เม็กซิโกเตรียมแผนพัฒนาศักยภาพประเทศ หลังรอดมาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐ

ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาม แถลงมาตรการภายใต้ Plan Mexico เตรียมความพร้อมเพิ่มศักยภาพประเทศ หลังเม็กซิโกไม่ได้ถูกรวมอยู่ในรายชื่อประเทศที่ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ของสหรัฐ ประกาศจะใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ประธานาธิบดีเชนบาม ของเม็กซิโกกล่าวต่อสื่อมวลชนว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่เม็กซิโก ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดา (USMCA) และเม็กซิโกไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่สหรัฐประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าทุกสินค้าในอัตราที่สูงขึ้น โดยเน้นย้ำว่าปัจจัยที่ส่งผลต่อการประกาศมาตรการดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ มาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัฐบาลเม็กซิกันและสหรัฐ โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจนายมาเซลโด เอบราด กล่าวว่า การที่เม็กซิโกไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่สหรัฐประกาศจะใช้อัตราภาษีใหม่ภายใต้มาตรการภาษีต่างตอบแทนนับเป็นความสำเร็จอย่างยิ่ง และในระยะเวลา 40 วันจากนี้รัฐบาลเม็กซิกันจะพยายามเจรจากับสหรัฐเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ทั้งนี้ หลังจากการประกาศมาตรการภาษีของสหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินเปโซแข็งค่าขึ้น 1.3% และตลาดหุ้น MXX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.65%

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเชนบาม ได้ประกาศ 18 มาตรการ ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจภายใต้ Plan Mexico โดยเน้นการเพิ่มศักยภาพในการพึ่งพาตนเองในการผลิตอาหาร โดยเฉพาะข้าวโพด ถั่ว นม ข้าว ซึ่งเป็นอาหารพื้นฐานหลักของประชากร การพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน โดยลดการนำเข้าและเพิ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติ เพิ่มการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนเพื่อผลิตไฟฟ้า ด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเร่งโครงการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนน ทางรถไฟ สะพาน และสนามบิน  ด้านการผลิต โดยการเสริมสร้างศักยภาพอุตสาหกรรมหลัก เช่น ยานยนต์ เหล็กและอะลูมิเนียม เสื้อผ้าและสิ่งทอ ไมโครชิพ ยา ปิโตรเคมี เป็นต้น รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพธุรกิจขนาดเล็ก (Micro and Small businesses) ด้านสังคมและความเป็นอยู่ เช่น การสร้างงาน มาตรการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย การสร้างศูนย์สุขภาพ เป็นต้น โดยโครงการทั้งหมดจะช่วยพัฒนาศัยภาพในการพึ่งพาตนเองและเพิ่มความสามารถในการแข็งขันของเม็กซิโกในสถานการณ์การค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้

อย่างไรก็ดี ในการแถลงการณ์ในครั้งนี้ประธานาธิบดีเชนบาม ไม่ได้กล่าวถึงการใช้มาตรการตอบโต้กับสหรัฐในกลุ่มสินค้าที่ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วน เหล็กและอะลูมีเนียม เบียร์ ซึ่งถูกเก็บภาษีนำเข้าที่ 25% โดยกล่าวเพียงว่ารัฐบาลจะพยายามเจรจากับสหรัฐเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมีความใกล้ชิดและห่วงโซ่การผลิตในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะยานยนต์ต้องพึ่งพากันอย่างมาก ดังนั้น การใช้มาตรการตอบโต้กันทางภาษีจะไม่ส่งผลดีต่อทั้งสองประเทศ

————————————————————————-

ที่มา

en_USEnglish