ในภาวะที่ไต้หวันเข้าสู่ภาวะสังคมผู้สูงวัยและการมีบุตรน้อย ผู้คนนิยมเลี้ยงสัตว์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเป็นเพื่อนช่วยผ่อนคลายความเครียดและเป็นการบำบัดทางจิตใจ ส่งผลตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรไต้หวันจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2568  พบว่า มีจำนวนสุนัขและแมวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงจำนวนรวม 2,539,545 ตัว ซึ่งมากกว่าจำนวนเด็กเกิดใหม่ในไต้หวัน ซึ่งมีเพียง 134,856 คน ในปี 2567 (เป็นตัวเลขต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์) แบ่งเป็นสุนัข 1,438,130 ตัว และแมว 1,101,415 ตัว โดยมีจำนวนครัวเรือนที่ยื่นจดทะเบียนสัตว์เลี้ยงจำนวนรวม 1.02 ล้านครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.5 ของจำนวนครัวเรือนในไต้หวันทั้งหมด

ตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงสุนัขและแมวของไต้หวันในปี 2567 มีมูลค่ารวม 36,534.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.53 เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน (2563) โดยแบ่งเป็นอาหารสุนัข 18,800.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.56 เมื่อเทียบกับปี 2563 และอาหารแมว มูลค่า 15,564.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.28 เมื่อเทียบกับปี 2563 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อาหารแมวมีการเติบโตแข็งแกร่งและเติบโตมากกว่าอาหารสุนัข โดยเติบโตเพิ่มขึ้นจาก สะท้อนถึงความนิยมในการเลี้ยงแมวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากแมวไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ สอดคล้องกับสภาพความเป็นอยู่ของคนไต้หวันที่ไม่ต้องพาไปเดินเล่นข้างนอก หรือเข้าถึงพื้นที่กลางแจ้ง เช่น สวนสาธารณะ ตลอดเวลาเหมือนสุนัข นอกจากนี้ การดูแลกระบะทรายของแมวให้สะอาดเรียบร้อยก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่าย อีกทั้งสุนัขอาจมีปัญหาส่งเสียงรบกวนเพื่อนบ้าน จึงทำให้ชาวไต้หวันเลี้ยงแมวเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก

ตารางที่ 1 มูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไต้หวันในช่วงระหว่างปี 2563-2567

หน่วย: ล้านบาท

ประเภท 2563 2564 2565 2566 2567 เพิ่ม/ลด

67:63

อาหารสุนัข 15,856.83 17,038.23 17,926.92 18,755.00 18,800.65 18.56%
อาหารแมว 8,982.16 10,336.15 12,061.61 13,984.52 15,564.45 73.28%
อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ 1,919.83 1,919.83 2,023.56 2,089.23 2,169.09 12.98%
รวม 26,758.82 29,294.21 32,012.09 34,828.75 36,534.19 36.53%

ที่มา: Euromonitor International                                  ปรับปรุงโดย สคต. มะนิลา (ส่วนที่ 2)

  1. การนำเข้า

การนำเข้าสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของไต้หวันโดยรวมในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 77.22 จากเดิมที่มีมูลค่านำเข้าเข้า 242.02 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2558 เพิ่มเป็น 428.91 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567 โดยในช่วงดังกล่าว การนำเข้าจากไทยเติบโตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 168.80 ซึ่งมากกว่าการเติบโตของการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 1 ของไต้หวัน แซงหน้าสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สินค้าไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า จาก 38.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2558 เพิ่มเป็น 104.01 ล้านเหรียญไต้หวันในปี 2567

ตารางที่ 1 การนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง (HS-Code: 2309) ระหว่างปี 2558-2567

หน่วย : M.USD.

Rank Country United States Million Dollars % Change, 67/58
2558 2559 2560 2561 2562 2563 2564 2565 2566 2567
World 242.02 254.36 287.68 326.81 326.80 338.43 389.92 437.11 405.21 428.91 77.22%
1 Thailand 38.74 38.84 45.29 53.56 58.84 70.10 76.20 101.79 88.54 104.01 168.50%
2 USA 65.36 69.32 70.83 73.61 73.88 68.64 76.26 78.85 70.01 68.31 4.51%
3 Korea, South 2.48 2.45 3.02 2.99 3.49 3.82 13.91 23.52 28.89 31.63 1170.90%
4 Vietnam 13.70 16.57 16.86 21.17 23.82 22.92 21.77 28.61 24.72 27.01 97.05%
5 Kanada 12.22 10.91 15.22 17.05 18.92 18.01 17.943 25.87 24.78 26.87 119.84%
6 Japan 7.68 8.29 9.54 11.43 13.70 17.66 21.47 23.38 23.55 25.20 227.98%
7 China 13.25 13.05 14.80 17.00 14.18 14.41 24.67 22.35 18.56 21.96 65.67%
8 France 26.91 26.92 31.10 34.42 25.38 25.29 22.15 17.62 17.87 15.86 -41.06%
9 Netherlands 9.99 9.25 11.06 11.59 10.81 11.38 14.07 13.01 13.22 13.66 36.64%
10 Deutschland 3.82 4.81 5.82 8.25 8.09 7.73 10.81 11.95 11.37 11.70 205.81%
Others 47.80 53.90 64.09 75.69 75.63 78.42 90.61 90.12 83.66 82.63 72.86%

ที่มา: Euromonitor International                                    ปรับปรุงโดย สคต. มะนิลา (ส่วนที่ 2)

  1. ภาวะตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค

             รัฐบาลไต้หวันได้ออก “กฎหมายคุ้มครองสัตว์” ซึ่งกำหนดให้สุนัขและแมวเลี้ยงทุกตัวต้องได้รับการขึ้นทะเบียนภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 เพื่อลดจำนวนหมาแมวจรจัดและช่วยให้สามารถติดตามและส่งคืนสัตว์เลี้ยงที่หายกลับคืนสู่เจ้าของได้ง่ายขึ้น โดยชาวไต้หวันมีแนวโน้มการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกับสมาชิกครอบครัว ทำให้เจ้าของแมวใส่ใจในการเลือกอาหารคุณภาพดีที่เน้นโภชนาการและสุขภาพ เมื่อเจ้าของมองสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว ความรับผิดชอบในการดูแลและแนวโน้มการเลือกซื้ออาหารที่มีคุณภาพจึงเพิ่มสูงขึ้น

ในไต้หวัน ร้านขายสัตว์เลี้ยงเชนใหญ่ๆ และซูเปอร์สโตร์ เช่น Et Pets, Pet Park, Pets Mall, Cats & Dogs Space, PETCO, Oscar Pets และ Pets Kingdom เป็นต้น เป็นช่องทางจำหน่ายหลักของสินค้าสัตว์เลี้ยง ในขณะเดียวกัน ช่องทาง E-Commerce ก็มีการเติบโตสูง เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้า เพื่อเปรียบเทียบ และอ่านรีวิวได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล ช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อ และเปิดโอกาสให้สำรวจตัวเลือกใหม่ๆ ได้มากขึ้น ความต้องการในด้านความสะดวกและราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้แบรนด์และร้านค้าต้องให้ความสำคัญกับตลาดออนไลน์มากขึ้น โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ใส่ใจเรื่องโภชนาการมักหาข้อมูลออนไลน์ก่อน แล้วจึงสั่งซื้อผ่านแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้ ซึ่งมักมีลิงก์ตรงจากบทความหรือคอนเทนต์ไปยังหน้าสั่งซื้อ โดยผู้ซื้อจำนวนมากมักซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงไปเก็บไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงโปรโมชั่นหรือเทศกาลลดราคา ทำให้พฤติกรรมซื้อซ้ำมีความสม่ำเสมอ และจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น หากไม่ประสบปัญหาในการเลือกซื้อ หรือมีปัจจัยลบเกิดขึ้น แพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ Momo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ในไต้หวันได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเจ้าของสัตว์เลี้ยงหน้าใหม่ที่กำลังค้นหาทางเลือกใหม่ๆ ในช่องทางออนไลน์ และเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างประเทศเข้าถึงผู้บริโภคชาวไต้หวันโดยไม่ต้องพึ่งพาร้านค้ามากนัก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้น สำหรับแนวโน้มและพฤติกรรมของผู้บริโภคไต้หวันในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงแบ่งออกได้ดังนี้

3.1 อาหารสุนัข

หนึ่งในแนวโน้มสำคัญระดับโลกของตลาดอาหารสุนัขในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คือ ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่ให้สัตว์เลี้ยงมากขึ้น เนื่องจากความผูกพันที่ลึกซึ้งกับสัตว์เลี้ยงของตน สำหรับในไต้หวัน แนวโน้มนี้แสดงออกในรูปแบบที่เจ้าของสุนัข จะค้นหาข้อมูลโภชนาการสัตว์เลี้ยงด้วยตนเอง และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และมีการสื่อสารว่าส่วนผสมในผลิตภัณฑ์นั้น “ดีต่อสุขภาพ” สำหรับสุนัข เจ้าของสุนัขจำนวนมากไม่ได้พึ่งพาคำแนะนำจากสัตวแพทย์หรือพนักงานขาย เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่หันไปเปรียบเทียบข้อมูลจากแหล่งออนไลน์ต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกอาหารให้สุนัขของตน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ความเชื่อมั่นในคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น สัตวแพทย์และนักโภชนาการสัตว์ กลับ เพิ่มสูงขึ้นแทนที่จะลดลง ด้วยเหตุนี้ การให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง แบรนด์อาหารสุนัขควรให้ความสำคัญกับความโปร่งใส โดยต้องสื่อสารข้อมูลอย่างชัดเจนเกี่ยวกับส่วนประกอบและคุณค่าทางโภชนาการของสินค้า จึงเห็นได้ชัดว่าการร่วมมือกับสัตวแพทย์และนักโภชนาการสัตว์เลี้ยง คือกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แบรนด์ควรนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้านผ่านฉลากบรรจุภัณฑ์ ใบปลิว เว็บไซต์บริษัท และช่องทางโซเชียลมีเดีย เมื่อผู้บริโภคมีข้อมูลที่ดีขึ้น พวกเขาจะรู้สึกมีอำนาจในการตัดสินใจ (empowered) และมักจะเลือกผลิตภัณฑ์อย่างรอบคอบมากขึ้น โดยอิงจากความไว้วางใจต่อแบรนด์ที่พวกเขาชื่นชอบ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของผลกระทบจากแนวโน้มนี้คือ ความสงสัยเดิมของผู้บริโภคบางกลุ่มต่ออาหารสัตว์เลี้ยงประเภทปลอดธัญพืช (grain-free) ได้ลดลงอย่างมาก เมื่อผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ดีขึ้นเกี่ยวกับโภชนาการสุนัข

ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมาตลาดอาหารสุนัขแบบเม็ด (Dry Dog Food) มีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า กระบวนการฟรีซดราย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นวิธีการถนอมอาหารตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ และกลายเป็นวิธีการยอดนิยมในการผลิตอาหารสุนัขในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยใช้ส่วนผสมที่ใช้ในอาหารเม็ดไปผ่านความเย็นจัดให้กลายเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะช่วยรักษารูปร่างเดิมและคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้ ทำให้ในมุมมองของผู้บริโภคโดยทั่วไป ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมแบบฟรีซดรายถือว่าเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติ ดีต่อสุขภาพ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ความนิยมในผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มอาหารสุนัขแบบเม็ด แต่เดิมส่วนผสมที่เป็นแบบฟรีซดรายใช้ใน  อาหารสุนัขประเภทขนมขบเคี้ยวเท่านั้น และมักอยู่ในรูปแบบ เนื้อสัตว์ฟรีซดราย แบบชิ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน วัตถุดิบฟรีซดรายได้ขยายไปสู่ส่วนผสมอื่น ๆ เช่น ไข่ และ ชีส โดยผู้ผลิตอาหารสุนัขจำนวนไม่น้อยกำลังทดลองส่วนผสมหลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอดีต ขนมสุนัขที่ใช้วัตถุดิบฟรีซดรายมักมีราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเป็นแบรนด์พรีเมียมในตลาด แต่ในปัจจุบัน ผู้ผลิตได้นำส่วนผสมแบบฟรีซดรายเข้าไปในแบรนด์อาหารเม็ดระดับราคากลาง ส่งผลให้มาตรฐานและคุณภาพของผลิตภัณฑ์โดยรวมสูงขึ้น และยังให้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าที่จะซื้อหามาให้สุนัขของตน เพราะการผสมผสานวัตถุดิบระดับพรีเมียมอย่างฟรีซดรายในแบรนด์ระดับกลางนี้ ช่วยให้เจ้าของสุนัขสามารถมอบโภชนาการที่มีคุณภาพให้กับสัตว์เลี้ยงได้อย่างสม่ำเสมอ

การเสริมอาหารสุนัขด้วยสารอาหารเพื่อสุขภาพ และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่ใช่เรื่องใหม่ อย่างไรก็ดี แนวโน้มการมองสัตว์เลี้ยงในฐานะสมาชิกครอบครัวดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้บริโภคเริ่มให้การตอบรับที่ดีต่อความพยายามของผู้ผลิตในการเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ เช่น การใส่โปรไบโอติก ซึ่งในไต้หวัน โปรไบโอติกได้รับการยอมรับมากขึ้นว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในอาหารสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีต่อระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวม การใช้โปรไบโอติกในอาหารสุนัข จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ดึงดูดความสนใจจากเจ้าของสุนัขในไต้หวันเป็นอย่างมาก และเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถกำหนดราคาขายที่สูงขึ้นได้อย่างสมเหตุสมผล หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นคือ Crystal Ball Probiotic Dog Food อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า เหล่าแบรนด์สากลชั้นนำยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเทรนด์นี้เท่าที่ควร ทั้งที่มีโอกาสเติบโตอย่างชัดเจน จึงถือเป็นโอกาสอย่างเห็นได้ชัดของผลิตภัณฑ์ไทย ที่จะผลิตสินค้ามารองรับตลาดในส่วนนี้

3.2 อาหารแมว

ตลาดอาหารแมวในไต้หวันยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีแรงผลักดันหลักจากความนิยมอย่างต่อเนื่องในการเลี้ยงแมวเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะในเขตเมืองซึ่งนิยมอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมหรือ อพาร์ทเมนต์ จึงเหมาะกับการเลี้ยงแมวมากกว่าสุนัข เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่อยู่อาศัย ทำให้ความต้องการอาหารแมวมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อเจ้าของแมวมองสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว ความรับผิดชอบในการดูแลและการให้อาหารที่มีคุณภาพจึงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ความต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะทางเพิ่มขึ้น แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดูแลแมวอย่างรอบด้านทั่วทั้งไต้หวัน สำหรับเจ้าของแมวที่ไม่สามารถซื้ออาหารเสริมหรือวิตามินได้ อาหารจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถควบคุมได้ง่ายและมีบทบาทในการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน โดยการมุ่งเน้นโภชนาการที่มีคุณภาพ เช่น การเลือกอาหารเปียกเพื่อให้แน่ใจว่าแมวจะได้รับน้ำอย่างเพียงพอ และการให้ขนมขบเคี้ยวที่ทำจากเนื้อสัตว์ล้วน จะช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงลดค่าใช้จ่ายที่อาจต้องใช้ในการรักษากับสัตวแพทย์ในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.3 อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

ในปีมะเส็ง (ปีงู) ตลาดอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กและสัตว์เลื้อยคลานคาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อันเนื่องมาจากความเชื่อมโยงกับโชคลาภ และการรับรู้ว่าสัตว์ประเภทนี้ดูแลง่าย สัตว์เลี้ยงพิเศษ (exotic pets) เหล่านี้มีความต้องการเฉพาะเจาะจงในด้านสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและแสง จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมจากเจ้าของ ซึ่งส่งผลให้ความต้องการข้อมูลเกี่ยวกับวิธีดูแลสัตว์เหล่านี้เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ความสนใจในการดูแลสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ เช่น ปลา นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กมีแนวโน้มค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงมากนัก แต่ก็เป็นการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ

4. ภาวะการแข่งขัน

4.1 อาหารสุนัข

ในปี 2567 แบรนด์ใหญ่ 3 อันดับแรกในตลาดอาหารสุนัขของไต้หวันคือ Pedigree และ Cesar ของบริษัท Mars Inc. ที่ครองส่วนแบ่งตลาดในปี 2567 สูงถึงร้อยละ 6.4 และ 5.5 รองลงมาได้แก่ Nuro ของสหรัฐฯ ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 5.4 ตามด้วย Greens และ Royal Canin ที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.1 และ4.0 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า แบรนด์ IQ Dog และ Classic Pet ของ Perfect Companion Co.,Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทไทยที่มาตั้งสาขาในไต้หวัน ก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 2.1 และ 1.8 ตามลำดับ ด้วย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า แบรนด์ไทยมีศักยภาพที่สามารถแข่งขันกับแบรนด์อินเตอร์รวมถึงแบรนด์ท้องถิ่นในตลาดไต้หวันได้

ตารางที่ 2 : ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อาหารสุนัขในไต้หวัน 10 อันดับแรกในปี 2567

Unit: %

Brand ส่วนแบ่งตลาด
1) Pedigree 6.4
2) Cesar 5.5
3) Nutro 5.4
4) Greens 4.1
5) Royal Canin 4.0
6) Petlife 3.9
7) Hill’s Science Diet 2.8
8) IQ Dog 2.1
9) Classic Pets 1.8
10) Toma Pro 1.6

ข้อมูล : Euromonitor International                  ปรับปรุงโดย : สคต. ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

4.2 อาหารแมว

เหตุการณ์อาหารแมวเปียกปนเปื้อนในปี 2567 ซึ่งมีรายงานว่าในช่วงระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2567 มีแมวมากกว่าร้อยตัว มีอาการที่สอดคล้องกับภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำหลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารแมวบางยี่ห้อจนส่งผลให้มีแมวเสียชีวิต 1 ราย ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของตลาดอาหารแมวในไต้หวันอย่างสิ้นเชิง โดยส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง ทำให้ผู้เลี้ยงมีความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะจากกรณีที่มีแมวหลายตัวแสดงอาการโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia) และมีแมวเสียชีวิตหนึ่งรายจากการกินอาหารแบรนด์ไต้หวันเอง ทำให้ความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ท้องถิ่นลดลง ผู้บริโภคจึงหันไปเลือกแบรนด์ที่มีการรับรองจากสัตวแพทย์และโปร่งใสทั้งในด้านแหล่งวัตถุดิบและกระบวนการผลิต ซึ่งแบรนด์ Royal Canin ของ Mars Inc ยังคงครองตำแหน่งผู้นำ และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากการที่เจ้าของแมวเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ เน้นย้ำถึงความสำคัญของบทบาทด้านการให้ความรู้จากแบรนด์ โดยเฉพาะสำหรับเจ้าของแมวมือใหม่ที่แสวงหาความเข้าใจเรื่องความรับผิดชอบในการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงทางเลือกอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแมว แบรนด์ Royal Canin ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของแมว เช่น กลุ่ม Sensory Feast สำหรับแมวเลือกกิน ที่ให้ความสำคัญกับเนื้อสัมผัสและกลิ่น รวมถึงสูตรเฉพาะสำหรับพันธุ์แมวและปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น การควบคุมน้ำหนักและระบบย่อยอาหาร แบรนด์ที่สามารถให้ข้อมูลอย่างโปร่งใสและได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่เจ้าของแมวใช้ในการตัดสินใจซื้อ ในยุคที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงให้ความสำคัญกับสุขภาพของสัตว์มากขึ้น และเนื่องจากแหล่งวัตถุดิบและมาตรฐานควบคุมคุณภาพที่แตกต่างกัน เจ้าของแมวในไต้หวันจึงมองว่าแบรนด์ต่างชาติมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากกว่า เพื่อตอบสนองความกังวลดังกล่าว ความต้องการอาหารแมวในแบบ functional cat food ที่ตอบโจทย์สุขภาพ เฉพาะทาง เช่น ระบบปัสสาวะและระบบย่อยอาหาร จึงพุ่งสูงขึ้นอย่างชัดเจน เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ แบรนด์อาหารแมวระดับ Top 3 ในตลาดไต้หวัน ในปี 2567 คือ Royal Canin ของฝรั่งเศสที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 6.3 รองลงมาได้แก่ Whiskas ของสหรัฐฯ ที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.5 ตามด้วย Ciao ของญี่ปุ่น ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 5.4 ตามลำดับ สำหรับสินค้าแบรนด์ไทยซึ่งเป็นที่รู้จักในตลาดไต้หวันก็มีอยู่หลายแบรนด์ เช่น Classic Pet ที่ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1.5 อยู่ในอันดับที่ 12 ตามด้วย IQ Cat (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1.1 อันดับที่ 15) และ Me-O (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1.0 อันดับที่ 16) ซึ่งต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ของ Perfect Companion Co.,Ltd. ของไทยเช่นกัน

ตารางที่ 3 : ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อาหารแมวในไต้หวัน 10 อันดับแรกในปี 2567

Unit: %

Brand ส่วนแบ่งตลาด
1) Royal Canin 6.3
2) Whiskas 5.4
3) Ciao 5.3
4) Mon Petit 4.6
5) Hill’s Science Diet 4.1
6) Nutro 2.6
7) Seeds 2.6
8) Toma Pro 2.5
9) Greens 2.3
10) Orijen 2.0

ข้อมูล : Euromonitor International                  ปรับปรุงโดย : สคต. ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

4.3 อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

การให้ความสำคัญต่อการดูแลและสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่ม เช่น กระต่าย และสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไต้หวัน โดยการรับรองจากสัตวแพทย์มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสัตว์เลี้ยงเหล่านี้มีระบบย่อยอาหารที่บอบบางและต้องการอาหารเฉพาะทาง แบรนด์ Yeaster ซึ่งโดดเด่นจากการร่วมมือกับสัตวแพทย์ชาวญี่ปุ่น ทำให้สามารถพัฒนาสูตรอาหารคุณภาพสูงที่ตอบสนองต่อความต้องการด้านโภชนาการของสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กโดยเฉพาะ ชื่อเสียงของแบรนด์นี้ ผนวกกับภาพลักษณ์ญี่ปุ่น ยิ่งทำให้ Yeaster เป็นทางเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ต้องการผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมของชาวไต้หวันที่ใกล้เคียงกับญี่ปุ่น ทั้งในแง่ของคุณภาพ งานฝีมือ และการใส่ใจในสวัสดิภาพสัตว์

สำหรับแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Hai Feng และ Fwusow ต่างก็ถือเป็นแบรนด์ที่ครองตลาดเป็นอันดับ 1 และ 3 ในตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ โดยเฉพาะในส่วนของอาหารปลา โดยที่แบรนด์ Fwusow ยังขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปสู่อาหารสำหรับเต่า กระต่าย หนูตะเภา และแฮมสเตอร์ อย่างไรก็ตาม แบรนด์นำเข้ายังคงมีบทบาทสำคัญในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่มเช่นเดียวกับอาหารสัตว์เลี้ยงในภาพรวม โดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ

ตารางที่ 4 : ส่วนแบ่งตลาดของแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ ในไต้หวัน 10 อันดับแรกในปี 2567

Unit: %

Brand ส่วนแบ่งตลาด
1) Haifeng 32.9
2) Tetra 9.2
3) Fwusow 8.5
4) Sera 3.6
5) Azno 2.9
6) Pets’ Paradise 2.8
7) Ho Mei Chien 1.8
8) Oxbow 0.4
9) Yeaster 0.2
10) Beaphar 0.2

ข้อมูล : Euromonitor International                  ปรับปรุงโดย : สคต. ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

  1. กฎระเบียบในการนำเข้า

ไต้หวันยังจัดไทยเป็นเขตระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย และโรคนิวคาสเซิล โรงงานของไทยที่จะผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกไปไต้หวันประเภทอาหารแห้งที่ทำจากเนื้อปศุสัตว์ (หมู ไก่ วัว ฯลฯ) และอาหารกระป๋องทำจากเนื้อวัว จะต้องผ่านขั้นตอนการขึ้นทะเบียนโรงงานตามระเบียบการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Quarantine Requirements for the Importation of Dog and Cat Food) ตามขั้นตอน ดังนี้

  1. โรงงานผู้ส่งออกจะต้องตอบแบบสอบถาม “Information for Manufacturing Plant to Apply for Exporting Pet Food Products to Taiwan” ซึ่งจะต้องแจ้งข้อมูลชื่อ ที่ตั้ง แผนผังโรงงาน ชื่อผลิตภัณฑ์ แหล่งที่มาวัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต ฯลฯ รายละเอียดดูข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของสำนักตรวจสอบสุขอนามัยพืชและสัตว์ (APHIA) ของไต้หวัน ได้ที่ https://is.gd/qLXQck
  2. ยื่นแบบฟอร์มตามข้อ 1 ต่อกรมปศุสัตว์ของไทยเพื่อการตรวจพิจารณาเบื้องต้น  จากนั้นกรม
    ปศุสัตว์ไทยจะต้องส่งข้อมูลให้แก่ APHIA เพื่อขอรับการอนุมัติ
  3. การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปไต้หวัน ผู้ส่งออกจะต้องแนบใบรับรองสุขอนามัยที่ออกโดยกรม
    ปศุสัตว์ของไทยตามแบบฟอร์มที่ไต้หวันกำหนด

จากฐานข้อมูลของ APHIA จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 มีโรงงานของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไปยังไต้หวันได้ มีจำนวน 31 โรงงาน (รายละเอียดปรากฏตามเว็บไซต์  https://www.aphia.gov.tw/view.php?catid=14537 )

ทั้งนี้ การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีส่วนผสมสัตว์น้ำ (ปลา ปู กุ้ง ฯลฯ) ไม่ได้อยู่ในขอบข่ายการบังคับของระเบียบการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไต้หวัน จึงไม่ต้องยื่นเรื่องต่อ APHIA เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นโรงงานได้รับอนุญาต การส่งออกผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมจากสัตว์น้ำไปไต้หวันจึงไม่ต้องแนบใบรับรองสุขอนามัยไปกับสินค้า แต่ยังต้องผ่านพิธีตรวจกักกันพืชและสัตว์ที่ด่านนำเข้าในไต้หวัน

  1. อัตราภาษีศุลกากร

HS-Code: 230910 (อาหารสุนัขหรือแมว) อัตราภาษีนำเข้า ร้อยละ 2

HS-Code: 230990 (อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ) อัตราภาษีนำเข้า ร้อยละ 0

ภาษีมูลค่าเพิ่ม ร้อยละ 5

  1. งานแสดงสินค้าที่สำคัญ

ในไต้หวันมีการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงในแต่ละปีจำนวนหลายครั้งและหลายเมือง ส่วนใหญ่เป็นงานที่ขายปลีกให้แก่ผู้บริโภคทั่วไป โดยผู้ส่งออกไทยอาจใช้เป็นช่องทางในการเจรจาธุรกิจเพื่อขยายตลาดสินค้าไปยังไต้หวันได้เช่นกัน

  • Taipei Pets Show จัดโดย Chan Chao International Co., Ltd. 886-2-2659 6000 จัดช่วงเดือนกรกฎาคม https://www.chanchao.com.tw/petsshow/taipei/en/ เป็นงานที่มีต่างชาติเข้าร่วมแสดงสินค้าด้วย เช่น ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไทย สำหรับปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 กรกฎาคม 2568
  • Taipei Pets Fair จัดที่ Taipei World Trade Center เมืองไทเป จัดโดย Sanglien Exhibition Tel: 886-2-2759 7167 จัดปีละ 2 ครั้ง ช่วงเดือน เมษายน และ พฤศจิกายน https://pet-fair.top-link.com.tw/about.php

8. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

      8.1 อาหารสุนัข

      ชาวไต้หวันมีแนวโน้มที่จะหันมาเลี้ยงสุนัขพันธุ์ขนาดเล็กถึงขนาดกลางมากขึ้น ตามแนวโน้มครอบครัวที่มีขนาดเล็กลงและพื้นที่พักอาศัยที่มีขนาดเล็กลง การเลือกเลี้ยงสุนัขที่เหมาะสมกับพื้นที่และเงื่อนไขในการอยู่อาศัยจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญ ในขณะที่แนวโน้มการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงแบบมีสถานะเหมือนสมาชิกในครอบครัว ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมีความตั้งใจที่จะจัดสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยให้เหมาะสมกับความต้องการของสุนัข อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปเลี้ยงสุนัขพันธุ์เล็ก อาจส่งผลกระทบต่อยอดขายอาหารสุนัขโดยรวม เพราะโดยธรรมชาติแล้ว สุนัขพันธุ์ใหญ่จะบริโภคอาหารในปริมาณมากกว่าสุนัขพันธุ์เล็กหรือกลาง สินค้าอาหารสำหรับสุนัขพันธุ์เล็กและกลางจึงมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้น นอกจากนี้ เพื่อตอบโจทย์การให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนคนในครอบครัว แบรนด์อาหารสุนัขจึงอาจต้องหันมาทำการผลิตสินค้าระดับพรีเมียม โดยปรับปรุงสูตรอาหารให้มีคุณค่าสูงขึ้นเพื่อดึงดูดกลุ่มเจ้าของที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันยอดขายเชิงมูลค่าในตลาดที่กำลังหดตัว

ตลาดอาหารเปียกสำหรับสุนัข (wet dog food) จะมีการขยายตัวมากขึ้น เนื่องจากจำนวนสุนัขสูงวัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยอาหารเปียกมีข้อดีหลายประการต่อสุนัขที่มีอายุมาก เช่น ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำมากขึ้น ย่อยง่ายกว่าอาหารเม็ด รวมทั้งมีกลิ่นและรสที่น่ารับประทาน ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร เมื่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีแนวโน้มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น พวกเขาจะให้ความสำคัญกับ “โภชนาการป้องกันโรค” ซึ่งทำให้อาหารเปียกกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของบางรายที่มองว่าอาหารเสริมหรือวิตามินราคาแพงและเข้าถึงยาก การเลือกให้อาหารเปียกที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงก็สามารถเป็นทางเลือก ที่มีประสิทธิภาพและประหยัด ในการดูแลสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยงได้ นอกจากนี้ ยังมีเจ้าของสัตว์เลี้ยงรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ใช้แนวทางการให้อาหารแบบผสม (mixed feeding) คือ การให้อาหารเปียกและอาหารเม็ดควบคู่กัน ซึ่งแนวโน้มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับประสบการณ์การกินอาหารของสัตว์เลี้ยง แต่ยังสอดคล้องกับแนวคิดการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวด้วย

      8.2 อาหารแมว

ตลาดอาหารแมวในไต้หวันกำลังมุ่งไปสู่สูตรอาหารที่ทำหน้าที่เชิงสุขภาพ เช่น การเสริมโปรไบโอติก เอนไซม์ ช่วยระบบย่อย อาหารสูตรพิเศษที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ โดยแบรนด์อย่าง Real Power Pet เป็นหนึ่งในผู้นำแนวโน้มนี้ ด้วยสูตรที่รวมสารอาหารหลากหลาย เช่น ทอรีน สารสกัดจากดาวเรือง กลูโคซามีน วิตามินและแร่ธาตุ แม้ผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมอาจมีราคาสูง แต่เจ้าของแมวจำนวนมากยังคงหันไปหาแบรนด์ที่ได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์ เพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงได้รับอาหารที่ปลอดภัยและเหมาะสม ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในด้านนี้อาจนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างแบรนด์อาหารแมวกับคลินิกสัตวแพทย์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ การเปลี่ยนผ่านสู่ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในสุขภาพสัตว์เลี้ยงในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเจ้าของแมวในไต้หวันที่มีความรู้และใส่ใจในเรื่องโภชนาการอย่างจริงจัง

      8.3 อาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ

จำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงขนาดเล็กค่อนข้างคงที่ โดยผู้บริโภคส่วนมากหันไปเลี้ยงสุนัขและแมวมากกว่าเนื่องจากมีความผูกพันทางอารมณ์ อย่างไรก็ตาม อาจเห็นแนวโน้มที่คล้ายกันกับตลาดแมวและสุนัข โดยเฉพาะในกลุ่มสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก เช่น การเน้นย้ำอาหารเสริมสุขภาพ การพัฒนาอาหารระดับพรีเมียม และการส่งเสริมแนวคิด “สัตว์เลี้ยงคือสมาชิกในครอบครัว” นอกจากนี้ แนวโน้มที่เจ้าของปลาตู้เริ่มเห็นว่าปลาคือสัตว์เลี้ยงที่ควรใส่ใจสุขภาพและความเป็นอยู่ ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง ส่งผลให้มีความต้องการอาหารปลาที่มีสูตรเฉพาะทางเพิ่มขึ้น โดยตอบสนองต่อความต้องการทางโภชนาการของปลาหลายสายพันธุ์ แม้จะมีโอกาสเติบโต แต่ตลาดสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่มยังเผชิญกับอุปสรรค เช่น การเข้าถึงบริการสัตวแพทย์ที่มีอยู่จำกัด อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อมูลมากมายในโลกออนไลน์ ผู้เลี้ยงสัตว์จึงสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น และสร้างฐานผู้บริโภคที่ใส่ใจในสุขภาพสัตว์มากยิ่งขึ้น

จากการที่กรมสวัสดิภาพสัตว์ของไต้หวันได้เสนอร่างกฎหมายห้ามครอบครองสัตว์ 955 ชนิดในเดือนมกราคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยสาธารณะและยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ ข้อเสนอดังกล่าวอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์ โดยหันมาเลี้ยงสัตว์ที่มีการควบคุมชัดเจน เช่น แมวและสุนัข ซึ่งดูแลได้ง่ายกว่าและมีกฎหมายรองรับที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการเลี้ยงสัตว์ในไต้หวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะส่งผลโดยตรงต่อความต้องการอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่ม

ผู้ส่งออกไทยที่ประสงค์จะขยายตลาดไปยังไต้หวันติดต่อผู้นำเข้าตามลิงค์ดังนี้ Pets Foods & Appliances Association R.O.C. http://www.cpfaa.org.tw/memberlist.aspx และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ๆ ได้ ดังนี้

Taiwan External Trade and Development Council: http://www.taiwantrade.com.tw/MAIN/

International Trade Administration, Taiwan: https://fbfh.trade.gov.tw/fb/web/queryBasicf.do

Importers and Exporters Association of Taipei: https://www.ieatpe.org.tw/en/member.html

—————————————–

รายงานโดย  สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

โทร. 886-2-2723 1800 โทรสาร. 886-2-2723 1821

อีเมล์ thaicom.taipei@msa.hinet.net

มิถุนายน 2568

de_DEGerman