ผู้ผลิตปุ๋ยในยุโรปกำลังเจอกับวิกฤต ที่เป็นผลมาจาก (1) ราคาก๊าซที่สูงขึ้นอย่างมากเพราะก๊าซเป็นวัตถุดิบหลักที่สำคัญในการผลิตปุ๋ย และ (2) การแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่องจากสินค้าราคาถูกของรัสเซีย ซึ่งที่ผ่านมา แม้ราคาขายปุ๋ยไนโตรเจนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ผู้ผลิตรายใหญ่ อาทิ บริษัท SKW Piesteritz ซึ่งตั้งอยู่ในฝั่งเยอรมันตะวันออกและเป็นผู้ผลิตปุ๋ยแอมโมเนียรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี กลับต้องลดกำลังการผลิตลง กว่าครึ่งหนึ่งอย่างไม่มีกำหนด ในขณะที่ บริษัทผู้ผลิตปุ๋ย LAN Nitrogen จากออสเตรียได้ออกมาประกาศว่า ได้หยุดส่งสินค้ามาตลาดเยอรมนีเป็นการชั่วคราว ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้บริษัท “Agrar heute” ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ตลาดเกษตรกรรม คาดการณ์ว่า ราคาปุ๋ยไนโตรเจนจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 ผลิตภัณฑ์เคมีมีราคาสูงขึ้นถึง 15% เทียบกับช่วงต้นปี 2024 ดังนั้น เมื่อเกษตรกรต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านต้นทุนที่สูงขึ้น ย่อมคาดการณ์ได้ว่า ในอนาคตราคาสินค้าบริโภคจะปรับสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ปุ๋ยไนโตรเจนถือเป็นปุ๋ยเคมีชนิดที่สำคัญชนิดหนึ่งที่เกษตรกรใช้สำหรับเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร สำนักงานสถิติประจำประเทศเยอรมนี (Statistisches Bundesamt) ระบุว่า ปริมาณการใช้ปุ๋ยในทุ่งข้าวสาลีของเยอรมนีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มากกว่าหนึ่งล้านตันในฤดูกาล 2023/2024 อย่างไรก็ดี นอกจากเชื้อเพลิงและยาฆ่าแมลงแล้ว ปุ๋ยถือเป็นต้นทุนที่สูงที่สุดอย่างหนึ่งของภาคเกษตรกรรม
ปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมการเกษตรได้ออกมาเตือนให้นึกถึงสถานการณ์ในปี 2022 ว่า ในช่วงเวลานั้นราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จึงทำให้ราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตชั้นนำ เช่น SKW ได้ลดการผลิตลงอย่างมากเพื่อป้องกันการขาดทุน โดยปุ๋ยไนโตรเจนนั้นหลัก ๆ แล้วใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบและใช้เป็นแหล่งพลังงานในการผลิต โดยมากกว่า 80% ของต้นทุนการผลิตจึงขึ้นอยู่กับราคาก๊าซ ผลที่ตามมาจากราคาปุ๋ยที่พุ่งสูงในปี 2022 ก็คือราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตก็สูงขึ้นตาม ดังที่งานวิจัยของมูลนิธิ Heinrich Böll แสดงให้เห็นดังนี้ วัตถุดิบบางชนิดที่มีความจำเป็นในผลิตอาหารอย่างเมล็ดพืช น้ำมันพืช หรือนม มีราคาแพงขึ้นโดยเฉลี่ย 44% ทั่วโลก ปุ๋ยกลายเป็นปัจจัยที่ผลักดันภาวะเงินเฟ้อไปโดยปริยาย แม้ว่าในขณะนี้ราคาก๊าซยังห่างไกลจากจุดสูงสุดในปี 2022 แต่ราคาก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง ดังที่ข้อมูลจากตลาดแลกเปลี่ยนพลังงาน (EEX -European Energy Exchange) แสดงให้เห็น ราคาของก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้น 40% ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี ดังนั้นต้นทุนของผู้ผลิตปุ๋ยจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน และพวกเขาจึงพยายามแก้ไขปัญหาโดยการปรับขึ้นราคาขายในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน อุตสาหกรรมสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเกษตรกรในเยอรมนีและยุโรป เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากที่จะซื้อปุ๋ยไนโตรเจนไมได้เตรียมการหรือกักตุนสินค้าไว้ในสต๊อก แต่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ เกษตรกรจะต้องเริ่มใส่ปุ๋ยในพื้นที่เกษตรกรรมของพวกเขา เพื่อไม่ให้ผลผลิตพืชได้รับความเสียหาย พวกเขาจะต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น หรือไม่ก็หาทางผลักดันภาระดังกล่าวออกไปผ่านราคาอาหารที่สูงขึ้นเหมือนที่พวกเขาทำเมื่อสองปีก่อน อย่างไรก็ตาม ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นไม่ใช่ปัญหาเดียวที่กระทบต่อผู้ผลิตปุ๋ยในเยอรมนี ฝ่ายบริหารของ SKW Piesteritz ได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ผลิตปุ่ยในเยอรมนีไม่ได้รับการยกเว้นการจ่ายค่าธรรมเนียมกักเก็บก๊าซ ไม่เหมือนกับคู่แข่งต่างชาติ นาง Antje Bittner กรรมการผู้จัดการของ SKW Piesteritz กล่าวว่า “นับตั้งแต่ปี 2022 นโยบายของรัฐบาลกลางเยอรมนีได้สร้างภาระให้กับบริษัทฯ เกินกว่ากำลังทางเศรษฐกิจของเรา แม้ว่าจะมีการเตือนอย่างเร่งด่วนไปยังรัฐมนตรีของรัฐบาลกลางที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม ตอนนี้เราถูกบังคับให้ต้องหาทางรับมือกับปัญหาดังกล่าว” นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระด้านระบบใบรับรองการค้าขายแลกเปลี่ยนก๊าซเรือนกระจก (Emissions trading) เพิ่มขึ้นอีกด้วย นาย Carsten Franzke กรรมการผู้จัดการ SKW ผู้ร่วมอุดมการณ์ของนาง Bittner กล่าวเสริมว่า “ต้นทุนด้านพลังงานจะต้องลดลงเหลือระดับเดียวกันกับช่วงก่อนปี 2022 เป็นอย่างน้อย” เมื่อบริษัทเคมีจากเมือง Lutherstadt Wittenberg ลดการผลิตลงก็จะผลักดันให้ราคาในตลาดสูงขึ้นไปอีก และไม่ใช่เฉพาะปุ๋ยเท่านั้น บริษัท SKW เป็นผู้ผลิต AdBlue ซึ่งเป็นสารเติมแต่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเป็นสำหรับยานยนต์ดีเซลรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีอีกด้วย โดยสารยูเรีย (ส่วนผสมหลักของ AdBlue) นั้น ยังได้มาจากการผลิตแอมโมเนียด้วย บริษัทเตือนว่า “หากไม่มี AdBlue ปัญหาด้านการขนส่งในเยอรมนีจะเกิดขึ้นทันที ซึ่งทุกคนจะรู้สึกได้เหมือนชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ว่างเปล่าอย่างกระทันหัน” อย่างไรก็ตามแนวโน้มที่จะการขาดแคลน AdBlue และราคา AdBlue เพิ่มขึ้นอย่างกระทันหันนั้นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเวลาอันไกล้
สถานการณ์ในปัจจุบันต่างกับปี 2022 ผู้ผลิตปุ๋ยในยุโรปต้องเผชิญกับการแข่งขันอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือ พวกเขาแทบจะตามคู่แข่งจากรัสเซียไม่ทัน หนึ่งในผู้ผลิตกล่าวว่า “ผู้ผลิตไนโตรเจนของรัสเซียมักเสนอราคาสินค้าในสหภาพยุโรปต่ำกว่าระดับที่เราจะสามารถแข่งขันได้” แม้ว่าจะมีต้นทุนด้านโลจิสติกส์สูงกว่าผู้ผลิตในรัสเซียได้รับประโยชน์จากราคาก๊าซธรรมชาติที่รัฐกำหนดในจึงสามารถขายได้ถูกกว่าคู่แข่งจากสหภาพยุโรป การนำเข้าปุ๋ยไนโตรเจนจากรัสเซียไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการการคว่ำบาตรรัฐบาลมอสโกโดย EU ผลที่ตามมาคือ ผู้ผลิตชาวรัสเซียได้รับประโยชน์จากการขึ้นราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน แต่คู่แข่งจากเยอรมนีอย่าง SKW กลับเป็นผู้เสียผลประโยชน์ไป ข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมปุ๋ยยุโรปแสดงให้เห็นว่า อำนาจของรัสเซียแข็งแกร่งแค่ไหนในตลาดปุ๋ยไนโตรเจนในยุโรป ตามข้อมูลดังกล่าว รัสเซียส่งออกประมาณ 1.17 ล้านตัน ไปยังสหภาพยุโรป ในปี 2021/22 และในปี 2023/24 ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงเป็น 1.78 ล้านตันแล้ว นับตั้งแต่ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นต้นมาส่วนแบ่งการตลาดของผู้ผลิตชาวรัสเซียก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันที่ 30% ของปริมาณที่ขายในยุโรปทั้งหมดมาจากรัสเซีย ในจดหมายถึงคณะกรรมาธิการยุโรปในช่วงฤดูร้อนปี 2024 บริษัท Fertilizer Europe ได้เตือนถึง “ภาวะพึ่งพารัสเซียขยายตัวขึ้นในภาคเกษตรกรรมยุโรป” และเรียกร้องให้จัดเก็บภาษีนำเข้าเพื่อรักษาธุรกิจดังกล่าวในยุโรปไว้ โดยนาง Bittner ผู้บริหารของ SKW บ่นว่า “จนถึงปัจจุบันนักการเมืองยังไม่สามารถทำอะไรที่มีประสิทธิผลเพื่อป้องกันไม่ให้ตลาดในยุโรปถูกท่วมด้วยปุ๋ยราคาถูกจากรัสเซีย” รัฐบาลโปแลนด์กำลังผลักดันให้มีข้อจำกัดเพิ่มเติมในการนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซีย สถานการณ์ตลาดในปัจจุบัน และภาระที่ตามมาส่งผลกระทบต่อบริษัทผลิตสารเคมีชั้นนำของประเทศโปแลนด์อย่าง Grupa Azoty กลุ่มบริษัทนี้ก็เป็นผู้ผลิตปุ๋ยไนโตรเจนรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหภาพยุโรป และรัฐเป็นเจ้าของหุ้นถึงหนึ่งในสามเลยทีเดียว นาย Andrzej Skolmowski ซึ่งเป็น CFO ของบริษัทกล่าวให้สัมภาษณ์กับ Financial Times เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้วว่า ในเวลานี้บริษัท Azoty ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก และกำลังพิจารณาขายธุรกิจปุ๋ยพิเศษภายใต้แบรนด์ Compo เพื่อระดมทุน ยี่ห้อ Compo เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องปุ๋ยสนามหญ้า และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมือง Münster ประเทศเยอรมนี
จาก Handelsblatt 3 กุมภาพันธ์ 2568