้ทันทีเมื่อผ่าผล นอกจากนี้ยังมีระดับความหวานสูงถึง 18–21 บริกซ์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของสับปะรดทั่วไปที่อยู่ระหว่าง 12–15 บริกซ์  ความหวานนี้เสริมด้วยเนื้อผลสีเหลืองทอง สัมผัสเนียน เส้นใยละเอียด ไม่ระคายเคืองลำคอ ผิวผลเมื่อสุกเต็มที่จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลือง และมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5–2 กิโลกรัมต่อลูก

เมื่อเปรียบเทียบกับสับปะรดพันธุ์ทั่วไป สับปะรดกลิ่นมะม่วงมีความโดดเด่นในหลายด้าน ทั้งกลิ่นหอมหวานชัดเจน ปราศจากกลิ่นรสเปรี้ยวที่มักพบในพันธุ์อื่น เนื้อผลมีความนุ่มละมุนและไร้เสี้ยน แตกต่างจากสับปะรดทั่วไปที่เนื้อค่อนข้างหยาบและอาจทำให้ระคายคอเมื่อบริโภคมาก นอกจากนี้ กระบวนการผลิตยังอยู่ภายใต้การควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่มีมาตรฐานสูง เหมาะสำหรับจำหน่ายในตลาดพรีเมียม และยังเป็นของขวัญที่น่าประทับใจในโอกาสพิเศษต่าง ๆ

ปัจจัยสนับสนุนราคาจำหน่ายระดับสูง

แม้ไต้หวันจะเป็นผู้ผลิตหลักในตลาดโลก คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 แต่มีแนวโน้มว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ราคาของสับปะรดมะม่วงอาจปรับตัวลดลง หากมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังประเทศที่มีศักยภาพอย่างฟิลิปปินส์และไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปทานและกระจายโอกาสทางการค้าไปยังตลาดอื่นๆ ได้มากขึ้น

ด้านราคาจำหน่ายของสับปะรดกลิ่นมะม่วงที่สูงกว่าสับปะรดทั่วไปเกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน  ทั้งต้นทุนการผลิตที่มากกว่าถึงร้อยละ 30 เนื่องจากใช้ระยะเวลาปลูกนานถึง 2 ปี ความจำเป็นในการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นตลอดช่วงการเพาะปลูก การขนส่งที่ต้องใช้ระบบ Cold Chain ที่มีมาตรฐานสูง และการวางกลยุทธ์การตลาดในระดับพรีเมียมที่มุ่งสร้างภาพลักษณ์หรูหรา โดยเฉพาะผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่าง Xiaohongshu และ Douyin รวมถึงการใช้ผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ (KOL) ด้านอาหารและสุขภาพในการประชาสัมพันธ์

ผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มเป้าหมายของสับปะรดมะม่วงประกอบด้วยผู้ที่ชื่นชอบการทดลองรสชาติใหม่ ๆ ผู้ที่ใส่ใจในโภชนาการ และผู้ที่มองหาของขวัญระดับพรีเมียมเพื่อใช้ในโอกาสพิเศษ โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า ผลไม้ชนิดนี้ให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ ทั้งกลิ่นและเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย

 

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

จากข้อมูลตลาดและแนวโน้มการบริโภคในจีนที่มีความต้องการผลไม้พรีเมียมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความแปลกใหม่ และประสบการณ์ในการบริโภค “สับปะรดมะม่วง” จึงนับเป็นกรณีศึกษาที่สะท้อนถึงโอกาสของอุตสาหกรรมผลไม้คุณภาพสูงในระดับภูมิภาคได้อย่างชัดเจน แม้ว่าไต้หวันจะเป็นผู้ผลิตหลักในตลาดโลก โดยครองสัดส่วนการผลิตมากกว่าร้อยละ 80 แต่มีแนวโน้มว่าภายใน 2–3 ปีข้างหน้า ราคาผลผลิตอาจลดลง เนื่องจากมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังประเทศที่มีศักยภาพสูง อาทิ ฟิลิปปินส์และประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปทานในตลาดโลกและขยายโอกาสทางการค้า   ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้ในวงกว้าง

ข้อเสนอแนะต่อผู้ประกอบการไทย คือ ควรใช้โอกาสจากกรณีศึกษานี้ในการเร่งพัฒนาผลไม้สายพันธุ์เฉพาะทางที่มีความแตกต่างจากตลาดทั่วไป พร้อมมุ่งเน้นการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ที่มีคุณภาพสูงและเอกลักษณ์เฉพาะ ระบบการผลิตแบบควบคุมคุณภาพครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอการตลาดเชิงประสบการณ์ และการสร้างภาพลักษณ์ “ผลไม้ระดับพรีเมียม” ผ่านช่องทางดิจิทัลและกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ สำหรับประเทศไทย ขณะนี้เริ่มมีการนำเข้าสับปะรดกลิ่นมะม่วงผ่านร้านจำหน่ายผลไม้ พรีเมียมในเขตกรุงเทพฯ โดยมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 350–450 บาทต่อผล ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สะท้อนระดับกำลังซื้อของผู้บริโภคชั้นกลางและชั้นบนในประเทศได้อย่างเหมาะสม ทั้งยังมีแนวโน้มเป็นที่นิยมในฐานะของขวัญ พรีเมียมหรือผลไม้สำหรับโอกาสพิเศษ

ทั้งนี้ หากมีการสนับสนุนอย่างเป็นระบบจากภาครัฐควบคู่กับความร่วมมือของภาคเอกชน ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการยกระดับตนเองเป็นฐานการผลิตและส่งออกผลไม้คุณภาพสูงในภูมิภาคเอเชีย และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลไม้ไทยในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

————————————————–

 

成都の海外貿易促進オフィス

เมษายน 2568

แหล่งข้อมูล :

https://baijiahao.baidu.com/s?id=1828833092036713582&wfr=spider

https://www.producereport.com/article/mango-pineapples-proving-popular-chinese-market

jaJapanese