ปัจจุบันตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ผู้คนมีความสนใจในการดูแลและให้ความรักกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงและหลากหลายประเภทเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่มีความรักสัตว์เลี้ยงอย่างมาก (Pet-Loving Country) ร้อยละ 66 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของครัวเรือนยุโรปที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ร้อยละ 46 แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยร้อยละ 58 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมเลี้ยงแมว และร้อยละ 52 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมเลี้ยงสุนัข และจากฐานข้อมูลกลางของ DogID พบว่ามีสุนัขเกือบ 1.3 ล้านตัว และแมว 517,000 ตัวที่มีการลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงใน Flemish Region หรือ Flanders ของประเทศเบลเยี่ยม นอกจากสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์เลี้ยงหลักอย่างแมวและสุนัขแล้ว ครัวเรือนเบลเยี่ยมยังมีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก โดยเฉพาะปลา แต่มีสัดส่วนที่ลดลงเนื่องจากผู้บริโภคต้องการเลี้ยงสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและต้องการสัตว์เลี้ยงที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น สุนัขและแมว มากขึ้น

 

ทัศนคติของผู้บริโภคเบลเยี่ยม

ผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีความรอบรู้มากขึ้น โดยมีตัวเลือกที่ใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแม้แต่ทางเลือกอาหารสัตว์เลี้ยง อาทิ อาหารสดและอาหาร BARF ที่ได้รับความนิยมในเบลเยี่ยม ร้อยละ 68 ของเจ้าของสุนัขชอบให้อาหารเม็ดแห้ง ร้อยละ 56 ให้อาหารสุนัขวันละ 2 ครั้ง โดยคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงของเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวเบลเยี่ยม ผู้บริโภคเบลเยี่ยมเป็นผู้นำในเทรนด์เรื่องความยั่งยืน โดยประเด็นเรื่องส่วนผสมจากธรรมชาติกลายเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเขา ซึ่งสิ่งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทั่วโลกที่มุ่งสู่ทางเลือกของผู้บริโภคที่คำนึงถึงจริยธรรม สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ตลาดเทคโนโลยีสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ขับเคลื่อนด้วย AI และอุปกรณ์ต่างๆที่มีนวัตกรรม โดยเฉพาะในด้านการติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยงได้รับความสนใจจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมค่อนข้างมาก

 

ขนาดและมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมครอบคลุมอาหารที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะเพื่อการตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของสัตว์ที่เลี้ยงไว้ แบ่งออกได้เป็น 3 หมวด ได้แก่ อาหารสุนัข อาหารแมว และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้านอื่นๆ เช่น สัตว์ฟันแทะ สัตว์เลื้อยคลาน นก เป็นต้น ในปี 2023 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีมูลค่า 530 ล้านยูโร และคาดว่าในปี 2025 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 808.65 ล้านยูโร และคาดว่าจะมีการเติบโตในระหว่างช่วงปี 2024-2029 ที่ร้อยละ 2.13 ต่อปี โดยคาดว่าปริมาณตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจะมีการเติบโตที่ร้อยละ 0.3 ในปี 2026 และจะมีปริมาณอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นถึง 356.72 ล้านกิโลกรัมภายในปี 2030

 

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

ปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม คือ จำนวนครัวเรือนที่มีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป และการมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นของครัวเรือน บวกกับค่านิยมการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ทำให้มีความใส่ใจต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเพิ่มการใช้จ่ายในการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการมีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ที่มีนวัตกรรมและมีคุณภาพระดับพรีเมียม รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมวางจำหน่ายในตลาด ซึ่งเป็นการตอบโจทย์สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ใส่ใจต่อสุขภาพและโภชนาการสัตว์เลี้ยง และใส่ในสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การเติบโตของ E-commerce และ Online Shopping เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มการเข้าถึงและความสะดวกสบายในการเลือกซื้อทั้งอาหารสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงให้แก่ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

 

ประชากรสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

FEDIAF องค์กรการค้าที่เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงในยุโรป ประกอบด้วย 15 สมาคมการค้าระดับนานาชาติ และ 5 บริษัท ได้เผยแพร่ข้อมูลในรายงานประจำปี 2024 พบว่าประชากรสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมในปี 2022 มีประมาณ 6.4 ล้านตัว โดยแมวเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับหนึ่ง มีจำนวนกว่า 2.54 ล้านตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 39.61 ของประชากรสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ตามด้วยสุนัขที่มีจำนวน 2.03 ล้านตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 31.69 ของประชากรสัตว์เลี้ยงทั้งหมด และสำหรับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆ เช่น นก ปลา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก สัตว์ฟันแทะ และอื่นๆ มีประชากรรวมกันอยู่ที่ประมาณ 1.83 ล้านตัว หรือคิดเป็นร้อยละ 28.69 ของประชากรสัตว์เลี้ยงทั้งหมด

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ที่มา: รายงาน Facts & Figures 2022 by FEDIAF ; Published with Annual Report 2024

 

เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2023 สมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของเบลเยี่ยม หรือ BEPEFA ได้ตีพิมพ์ผลการสำรวจประชากรสัตว์เลี้ยงของเบลเยี่ยม โดยบริษัทวิจัยตลาดออนไลน์ iVOX ได้ทำการสำรวจผู้บริโภคชาวเบลเยี่ยมจำนวน 1,000 ราย ระหว่างวันที่ 26 เม.ย. – 2 พ.ค. 2023 พบว่าร้อยละ 59 ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีสัตว์เลี้ยงตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า และเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 7 จากปี 2021 โดยเฉลี่ยครัวเรือนเบลเยี่ยม 1 ครัวเรือนจะมีสัตว์เลี้ยง 3.8 ตัว เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้าที่เฉลี่ย 1 ครัวเรือนเบลเยี่ยมมีสัตว์เลี้ยง 3.6 ตัว โดยครัวเรือนที่พูดภาษาฝรั่งเศส (French-Speaking Household) ร้อยละ 65 และครัวเรือนที่อายุน้อย (ร้อยละ 70) จะมีสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว ในขณะที่ครัวเรือนที่พูดภาษาดัตช์ (Dutch-Speaking Household) ร้อยละ 53 และครัวเรือนที่มีผู้สูงอายุเกิน 55 ปี (ร้อยละ 44) จะมีสัตว์เลี้ยงอย่างน้อย 1 ตัว สุนัขและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นที่นิยมมากที่สุด โดยร้อยละ 33 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมมีแมวอย่างน้อย 1 ตัว และร้อยละ 30 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมมีสุนัขอย่างน้อย 1 ตัว

 

บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงเบลเยี่ยมเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงมาก มีบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่สำคัญ 4 บริษัท ซึ่งทั้ง 4 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันเกินกว่าครึ่งของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในเบลเยี่ยม

  1. บริษัท MARS PETCARE INC มีแบรนด์สินค้า ดังนี้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. บริษัท NESTLÉ PURINA PETCARE LTD มีแบรนด์สินค้า ดังนี้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. บริษัท VITAKRAFT SA NV มีแบรนด์สินค้า ดังนี้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

  1. Colgate-Palmolive Company (Hill’s Pet Nutrition Inc.) มีแบรนด์สินค้า ดังนี้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

 

แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่สำคัญในเบลเยี่ยม

ข้อมูลจากการสำรวจและวิจัย TGM Global Pet Care Survey 2023 และ TGM Research พบว่าในปี 2023 แบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเบลเยี่ยม คือ Royal Canin โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 22 ความนิยมของแบรนด์นี้มาจากโภชนาการเฉพาะทางและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของสัตว์เลี้ยงที่แตกต่างกัน ในขณะที่แบรนด์ Whiskas ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับสองมีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 19 เนื่องจาก Whiskas เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านรสชาติที่น่าดึงดูดและมีความหลากหลาย จึงเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่นิยมของเจ้าของแมวในเบลเยี่ยม แบรนด์ Purina Friskies เป็นที่นิยมอันดับที่สาม มีส่วนแบ่งทางการตลาดร้อยละ 12 ความนิยมของแบรนด์นี้มาจากราคาที่ไม่สูงจนเกินไปและมีคุณภาพทางโภชนาการที่สมดุลสำหรับสัตว์เลี้ยง แบรนด์ที่น่าสนใจอีก 2 แบรนด์ คือ Pedigree และ Eukanuba ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยกว่าแต่อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันที่ร้อยละ 7-8 ซึ่งทั้งสองแบรนด์นี้คงจะต้องปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อที่จะสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของเบลเยี่ยม

อย่างไรก็ดี มีเพียง 2 บริษัทใหญ่เท่านั้นที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม ได้แก่ บริษัท MARS PETCARE INC. เจ้าของแบรนด์ Royal Canin, Whiskas, Pedigree และ Sheba ซึ่งได้รับความความนิยมในอับดับ 1, 2, 5, และ 10) และบริษัท NESTLÉ PURINA PETCARE LTD. เจ้าของแบรนด์  Purina Friskies, Felix, Purina ONE และ Purina ซึ่งได้รับความนิยมในอับดับ 3, 4, 6 และ 7

 

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ที่มา: TGM StatBox

 

ราคาอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

อาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีความหลากหลายและมีช่วงราคาที่แตกต่างกันมาก เนื่องจากมีรายการอาหารสัตว์เลี้ยงที่หลากหลายสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละประเภท โดยจะมีการแบ่งตามชนิดสายพันธุ์ ช่วงอายุ น้ำหนักและขนาดของสัตว์เลี้ยง ชนิดและขนาดของบรรจุภัณฑ์ รสชาติ และความต้องการพิเศษของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสามารถสรุปภาพรวมและช่วงราคา ได้ดังต่อไปนี้ (ข้อมูลจาก https://www.maxizoo.be)

  1. ราคาอาหารสุนัข

Royal Canin ราคาจะอยู่ที่ €5.50 – €17.49 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Pedigree ราคาจะอยู่ที่ €2.85 – €9.33 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Purina ราคาจะอยู่ที่ €4.04 – €13.33 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Hills’s ราคาจะอยู่ที่ €3.82 – €12.75 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Eukanuba ราคาจะอยู่ที่ €2.73 – €7.90 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. ราคาอาหารแมว

Royal Canin ราคาจะอยู่ที่ €15.19 – €21.56 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Whiskas ราคาจะอยู่ที่ €3.49 – €9.30 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Felix ราคาจะอยู่ที่ €4.41 – €19.44 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Purina One ราคาจะอยู่ที่ €4.38 – €17.62 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

Hills’s ราคาจะอยู่ที่ €11.26 – €20.56 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

 

  1. ราคาอาหารสัตว์ฟันแทะ

ราคาจะหลากหลายตั้งแต่ €1.92 – €30.98 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. ราคาอาหารนก

ราคาจะหลากหลายตั้งแต่ €2.80 – €13.49 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. ราคาอาหารปลา

ราคาจะหลากหลายตั้งแต่ €4.77 – €141.90 ต่อลิตร และ ตั้งแต่ €82.17 – €379.67 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

  1. ราคาอาหารสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก

ราคาจะหลากหลายตั้งแต่ €24.49 – €44.44 ต่อลิตร และ ตั้งแต่ €14.36 – €321.14 ต่อกิโลกรัม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

 

ช่องทางการจัดจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะตลาดค้าปลีกอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีผู้เล่นหลักหลายรายครองตลาด อาทิ Tom & Co ซึ่งยังคงเป็นผู้นำในตลาดแบบมีหน้าร้าน แต่ก็มีผู้ค้าปลีกออนไลน์อย่าง Zooplus ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นคู่แข่ง โดยมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงหลากหลายชนิดพร้อมกับบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้านอย่างสะดวก

ช่องทางออฟไลน์

  • ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น Tom & Co, Fressnapf, Maxi Zoo และ Pet’s Place ร้านค้าเหล่านี้มักมีสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง ของเล่นและอุปกรณ์ต่างๆ และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยง
  • ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เช่น Carrefour, Delhaize และ Colruyt มักมีอาหารสัตว์เลี้ยงจำหน่าย แต่สินค้าอาจไม่หลากหลายเท่าร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ โดยจะเน้นสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วไป เช่น อาหารสุนัข และอาหารแมว เป็นต้น

ช่องทางออนไลน์

  • เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ เช่น com, Amazon เป็นแพลตฟอร์ม E-commerce ขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลาย รวมถึงสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าอื่นๆ สำหรับสัตว์เลี้ยง
  • เว็บไซต์ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น ZooPlus, Medpets, Maxizoo.be ซึ่งเป็นร้านค้าเฉพาะทางที่เน้นจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

สำหรับช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ adopteereendier.be เป็นเว็บไซต์จำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเบลเยี่ยม รองลงมาคือ zooplus.be, zooplus.nl, soap2dayhq.to และ medpets.be

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมจะมีหลากหลายช่องทาง แต่จากผลการสำรวจของ TGM พบว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวเบลเยี่ยมนิยมซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงจากช่องทางการจัดจำหน่ายในซุปเปอร์มาร์เก็ตมากเป็นอันดับหนึ่ง มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 46 รองลงมาคือ การซื้อจากร้านสัตว์เลี้ยงอิสระ/ร้านเครือข่ายสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 28 ส่วนการซื้อจากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 21

 

ปัจจัยในการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ข้อมูลจากการสำรวจและวิจัย TGM Global Pet Care Survey 2023 และ TGM Research พบว่าปัจจัยหลักที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมให้ความสำคัญในการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยง คือ คุณภาพของอาหารสัตว์เลี้ยง (ร้อยละ 72.13) ตามด้วยปัจจัยด้านราคาเป็นอันดับที่ 2 (ร้อยละ 70.69) ปัจจัยต่อมาคือความเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง เช่น ความต้องการทางโภชนาการเป็นพิเศษเนื่องจากปัญหาสุขภาพของสัตว์เลี้ยง (ร้อยละ 57.22) นอกจากนี้ องค์ประกอบของส่วนผสมของอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญ  (ร้อยละ 52.04) สำหรับปัจจัยที่ยังคงมีผลค่อนข้างน้อยมากต่อการเลือกอาหารสัตว์เลี้ยงของผู้บริโภคเบลเยี่ยม คือเรื่องความยั่งยืน และประเทศผู้ผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง

 

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ที่มา: TGM StatBox

 

กลยุทธ์ทางการตลาดสำหรับสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

กลยุทธ์ทางการตลาดที่บริษัทจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงใช้ในการแข่งขันในตลาดเบลเยี่ยม ได้แก่

  1. นวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของสัตว์เลี้ยง เช่น อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงแต่ละสายพันธุ์ สำหรับสัตว์เลี้ยงที่ป่วยหรือเป็นโรคเฉพาะ และสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีอายุมาก เป็นต้น
  2. เน้นคุณภาพและส่วนผสมจากธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิค และปราศจากสารเติมแต่งที่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง
  3. การสร้างแบรนด์และการสื่อสารการตลาด การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและการสื่อสารการตลาดที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความจดจำและความภักดีต่อแบรนด์
  4. การตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม เช่น การแบ่งกลุ่มตามสายพันธุ์ของสัตว์เลี้ยง อายุของสัตว์เลี้ยง หรือความต้องการพิเศษของสัตว์เลี้ยง
  5. ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย บริษัทต่างๆ ใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งร้านค้าปลีก ร้านค้าออนไลน์ และ E-commerce Platform เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น
  6. การตลาดผ่าน Social Media และ Influencers การใช้แพลตฟอร์ม Social Media เช่น Facebook, Instagram และ TikTok เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการร่วมมือกับ Influencers ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสัตว์เลี้ยง เพื่อประชาสัมพันธ์และโปรโมทสินค้า
  7. การจัดกิจกรรมและโปรโมชั่น การจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดโปรโมชั่นพิเศษ หรือการแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ฟรีให้แก่ลูกค้า เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าทดลองสินค้าใหม่
  8. การทำการตลาดแบบออฟไลน์ การใช้สื่อโฆษณาแบบดั้งเดิม เช่น ทีวี วิทยุ และป้ายโฆษณา เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่ผู้ใช้ออนไลน์
  9. การร่วมมือกับสัตวแพทย์และร้านขายสัตว์เลี้ยง เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการเลือกอาหารสัตว์เลี้ยงให้กับลูกค้า
  10. ความยั่งยืน และการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

 

แนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในอนาคต

แนวโน้มหรือเทรนด์ใหม่ๆ และพัฒนาการที่น่าจับตามองในตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ได้แก่

  1. Insect-based Pet Food ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากแมลงกำลังเติบโต การใช้แมลงในอาหารสัตว์เลี้ยงจะกลายเป็นกระแสในอนาคต ตลาดโปรตีนจากแมลงในอาหารสัตว์เลี้ยงกำลังเติบโตทั่วโลก ปัจจุบันมีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า 100 แบรนด์ และมากกว่า 500 รายการ ที่มีการใช้โปรตีนจากแมลงในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง และมีการคาดการณ์โดยบริษัท Agronutris ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของฝรั่งเศสว่าสัดส่วนการใช้โปรตีนจากแมลงในอาหารสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 ของมูลค่าการขายอาหารสัตว์เลี้ยงในปี 2030 ทั้งนี้ การใช้โปรตีนจากแมลงในการผลิตอาหารหรืออาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อจำหน่ายในสหภาพยุโรป จะต้องได้รับการอนุมัติและจะต้องเป็นไปตามกฎระเบียบของสหภาพยุโรปเรื่อง Novel Food ซึ่งบริษัท Agronutris เป็นบริษัทยุโรปแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติ Novel food สำหรับอาหารที่ผลิตจากแมลง
  2. Recyclable Thermoformed Packaging for Wet Food เป้าหมายของบรรจุภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ยั่งยืน คือ การรับประกันอายุการเก็บรักษา (Shelf Life) ที่ยาวนานสำหรับอาหารบรรจุหีบห่อ สามารถรีไซเคิลได้ และคุ้มต้นทุน บริษัท Multivac ผู้ผลิตเครื่องจักร และ Südpack ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์ม ได้ร่วมมือกันพัฒนาบรรจุภัณฑ์แบบยืดหยุ่นสำหรับอาหารเปียกที่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ โดยได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ Thermoform แบบยืดหยุ่น ที่จะสามารถบรรจุอาหารเปียกที่ผ่านการฆ่าเชื้อได้ โดยการพัฒนานี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้ปริมาณวัสดุน้อยลง ประหยัดวัสดุได้ถึงร้อยละ 50 เมื่อเปรียบเทียบกับกระป๋องอาหารสัตว์ทั่วไป สามารถรีไซเคิลได้ และรับประกันได้ว่าผลิตภัณฑ์สามารถจัดเก็บได้ที่อุณหภูมิห้องนานถึง 12 เดือน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบเพิ่มเติม และการดำเนินการขอใบรับรองที่จำเป็นสำหรับการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ ก่อนที่จะสามารถวางจำหน่ายได้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ที่มารูปภาพ: Handtmann

 

  1. Just Like Handmade Products อาหารสุนัขในบรรจุภัณฑ์พลาสติกแบบยืดหยุ่นกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีขยะบรรจุภัณฑ์เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยหลังการใช้งาน เป็นการช่วยลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์ โดยทั่วไปไส้กรอกสุนัขจะปิดผนึกด้วยคลิปโลหะและไม่สามารถปิดผนึกซ้ำได้อีกเมื่อเปิดออกแล้ว บริษัท Handtmann ได้พัฒนาแนวคิดใหม่โดยใช้เส้นด้ายมัดแทนคลิปโลหะ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปริมาณขยะบรรจุภัณฑ์แล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยงอีกด้วย การใช้ด้ายมัดยังได้รับการออกแบบมาให้มีลักษณะเหมือนการทำด้วยมือ ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูพรีเมียมขึ้น แล้วยังสามารถมัดเพื่อปิดผนึกซ้ำได้

ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยม

ที่มารูปภาพ:  Doris Bünnagel

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาหารสัตว์เลี้ยงในสหภาพยุโรป

  1. Commission Directive 82/475/EEC of 23 June 1982 laying down the categories of ingredients which may be used for the purposes of labelling compound feedingstuffs for pet animals กฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดหมวดหมู่ของวัตถุดิบที่สามารถใช้ในอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการติดฉลากบนผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบผสม
  2. European Parliament and Council Directive 94/62/EC of 20 December 1994 on packaging and packaging waste กฎระเบียบเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์และของเสียจากบรรจุภัณฑ์ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากบรรจุภัณฑ์และของเสียจากบรรจุภัณฑ์
  3. Commission Directive 98/51/EC of 9 July 1998 laying down certain measures for implementing Council Directive 95/69/EC laying down the conditions and arrangements for approving and registering certain establishments and intermediaries operating in the animal feed sector กฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขและข้อกำหนดสำหรับการอนุมัติและจดทะเบียนสถานประกอบการและตัวกลางที่ดำเนินงานในภาคอาหารสัตว์
  4. Directive 2002/32/EC of the European Parliament and of the Council of 7 May 2002 on undesirable substances in animal feed กฎระเบียบเกี่ยวกับสารที่ไม่พึงประสงค์ในอาหารสัตว์ และการกำหนดระดับสูงสุดที่อนุญาตทั้งในวัตถุดิบอาหารสัตว์และในอาหารสัตว์
  5. Regulation (EC) No 178/2002 of the European Parliament and of the Council of 258 January 2002 laying down the general principles and requirements of food law, establishing the European Food Safety Authority and laying down procedures in matters of food safety กฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดหลักการทั่วไปและข้อกำหนดของกฎหมายอาหาร การก่อตั้งหน่วยงานความปลอดภัยด้านอาหารแห่งยุโรป และกำหนดขั้นตอนในเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งกฎระเบียบนี้ใช้กับทุกขั้นตอนของการผลิต การแปรรูป และการจำหน่ายอาหารและอาหารสัตว์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงควรปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของระเบียบ เช่น ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยของอาหารสัตว์ และหลักการตรวจสอบย้อนกลับ (การตรวจสอบย้อนกลับอย่างสมบูรณ์ของวัตถุดิบอาหารสัตว์และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป)
  6. Regulation (EC) No 1829/2003 of the European Parliament and of the Council of 22 September 2003 on genetically modified food and feed กฎระเบียบเกี่ยวกับอาหารและอาหารสัตว์ที่ดัดแปลงพันธุกรรม การกำหนดขั้นตอนสำหรับการอนุญาตและการกำกับดูแลอาหารและอาหารสัตว์ที่ดัดแปลงพันธุกรรม (รวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง) การกำหนดบทบัญญัติสำหรับการติดฉลากอาหารและอาหารสัตว์ที่ดัดแปลงพันธุกรรม การครอบคลุมอนุพันธ์ของ GMO ทั้งหมด รวมถึงอนุพันธ์ที่ไม่มีร่องรอยของ DNA หรือโปรตีนดัดแปลงพันธุกรรม กฎระเบียบนี้ใช้กับผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท คือ GMO สำหรับใช้เป็นอาหารและอาหารสัตว์ อาหารและอาหารสัตว์ที่มี GMO อาหารและอาหารสัตว์ที่ผลิตจากหรือมีวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ผลิตจาก GMO ไม่รวมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการใช้สารช่วยแปรรูปที่ดัดแปลงพันธุกรรม โดยไม่รวมอาหารสัตว์ที่มีวัสดุที่ประกอบด้วยหรือผลิตจาก GMO ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 0.9 โดยมีเงื่อนไขว่าการมีอยู่ดังกล่าวเป็นการปนเปื้อนโดยบังเอิญหรือการหลีกเลี่ยงไม่ได้ทางเทคนิค
  7. Regulation (EC) No 1830/2003 of the European Parliament and of the Council of 22 September 2003 concerning the traceability and labelling of genetically modified organisms and the traceability of food and feed products produced from genetically modified organisms and amending Directive 2001/18/EC กฎระเบียบเกี่ยวกับการตรวจสอบย้อนกลับและการติดฉลากของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมและการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารสัตว์ที่ผลิตจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม
  8. Regulation (EC) No 1831/2003 of the European Parliament and of the Council of 22 September 2003 on additives for use in animal nutrition กฎระเบียบเกี่ยวกับสารเติมแต่งในโภชนาการสัตว์
  9. Regulation (EC) No 852/2004 of the European Parliament and of the Council of 29 April 2004 on the hygiene of foodstuffs กฎระเบียบเกี่ยวกับสุขอนามัยของอาหาร
  10. Regulation (EC) No 882/2004 of the European Parliament and of the Council of 29 April 2004 on official controls performed to ensure the verification of compliance with feed and food law, animal health and animal welfare rules กฎระเบียบเกี่ยวกับการควบคุมอย่างเป็นทางการเพื่อให้แน่ใจว่ามีการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายอาหารและอาหารสัตว์ สุขภาพสัตว์ และกฎสวัสดิภาพสัตว์
  11. Regulation (EC) No 183/2005 of the European Parliament and of the Council of 12 January 2005 laying down requirements for feed hygiene กฎระเบียบเกี่ยวกับข้อกำหนดด้านสุขอนามัยอาหารสัตว์ การกำหนดความรับผิดชอบหลักของผู้ประกอบการธุรกิจอาหารสัตว์ ในเรื่องความปลอดภัยของอาหารสัตว์ การลงทะเบียนสถานประกอบการที่ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง การอนุมัติสถานประกอบการ (เฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจอาหารสัตว์ที่ผลิตสารเติมแต่งบางชนิด) ข้อกำหนดเงื่อนไขการผลิต ในด้านอุปกรณ์ บุคลากร การผลิต การควบคุมคุณภาพ การจัดเก็บ และการลงทะเบียน ซึ่งผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงต้องปฏิบัติตาม การดำเนินการตาม HACCP เงื่อนไขและข้อตกลงที่รับรองความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับอย่างสมบูรณ์ของวัตถุดิบอาหารสัตว์และอาหารผสม
  12. Commission Regulation (EC) No 152/2009 of 27 January 2009 laying down the methods of sampling and analysis for the official control of feed กฎระเบียบเกี่ยวกับวิธีการสุ่มตัวอย่างและวิเคราะห์สำหรับการควบคุมอาหารสัตว์อย่างเป็นทางการ
  13. Regulation (EC) No 767/2009 of the European Parliament and of the Council of 13 July 2009 on the placing on the market and use of feed, amending European Parliament and Council Regulation (EC) No 1831/2003 and repealing Council Directive 79/373/EEC, Commission Directive 80/51/EEC, Council Directives 82/471/EEC, 93/74/EEC, 93/113/EEC and 96/25/EC and Commission Decision 2004/214/EC กฎระเบียบเกี่ยวกับการตลาดและการใช้อาหารสัตว์
  14. 2011/25/EU Commission Recommendation of 14 January 2011 establishing guidelines for the distinction between feed materials, feed additives, biocidal products and veterinary medicinal products กฎระเบียบเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางสำหรับการจำแนกระหว่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ สารปรุงแต่งอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อทางชีวภาพ และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตวแพทย์
  15. Commission Recommendation (EU) 2016/1319 of 29 July 2016 amending Recommendation 2006/576/EC as regards deoxynivalenol, zearalenone and ochratoxin A in pet food กฎระเบียบเกี่ยวกับ deoxynivalenol, zearalenone และ ochratoxin A ในอาหารสัตว์เลี้ยง

 

บทวิเคราะห์และความเห็นของ สคต.

 

ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า 80 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการผลิตแบบ OEM ให้กับแบรนด์ต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทต่างชาติรายใหญ่ของโลกมาตั้งโรงงานและใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตและส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง คือ MARS PETCARE เจ้าของแบรนด์ Pedigree, Whiskas, Royal Canin, Sheba และบริษัท NESTLÉ เจ้าของแบรนด์ Purina, Friskies, Felix โดยในปี 2567 ไทยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งหมด 3,029.30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.92 โดยมีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปเบลเยี่ยม 36.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 87.86 เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่นำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทยมากเป็นอันดับ 3 ของสหภาพยุโรป รองลงมาจากอิตาลี และเยอรมนี

 

การส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปเบลเยี่ยมมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมมีขนาดใหญ่และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากจำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น อายุเฉลี่ยของสัตว์เลี้ยงที่ยาวนานมากกว่า 10 ปี และความนิยมที่เพิ่มขึ้นของครัวเรือนในการมีสัตว์เลี้ยง ซึ่งมากกว่าร้อยละ 66 ของครัวเรือนเบลเยี่ยมจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยหนึ่งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับหนึ่งของชาวเบลเยี่ยม มีประชากรแมวประมาณ 2.5 ล้านตัว ในขณะที่มีประชากรสุนัขประมาณ 2 ล้านตัว แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ครัวเรือนเบลเยี่ยมที่เลี้ยงสุนัขมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 6 ในขณะที่ครัวเรือนที่เลี้ยงแมวเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2 เท่านั้น แต่ก็พบว่ามีการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นเพิ่มขึ้น เช่น กระต่ายที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 ในขณะที่จำนวนนกและจำนวนปลาลดลงร้อยละ 0.9 และ ร้อยละ 1.3 ตามลำดับ

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่ช่วยให้ตลาดสัตว์เลี้ยงเบลเยี่ยมเติบโต คือ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะค่านิยมการดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว ให้การดูแลและใส่ใจในคุณภาพความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ทำให้แนวโน้มการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงในเบลเยี่ยมได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริโภคมีความสนใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงและมีความหลากหลายมากขึ้น มีการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงโดยให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าราคา อีกทั้งยังมีแนวโน้มในการเลือกอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพิเศษตามความต้องการของสัตว์เลี้ยง (Customizable Pet Food) มากขึ้น และการเติบโตของ E-commerce และ Online Shopping ที่เป็นช่องทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มความสะดวกสบายในการเลือกซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ และมีบริการจัดส่งสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค การเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและความต้องการของผู้บริโภคและของสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงได้ตรงตามความต้องการของตลาด และปรับกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าและการทำการตลาดได้อย่างเข้าถึงและตรงใจผู้บริโภค

 

 

Außenhandelsförderungsbüro, Königlich Thail. Generalkonsul in Den Haag

de_DEGerman