• ในช่วงที่ภาวะเงินเฟ้อส่งผลให้การบริโภคสินค้าอาหารออร์แกนิคลดลง การบริโภคสินค้าเครื่องสำอางออร์แกนิคกลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สถานการณ์โควิด   ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดเพิ่มสูงขึ้นผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการสร้างความโดดเด่นให้กับสินค้า โดยเฉพาะเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าเครื่องสำอางค์ออร์แกนิค กับสินค้าเครื่องสำอางที่ผลิตจากวัตถุดิบจากธรรมชาติให้ชัดเจน
  • ระหว่างสถานการณ์โควิดผู้บริโภคเป็นจำนวนมากเริ่มผลิตเครื่องสำอางด้วยตัวเอง  ส่งผลให้มุมมองต่อการบริโภคผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเปลี่ยนแปลงไปส่งผลด้านบวกต่อตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิค   จากข้อมูลของ Statista ในปี 2020 ตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคและเครื่องสำอางจากธรรมชาติทั่วโลกมีมูลค่า 18.08 พันล้านยูโรขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12.7 ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปีเท่านั้น  และยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าในอีกสามปีข้างหน้ามูลค่าตลาดสินค้าชนิดนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 21.22 พันล้านเหรียญยูโร  และสามารถรักษาระดับอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 5 – 6 ต่อปีจนถึงปี 2030
  • นาย Emmanuel Guichard ตัวแทนสมาพันธ์ผู้ประกอบการเครื่องสำอาง – Febea กล่าวว่าตัวเลขการบริโภคที่แท้จริงระหว่างตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคและเครื่องสำอางจากธรรมชาติยังไม่สามารถแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน  จึงไม่อาจทราบได้ว่าสินค้าชนิดใดที่มีการขยายตัวอย่างแท้จริงและสินค้าทั้งสองประเภทต่างเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในทวีปยุโรป
  • ผู้นำตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในทวีปยุโรป ได้แก่ แบรนด์ Weleda (1921) จากสวิสเซอร์แลนด์ โดยในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาแบรนด์ปรับกลยุทธ์ด้วยการขยายตลาดใหม่กับกลุ่มผู้บริโภควัย 30 ปีซึ่งมีอายุน้อยกว่ากลุ่มลูกค้าเดิมของแบรนด์    โดยมีแบรนด์เครื่องสำอางจากธรรมชาติ Yves Rocher (1959) ของฝรั่งเศสที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
  • เครื่องสำอางที่เรียกว่าออร์แกนิคที่แท้จริงจะต้องมีมาตรฐานและตราสัญลักษณ์  ซึ่งในปี 2002 ทวีปยุโรปได้มีการสร้างมาตรฐานสินค้าที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมภายใต้ชื่อ Ecocert  โดยในส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและความงามจะใช้ชื่อ Cosmos ควบคู่กัน (ดังรูปตัวอย่าง)  สินค้าทั้งหมดจะต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานทั้งวัตถุดิบ มาตรฐานการผลิต รวมถึงการทำตลาด   จากหน่วยงานเช่น Cosmébio, Icea and Soil association เป็นต้น  ผลิตภัณฑ์จะต้องมีส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติอย่างน้อยร้อยละ 95  ซึ่งในส่วนนี้จะต้องมีส่วนประกอบออร์แกนิคอย่างน้อยร้อยละ 20   ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับส่วนประกอบในเครื่องสำอางจากธรรมชาติ  ทำให้ผู้บริโภคไม่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในการเลือกซื้อระหว่างสินค้าทั้งสองประเภท
  • ความท้าทายของตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคในฝรั่งเศส

ตัวอย่างตราสัญลักษ์เครื่องสำอางออร์แกนิค

  • ตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคในฝรั่งเศสมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของตลาดเครื่องสำอางทั้งหมด แต่ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะผ่านช่องทางขายที่เฉพาะเจาะจง ดังเช่น ร้านทำผม สถานเสริมความงาม เป็นต้น     โดยแบรนด์ฝรั่งเศสจัดได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกสินค้าเครื่องสำอางชนิดนี้     เนื่องจากมีความหลากหลายเป็นอย่างมากทั้งแบรนด์ดั้งเดิมและแบรนด์หน้าใหม่ ตัวอย่างเช่น
    • แบรนด์ So’Bio étic ก่อตั้งในปี 2008 ของบริษัท Léa Nature ผู้ประกอบการขนาด SMEs เป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งประเภทเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมความงามออร์แกนิคในตลาดห้างค้าปลีกทั้งขนาดกลางและใหญ่ (สัดส่วนตลาดร้อยละ 30)
    • แบรนด์ Endro ก่อตั้งในแคว้น Brittany ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส
    • แบรนด์ Patyka ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางออร์แกนิครายแรกๆในตลาดโลก ได้รับประกาศนียบัตร Ecocert ในปี 2002  สินค้าที่ขายดีที่สุด  ได้แก่  น้ำมันอเนกประสงค์ ใช้บำรุงได้ทั้งผิวหน้า ผิวกายและเส้นผม ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำมันหอมระเหย  ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติร้อยละ 99  ร้อยละ 50 เป็นส่วนประกอบจากในประเทศฝรั่งเศส และร้อยละ 44 ทำมาจากวัตถุดิบออร์แกนิค       จุดขายของแบรนด์เน้นประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์โดยปราศจากผลข้างเคียง ซึ่งไม่ต่างจากเช่นจุดขายของสินค้า Clean Beauty แบรนด์เครื่องสำอางอื่นๆที่ไม่ได้เป็นสินค้าออร์แกนิค

ความเห็นสคต.

ผู้บริโภคฝรั่งเศส 1 ใน 2 ซื้อเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลความงามออร์แกนิค  ในปี 2022 ตลาดเครื่องสำอางฝรั่งเศสโดยรวมมีมูลค่า 9.1 พันล้านยูโร   โดยตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคและเครื่องสำอางจากวัตถุดิบธรรมชาติรวมกันมีมูลค่า 572 ล้านยูโร (เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 ในปี 2023  ร้อยละ 7 ในปี 2024)   คาดการณ์ว่าในปี 2025 นี้จะเพิ่มขึ้นจนถึง 1.2 พันล้านยูโร

ช่องทางการขายสินค้าที่สำคัญในตลาดค้าปลีกของเครื่องสำอางออร์แกนิค ได้แก่ ร้านขายยาและร้านพาราฟาร์มาซี สินค้าขายดี ได้แก่ ครีมกันแดด,ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและสินค้าสำหรับแม่และเด็ก

จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคฝรั่งเศสให้ความสำคัญต่อคุณภาพของเครื่องสำอางเป็นอย่างมากโดยพิจารณาถึงรายละเอียดของส่วนประกอบส่งผลดีต่อตลาดเครื่องสำอางออร์แกนิคและวัตถุดิบจากธรรมชาติ   ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสอันดีต่อผู้ประกอบการไทยในการนำเสนอวัตถุดิบจากธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบให้กับสินค้าเหล่านี้ได้ โดยพิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับเครื่องสำอางและนวัตกรรม Cosmetic 360 จัดขึ้น ณ Carrousel du Louvre กรุงปารีส ในช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี   อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการควรศึกษารายละเอียดข้อกำหนดและกฎหมายควบคุมเกี่ยวกับสินค้าเครื่องสำอางออร์แกนิคที่ใช้ในฝรั่งเศสและสหภาพยุโรปเพิ่มเติม

ที่มาของข่าว

Virginie Jacoberger-Lavoué

ข้อมูลจาก Les Echos

https://www.lesechos.fr/industrie-services/mode-luxe/cosmetique-bio-les-marques-face-au-defi-de-la-differenciation-avec-le-soin-naturel-2149373

https://www.cosmebio.org/fr/nos-dossiers/

de_DEGerman