thumbnail_Asset-17-puy272xw31bv1uczqilu44ukqk5cnnvv9xv892yatc.png

Asset-17-puy272xw31bv1uczqilu44ukqk5cnnvv9xv892yatc.png

Mark of certification awarded by the Ministry of Commerce, the Royal Thai Government to guarantee the authentic Thaitaste of Thai food products.

thumbnail_Asset-18-puy273vq9vd5dgbml10gomm1by0pvczlm2ipqcwwn4.png

Asset-18-puy273vq9vd5dgbml10gomm1by0pvczlm2ipqcwwn4.png

A symbol of excellence and trusted quality that was established to add distinctive value.

thumbnail_DEMark_Logo-q50f7a54ehz9putglxjv2m2h3ryhtmiye4bdbeefr4.jpg

DEMark_Logo-q50f7a54ehz9putglxjv2m2h3ryhtmiye4bdbeefr4.jpg

Thailand's most prestigious award given in recognition of outstanding Thai-design products.

thumbnail_output-onlinepngtools-1-r3odpk4fii218lhpl7si9w7mbql8r8w9yjpapf3br4.png

output-onlinepngtools-1-r3odpk4fii218lhpl7si9w7mbql8r8w9yjpapf3br4.png

Prime Minister’s Export Award is an honorable accolade to the country’s outstanding exporters

medium_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

small_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

thumbnail_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

เจาะลึกตลาดโลก (Deep insight into the global market)

&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;วันที่&nbsp;2 สิงหาคม&nbsp;2568 – สหรัฐฯอเมริกาได้ตกลงลดอัตราภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) สำหรับสินค้าบังกลาเทศจาก&nbsp;35% เหลือ&nbsp;20% หลังจากการเจรจาทางการค้าระหว่างรัฐบาลชั่วคราวของบังกลาเทศและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. การปรับลดภาษีนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่เจ็ดหลังจากการลงนามในคำสั่งบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีผลตั้งแต่เวลา&nbsp;00:01 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ (10:01 น. ตามเวลาบังกลาเทศ) และยกเว้นสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่งก่อนวันที่&nbsp;7 สิงหาคม และสินค้าที่เข้าสู่สหรัฐฯ ก่อนวันที่&nbsp;5 ตุลาคม&nbsp;พัฒนาการของการเจรจาและบริบท&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การลดภาษีครั้งนี้เป็นผลจากการเจรจาหลายรอบที่เริ่มต้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้ภาษีตอบโต้ในอัตรา 37% เมื่อวันที่&nbsp;2 เมษายน&nbsp;2568 โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศ รวมถึงบังกลาเทศ ต่อมาในวันที่&nbsp;9 เมษายน สหรัฐฯ ระงับการใช้ภาษีเป็นเวลา&nbsp;3 เดือนเพื่อเปิดโอกาสให้เจรจา และเมื่อวันที่&nbsp;9 กรกฎาคม อัตราภาษีสำหรับบังกลาเทศถูกลดลงเหลือ&nbsp;35% พร้อมกำหนดเส้นตายการเจรจาเพิ่มเติมถึงวันที่&nbsp;31 กรกฎาคม การเจรจารอบสุดท้ายเริ่มขึ้นเมื่อวันที่&nbsp;29 กรกฎาคม หลังจากที่บังกลาเทศยื่นเอกสารแสดงจุดยืนเมื่อวันที่&nbsp;23 กรกฎาคม โดยเปลี่ยนจากการประชุมออนไลน์เป็นการเจรจาแบบตัวต่อตัว ซึ่งนำไปสู่การตกลงลดภาษีเหลือ&nbsp;20% อัตรานี้เทียบเท่ากับเวียดนามและศรีลังกา แต่ต่ำกว่าอินเดีย (25%) และจีน (30%)&nbsp;ผลกระทบต่อเศรษฐกิจบังกลาเทศ&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มสำเร็จรูป (RMG) ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ&nbsp;8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดภาษีครั้งนี้ เนื่องจากช่วยลดต้นทุนสินค้าเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างจีนและอินเดีย อย่างไรก็ตาม ภาษีตอบโต้&nbsp;20% เมื่อรวมกับภาษีปกติ&nbsp;15% ทำให้ภาระภาษีรวมอยู่ที่&nbsp;35% นอกจากนี้ กฎแหล่งกำเนิดสินค้า (RoO) ที่กำหนดให้มีการเพิ่มมูลค่าในท้องถิ่น 40% อาจทำให้ภาษีรวมสูงถึง&nbsp;50% หากใช้วัตถุดิบจากประเทศที่สาม เช่น จีน ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความท้าทายในการแข่งขันกับเวียดนาม ซึ่งมีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;บังกลาเทศเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มูลค่า&nbsp;6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ส่งออก&nbsp;8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำเข้า&nbsp;2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการเจรจา รัฐบาลบังกลาเทศเสนอเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น ข้าวสาลี&nbsp;700,000 ตันต่อปี ฝ้าย ถั่วเหลือง เครื่องบินโบอิ้ง&nbsp;25 ลำ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อลดช่องว่างทางการค้า อย่างไรก็ตาม ข้อผูกพันเหล่านี้อาจเพิ่มภาระงบประมาณในระยะยาว&nbsp;ความท้าทายจากผลการเจรจา&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; - ข้อผูกพันที่ไม่เปิดเผย การเจรจานี้รวมถึงข้อตกลงที่อยู่ภายใต้สัญญาการไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายสาธารณะของบังกลาเทศในอนาคต เช่น การควบคุมราคาในประเทศหรือการปกป้องอุตสาหกรรมท้องถิ่น&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; - การสูญเสียสถานะ&nbsp;LDC เมื่อบังกลาเทศพ้นจากสถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ในปี&nbsp;2569 จะสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้าในหลายตลาด การลดภาษีครั้งนี้จึงเป็นเพียงการบรรเทาชั่วคราว&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;- ความเสี่ยงต่อคำสั่งซื้อ สมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มแห่งบังกลาเทศ (BGMEA) เตือนว่าผู้ซื้อในสหรัฐฯ อาจลดคำสั่งซื้อในระยะสั้น เนื่องจากภาระภาษีที่ยังสูงอยู่ อย่างไรก็ตาม หากภาษีของจีนยังคงสูงกว่าบังกลาเทศ อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงคำสั่งซื้อจากจีนมาสู่บังกลาเทศ&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; การลดภาษีครั้งนี้บังกลาเทศมองว่าเป็นความสำเร็จของทีมเจรจา นำโดยที่ปรึกษาการค้า (เทียบเท่า รมว. กระทรวงพาณิชย์) เชค บาชีร์ อูดดิน พร้อมด้วยที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ คาลิลูร์ ราห์มาน และเลขานุการการค้า มหบูร์ ราห์มาน การเจรจานี้ไม่เพียงช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม&nbsp;RMG แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความสามารถของรัฐบาลชั่วคราวในการจัดการกับมหาอำนาจทางการค้า อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บังกลาเทศเร่งปฏิรูปโครงสร้าง เช่น การกระจายสินค้าส่งออก ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ และพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านจากสถานะ&nbsp;LDC และความผันผวนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ&nbsp;ที่มาข่าว/ภาพ &nbsp;https://www.tbsnews.net&nbsp;

บังกลาเทศ

สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าบังกลาเทศเหลือ 20.pdf

small_tariff.jpg

thumbnail_tariff.jpg

tariff.jpg

สคต. ณ กรุงธากา (บังกลาเทศ)

สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าบังกลาเทศเหลือ 20% จาก 35%

สหรัฐอเมริกา

large_cover.png

medium_cover.png

small_cover.png

thumbnail_cover.png

cover.png

สคต. ณ เมืองไมอามี (สหรัฐอเมริกา)

ภาคต่อของอัตรากำแพงภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯหลังจากนี้ 

สถาบันรับรองฮาลาลแห่งประเทศตุรกี (Helal Akreditasyon Kurumu&nbsp;หรือ HAK)&nbsp;เดินหน้ายกระดับระบบการรับรองฮาลาลสู่มาตรฐานสากล โดยนาย&nbsp;Zafer Soylu&nbsp;ประธานสถาบัน HAK ระบุว่า ล่าสุดทางสถาบันฯ ได้ให้รับรองฮาลาลแก่ผู้ผลิตเพิ่มเติมอีกจำนวน&nbsp;113 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมทั้งภายในและต่างประเทศ ส่งผลให้มีผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองฮาลาลแล้วมากกว่า 2,000 แห่ง จากระบบการรับรองที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก&nbsp;นาย&nbsp;Zafer Soylu&nbsp;เปิดเผยว่า ทางสถาบันฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผู้ประกอบการที่ขอการรับรองตามแนวทางสากล ไม่ว่าจะเป็นด้านความสามารถทางเทคนิค ความเป็นกลาง และความน่าเชื่อถือ โดยยึดหลักตามสถาบันมาตรฐานและมาตรวิทยาของประเทศอิสลาม&nbsp;(SMIIC)&nbsp;ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)&nbsp;เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสถาบันฯ ไม่ได้รับรองทุกรายที่ยื่นคำร้องขอเข้ามา แต่พิจารณาเฉพาะรายที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานเท่านั้น โดยระบุว่ามีคำขอมากกว่า&nbsp;80&nbsp;รายที่ถูกปฏิเสธไปเนื่องจากไม่ผ่านเกณฑ์ทางเทคนิค หรือพบข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินในสถานที่จริง&nbsp;นอกจากภารกิจในการตราจสอบและให้การรับรองฮาลาลแล้ว ทาง&nbsp;HAK&nbsp;ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรในภาคอุตสาหกรรมฮาลาล โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563&nbsp;เป็นต้นมา มีการจัดอบรมกว่า&nbsp;63 ครั้ง ทั้งในภาษาอังกฤษและภาษาตุรกี โดยจนถึงขณะนี้มีผู้ผ่านการอบรมแล้วกว่า 1,500&nbsp;คน สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของ&nbsp;HAK&nbsp;ในการเป็นกลไกที่ช่วยขับเคลื่อนระบบฮาลาลภายในประเทศ และการค้าในตลาดโลก&nbsp;สำหรับในระดับนานาชาติ&nbsp;HAK&nbsp;ได้สร้างความร่วมมือกับคู่ค้าหลายประเทศ อาทิ กาตาร์ แอลจีเรีย เพื่อเป็นการช่วยลดอุปสรรคทางการค้า และเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ฮาลาลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยประเทศดังกล่าวให้การยอมรับใบรับรองฮาลาลที่ได้รับจาก HAK&nbsp;โดยไม่ต้องผ่านระบบการตรวจซ้ำ และเพื่อขจัดอุปสรรคทางเทคนิคระดับโลกอย่างยั่งยืน HAK&nbsp;ได้มีบทบาทสำคัญในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Islamic Forum for Halal Accreditation Bodies&nbsp;หรือ&nbsp;IFHAB&nbsp;ที่มีเป้าหมายเพื่อจัดทำระบบการรับรองฮาลาลที่ยอมรับร่วมกันในหมู่ประเทศสมาชิก โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ. 2569&nbsp;ท้ายที่สุด นาย&nbsp;Zafer Soylu&nbsp;กล่าวว่า เมื่อวันที่&nbsp;13&nbsp;กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา&nbsp;HAK&nbsp;ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ&nbsp;(MOU)&nbsp;กับสำนักงานฮาลาลของประเทศปากีสถาน (Pakistan Halal Authority)&nbsp;ซึ่งข้อตกลงฉบับนี้รวมถึงข้อตกลงที่ลงนามไว้ก่อนหน้า มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างกลไกความร่วมมือด้านการรับรอง และตรวจสอบผลิตภัณฑ์ฮาลาลระหว่างประเทศ อันจะส่งผลดีต่อการยกระดับความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์จากประเทศตุรกี และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าในระดับโลก&nbsp;ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ&nbsp;สถาบันรับรองฮาลาลแห่งประเทศตุรกี (HAK) เป็นองค์กรหลักเพียงหนึ่งเดียวของตุรกีที่มีอำนาจในการรับรองฮาลาล และอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์ฮาลาลบนผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศตุรกี อย่างไรก็ตาม ประเทศตุรกีไม่มีข้อห้ามในการนำเข้าและจำหน่ายสินค้าอาหารและสินค้าใดก็ตามที่ไม่ใช่ฮาลาล (แม้กระทั่งเนื้อหมูและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์) เพียงแต่หากต้องการจะแสดงสัญลักษณ์หรือข้อความบนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ หรือเพื่อการโฆษณาว่าสินค้านั้นๆ เป็นสินค้าฮาลาล จะต้องใช้ตรารับรองที่ออกให้โดย&nbsp;HAK เท่านั้น&nbsp;ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตุรกีมีความพยายามที่จะผลักดันตรารับรองฮาลาลของตนให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยพยายามอาศัยกลไกความร่วมมือต่างๆ ของกลุ่มประเทศอิสลามอย่าง&nbsp;OIC หรือSMIIC ตลอดจนการพยายามมีบทบาทในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่าง IFHAB โดยน่าจะมีวัตถุประสงค์หลักในด้านการค้าระหว่างประเทศเสียมากกว่าเหตุผลภายใน เนื่องจากตามปกติแล้วตุรกีที่ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศมุสลิม แต่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้เข้มงวดในเรื่องของฮาลาลมากนัก ดังนั้น การที่สินค้าจะได้รับการรับรองฮาลาลหรือไม่จึงไม่ได้เป็นการสร้างความได้เปรียบทางการตลาดอย่างมีนัยสำคัญ&nbsp;อย่างไรก็ตาม&nbsp;ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารในระดับโลก ถึงแม้ว่าเครื่องหมายรับรองฮาลาลของไทยจะถือว่าได้รับการยอมรับค่อนข้างกว้างขวางในระดับสากล แต่หน่วยงานที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ของไทยก็อาจพิจารณาแนวทางการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงาน HAK ของตุรกีเพิ่มเติม และใช้เป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการรับรองฮาลาลของไทยในระดับสากลให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งในอนาคตหากเป็นไปได้อาจสามารถพัฒนาไปถึงขั้นที่สามารถได้รับการยอมรับจากประเทศคู่ค้าต่างๆ โดยไม่ต้องมีการตรวจซ้ำได้ ก็จะยิ่งเพิ่มศักยภาพในการส่งออกสินค้าไทยให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นไปอีก&nbsp;ที่มา:&nbsp;<a target="_blank" rel="noopener noreferrer" href="https://www.aa.com.tr/tr/ekonomi/helal-akreditasyon-kurumu-bugune-kadar-113-akreditasyon-karari-aldi/3643892">https://www.aa.com.tr/tr/ekonomi/helal-akreditasyon-kurumu-bugune-kadar-113-akreditasyon-karari-aldi/3643892</a>

ตุรกี

small_Picture1.jpg

thumbnail_Picture1.jpg

Picture1.jpg

สคต. ณ กรุงอังการา (ตุรกี)

HAK เร่งผลักดันระบบรับรองฮาลาลตุรกีสู่ระดับสากล

อินเดีย

รายงานตลาดเชิงลึกธุรกิจสินค้าของเล่นทำจากไม้ยางพารา- HS 9503.pdf

small_rubberwood toys.jpg

thumbnail_rubberwood toys.jpg

rubberwood toys.jpg

สคต. ณ เมืองมุมไบ (อินเดีย)

รายงานตลาดเชิงลึกธุรกิจสินค้าของเล่นทำจากไม้ยางพารา- HS 9503

เวียดนาม

เวียดนามเปิดเส้นทางขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางชายฝั่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม TH V1.pdf

small_Picture152525.jpg

thumbnail_Picture152525.jpg

Picture152525.jpg

สคต. ณ กรุงฮานอย (เวียดนาม)

เวียดนามเปิดเส้นทางเดินเรือตู้คอนเทนเนอร์ทางชายฝั่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 นาง Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และนาย&nbsp;Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนกำหนดเวลาเส้นตายที่กำหนดไว้เพียงเล็กน้อย โดยสหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป 15% ยกเว้นบางกรณี และสหภาพยุโรปจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้ใดๆ โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ไม่ได้มีความยินดีมากนักกับผลการเจรจาข้อตกลงดังกล่าว&nbsp;นาย Dick Schoof รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าการไม่มีภาษีนำเข้าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่านี้ แต่ข้อตกลงนี้จะช่วยเพิ่มความชัดเจนให้กับธุรกิจของเนเธอร์แลนด์ ข้อตกลงที่สหภาพยุโรปและสหรัฐฯ บรรลุมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจแบบเปิดเช่นเศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ ซึ่งการส่งออกสินค้ารายปีของเนเธอร์แลนด์ไปยังสหรัฐฯ มีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านยูโรนาง Hanneke Boersma, State Secretary for Foreign Trade ก็แสดงความโล่งใจเช่นกัน โดยมีความเห็นว่า ข้อตกลงนี้ไม่เหมาะสมและจะยังคงส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจของเนเธอร์แลนด์จำนวนมาก และหวังว่าข้อตกลงนี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับความสัมพันธ์ทางการค้าที่มั่นคงกับสหรัฐฯ และสำหรับข้อตกลงอื่นๆ ที่จะนำไปสู่ผลประโยชน์ของผู้บริโภคและธุรกิจของเนเธอร์แลนด์ พร้อมกล่าวว่า ความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่ดีและมั่งคงยังคงเป็นสิ่งที่เนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆทั้งนี้ ภาษีนำเข้า 15% ของสหรัฐฯ ไม่ครอบคลุมถึงเหล็กและอลูมิเนียม โดยภาษีสำหรับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมจะอยู่ที่ 50% ดังนั้น บริษัท&nbsp;TATA Steel น่าจะเป็นหนึ่งในธุรกิจของเนเธอร์แลนด์ที่ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงนี้ สินค้าอื่นๆ จะได้รับการยกเว้นภาษี 15% รวมถึงอุปกรณ์ชิป ดังนั้น&nbsp;ASML ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์ และผู้ผลิตชิปและเครื่องจักรชิปรายอื่นของเนเธอร์แลนด์จะได้รับการยกเว้น อากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน อุปกรณ์ทางการเกษตรบางรายการ และสารเคมีบางรายการก็จะได้รับการยกเว้นเช่นกัน ซึ่ง นาง Ursula von der Leyen ได้กล่าวหลังการประชุมว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มสินค้าในรายการที่ได้รับการยกเว้นนาย Bert Colijn นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร&nbsp;ING บอกกับสำนักข่าว NOS ของเนเธอร์แลนด์ว่า เป็นเรื่องที่ดีที่มีข้อตกลง ซึ่งทำให้มีความชัดเจนและแน่นอนมากขึ้น อย่างไรก็ดี 15% ก็ดีกว่า 30% และทั้งสองฝ่ายก็ย่อมเห็นพ้องต้องกันที่จะบรรลุข้อตกลง แต่ในทางกลับกัน สถานการณ์ทางการค้ากลับเลวร้ายกว่าสถานการณ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก ด้านองค์กรนายจ้าง&nbsp;VNO-NCW มีความเห็นว่า เมื่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ได้ข้อสรุป ความไม่แน่นอนสำหรับธุรกิจต่างๆ ก็จะสิ้นสุดลงในขณะนี้ ซึ่งในขณะเดียวกัน ภาษีศุลกากรทั่วไป 15% สำหรับสินค้ายุโรปทั้งหมดยังคงเป็นมาตรการที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการ&nbsp;<o:p></o:p>บทวิเคราะห์และความเห็น&nbsp;สคต.&nbsp;ข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ ที่บรรลุการเจรจาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2568 สะท้อนถึงการประนีประนอมในช่วงเวลาที่สำคัญ แม้จะมีการจัดเก็บภาษีนำเข้า 15% จากสหรัฐฯ แต่การยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าหลักบางรายการ เช่น อุปกรณ์ชิปและอากาศยาน ทำให้ประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างเนเธอร์แลนด์สามารถลดผลกระทบลงได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึก “โล่งใจแต่ไม่พอใจ” ของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์สะท้อนให้เห็นว่าแม้ผลการเจรจาข้อตกลงการค้าจะให้ความชัดเจนและความแน่นอนในขณะนี้ แต่ก็ยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในระยะยาวข้อตกลงการค้านี้แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะในเศรษฐกิจแบบเปิดเช่นเนเธอร์แลนด์ อย่างไรก็ดี แม้จะหลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้ได้ แต่ภาษี 15% ก็ยังคงเป็นภาระต่อผู้ประกอบการยุโรปจำนวนมาก และอาจกลายเป็นสัญญาณเตือนถึงการพึ่งพาตลาดต่างประเทศมากเกินไป จึงอาจเป็นโอกาสให้ยุโรปและเนเธอร์แลนด์พิจารณาการกระจายตลาด และส่งเสริมตลาดและเศรษฐกิจภายในภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้น&nbsp;สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก

เนเธอร์แลนด์

medium_news 1 aug.jpg

small_news 1 aug.jpg

thumbnail_news 1 aug.jpg

news 1 aug.jpg

สคต. ณ กรุงเฮก (เนเธอร์แลนด์)

รัฐบาลเนเธอร์แลนด์คลายความกังวลหลังจากสหภาพยุโรป บรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ 

จีน

thumbnail_china.jpg

china.jpg

สคต. ณ นครเฉิงตู (จีน)

The 7th China-Arab States Expo 2025 เวทีเชื่อมสัมพันธ์การค้าไทย-จีน–อาหรับ

medium_หยินชวน.jpg

small_หยินชวน.jpg

thumbnail_หยินชวน.jpg

หยินชวน.jpg

“นครหยินชวน” ประตูการค้าสู่จีนตะวันตก ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง

ประเด็นร้อน (Hot Topics)

อินโดนีเซีย

medium_JOINT STATEMENT FRAMEWORK UNITED STATES INDONESIA AGREEMENT RECIPROCAL TRADE_2.jpg

small_JOINT STATEMENT FRAMEWORK UNITED STATES INDONESIA AGREEMENT RECIPROCAL TRADE_2.jpg

thumbnail_JOINT STATEMENT FRAMEWORK UNITED STATES INDONESIA AGREEMENT RECIPROCAL TRADE_2.jpg

JOINT STATEMENT FRAMEWORK UNITED STATES INDONESIA AGREEMENT RECIPROCAL TRADE_2.jpg

สคต. ณ กรุงจาการ์ตา (อินโดนีเซีย)

แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบข้อตกลงระหว่างสหรัฐอเมริกาและอินโดนีเซียว่าด้วยการค้าแบบต่างตอบแทน

แม้สินค้าที่ผลิตในกัมพูชาจะต้องเผชิญกับภาษีนำเข้าร้อยละ 36 เมื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่&nbsp;1 สิงหาคมเป็นต้นไป แต่การส่งออกรองเท้าของกัมพูชาไปยังต่างประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ ยังคงแสดงสัญญาณเชิงบวกอย่างชัดเจนในปัจจุบันข้อมูลจากสมาคมรองเท้าแห่งกัมพูชา (Cambodia Footwear Association: CFA) ระบุว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน พ.ศ.&nbsp;2568 กัมพูชาส่งออกรองเท้าไปยังตลาดต่างประเทศรวมมูลค่า 1.03 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ&nbsp;33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี&nbsp;2567 โดยในจำนวนนี้ มีการส่งออกรองเท้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า&nbsp;388 ล้านดอลลาร์ หรือร้อยละ&nbsp;38 ของการส่งออกรองเท้าทั้งหมดนาย&nbsp;Ly Kunthai ประธานสมาคมรองเท้ากัมพูชา เปิดเผยว่า การเติบโตของการส่งออกดังกล่าวเป็นผลจากหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่<ol style="padding-left:48px;"><li>การสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การลดภาษี มาตรการจูงใจการนำเข้าวัตถุดิบ และเสถียรภาพด้านราคาพลังงาน รวมถึงกฎหมายการลงทุนฉบับใหม่ที่เอื้อต่อการดึงดูดนักลงทุน</li><li>ความเชื่อมั่นจากเสถียรภาพทางการเมืองและการเติบโตทางเศรษฐกิจ</li><li>คุณภาพสินค้า โดยผู้ผลิตรองเท้าของกัมพูชาได้รักษาและพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งเป็นข้อกำหนดของแบรนด์ชั้นนำ เช่น&nbsp;Adidas, VF Corporation และ Skechers เป็นต้น</li></ol>ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาชิกบางส่วนของ&nbsp;CFA ยังคงขยายการส่งออกและสำรวจตลาดใหม่ ๆ นอกเหนือจากสหรัฐฯ เช่น สหภาพยุโรป แคนาดา ญี่ปุ่น จีน สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ความเห็นของสำนักงานฯ1)&nbsp;การส่งออกรองเท้าของกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 33 สะท้อนถึงศักยภาพในการแข่งขันของผู้ผลิตในประเทศ ทั้งในด้านคุณภาพสินค้า ความสามารถในการปรับตัว และการตอบสนองต่อความต้องการของ&nbsp; &nbsp;&nbsp;แบรนด์ระดับโลก ทั้งนี้ การมีส่วนร่วมของภาครัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและผู้ผลิต โดยพบว่า กว่าร้อยละ&nbsp;90 ของนักลงทุนในอุตสาหกรรมรองเท้าของกัมพูชามาจากจีน ฮ่องกง มาเลเซีย และเกาหลีใต้2) แม้ตลาดสหรัฐฯ จะยังคงเป็นตลาดหลัก (38% ของยอดส่งออก) แต่การที่ผู้ผลิตเริ่มขยายสู่ตลาดอื่น ๆ เช่น&nbsp;EU ญี่ปุ่น จีน สะท้อนถึงการ กระจายความเสี่ยงทางการค้า ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของตลาดเดียว ทั้งนี้ ความสามารถในการปรับตัวของผู้ผลิต การสนับสนุนจากภาครัฐ และการกระจายตลาด ล้วนเป็นปัจจัยที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง___________________________________________________________________________ที่มา:&nbsp;Phnom Penh Posts30 กรกฎาคม 2568

กัมพูชา

07-29-25 แนวโน้มเชิงบวกของการส่งออกรองเท้ากัมพูชาสู่ตลาดโลก.pdf

small_Shoes.jpg

thumbnail_Shoes.jpg

Shoes.jpg

สคต. ณ กรุงพนมเปญ (กัมพูชา)

“แนวโน้มเชิงบวกของการส่งออกรองเท้ากัมพูชาสู่ตลาดโลก” 

กระทรวงพาณิชย์ของกัมพูชาเปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์คิดเป็นมูลค่า 753.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 272.45 ล้านดอลลาร์ หรือ 56.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าส่งออก 480 ล้านดอลลาร์โดยกัมพูชากำลังเดินหน้าดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปและการเพิ่มมูลค่า เพื่อใช้ประโยชน์จากผลผลิตดิบที่มีอยู่จำนวนมาก และสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตามข้อมูลจาก สมาคมเม็ดมะม่วงหิมพานต์กัมพูชา (Cashew nut Association of Cambodia&nbsp;:&nbsp;CAC) ระบุว่า ขณะนี้ได้มีการหารือกับนักลงทุนต่างชาติจากจีน อินเดีย และสิงคโปร์ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ อุทยานอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew Industrial Park : CIP) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายในการยกระดับกัมพูชาให้เป็นศูนย์กลางการแปรรูปและส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในระดับภูมิภาค ควบคู่ไปกับนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนการลงทุน โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย หากขยายกิจการในประเทศในแถลงการณ์ของ CAC ระบุว่า รัฐบาลได้จัดสรรที่ดิน 400 เฮกตาร์ในจังหวัดกัมปงธม เพื่อพัฒนาโครงการ CIP โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีมาตรการสนับสนุนมากมาย เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษีและภาษีศุลกากร การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสนับสนุน สิทธิในการถือครองที่ดินเต็มรูปแบบ (เช่าจากรัฐบาลโดยไม่มีผู้ถือหุ้นกัมพูชา) การเช่าที่ดินระยะยาวในราคาที่เข้าถึงได้ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนอื่น ๆ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนทั้งนี้ CAC เน้นว่า อุทยานอุตสาหกรรมเม็ดมะม่วงหิมพานต์จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างงาน เพิ่มรายได้แก่เกษตรกร และสร้างเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตร ในขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์จากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ในตลาดโลกยังคงเพิ่มขึ้น กัมพูชากำลังปรับตำแหน่งของตนให้กลายเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม โดยมี จังหวัดกัมปงธม เป็นศูนย์กลางการแปรรูปสำคัญด้าน นาย Suy Kokthean รองประธาน&nbsp;CAC ให้ข้อมูลเพิ่มว่า ขณะนี้กัมพูชาเป็นผู้ผลิตเม็ดมะม่วงหิมพานต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในเร็ว ๆ นี้ โดยเขาเสริมว่า กัมพูชามีชื่อเสียงด้านคุณภาพของเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และด้วยนโยบายจูงใจการลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการส่งเสริมการลงทุน&nbsp;QIP-Plus นักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์อย่างมากหากขยายกิจการในประเทศข้อมูลที่น่าสนใจกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง (Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries : MAFF) ระบุว่า กัมพูชามีพื้นที่เพาะปลูกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ประมาณ 580,117 เฮกตาร์ ซึ่งจัดเป็นประเทศที่มีพื้นที่เพาะปลูกมากเป็น อันดับสามของโลก โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกมากที่สุด (อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ) ได้แก่ 1) กัมปงธม: 147,700 เฮกตาร์ 2) กระแจะ: 102,500 เฮกตาร์ และ 3) รัตนคีรี: 97,200 เฮกตาร์ความเห็นของสำนักงานฯ1. กัมพูชาถือเป็นแหล่งวัตถุดิบขนาดใหญ่ในกลุ่มเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่มีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก ซึ่งไทยสามารถใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบที่มีอยู่จำนวนมากนี้ โดยเฉพาะในจังหวัดกัมปงธม กระแจะ และรัตนคีรี ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนไทย เพื่อผลิตสินค้าร่วมกันโดยใช้เทคโนโลยีด้านอาหารแปรรูปที่ไทยมีความชำนาญอยู่แล้ว และกัมพูชายังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากประเทศพัฒนาแล้วผ่านระบบ&nbsp;DCTs เช่น สหราชอาณาจักร2. ค่าแรงในภาคเกษตรและแรงงานแปรรูปในกัมพูชายังถือว่าต่ำกว่าหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงไปได้มาก&nbsp;3. รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่เปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะได้ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี ศุลกากร และการนำเข้าเครื่องจักร ตามระบบ&nbsp;QIP-Plus&nbsp; ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจแปรรูปเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาจพิจารณาเข้ามาหาลู่ทางในการลงทุนธุรกิจนี้ในกัมพูชาได้___________________________________________________________________________ที่มา:&nbsp;Khmer Times30 กรกฎาคม 2568

07-23-25 กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทะลุ 700 ล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของปี 2568.pdf

small_เม็ดมะม่วง.jpg

thumbnail_เม็ดมะม่วง.jpg

เม็ดมะม่วง.jpg

“กัมพูชาส่งออกเม็ดมะม่วงหิมพานต์ทะลุ 700 ล้านดอลลาร์ในครึ่งปีแรกของปี 2568” 

Fact Sheet Afghanistan 2025.pdf

thumbnail_statistic-png-7.png

statistic-png-7.png

FACT SHEET AFGHANISTAN JUNE 2025

Fact Sheet Bhutan 2025...pdf

FACT SHEET BHUTAN JUNE 2025

Fact Sheet India 2025.pdf

FACT SHEET INDIA JUNE 2025

Fact Sheet Maldives 2025.pdf

FACT SHEET MALDIVES JUNE 2025

Fact Sheet Nepal  2025.pdf

FACT SHEET NEPAL JUNE 2025

Fact Sheet Pakistan 2025..pdf

FACT SHEET PAKISTAN JUNE 2025

Fact Sheet Sri Lanka  2025.pdf

FACT SHEET SRI LANKA JUNE 2025

Factsheet Bangladesh  2025..pdf

FACT SHEET BANGLADESH JUNE 2025

Factsheet sout asia 2025.pdf

FACT SHEET SOUTH ASIA JUNE 2025

&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;จากข้อมูล the Census and Statistics Department พบว่าส่งออกของฮ่องกงในเดือนมิถุนายน 2568&nbsp; เพิ่มขึ้น 11.9% (เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า) คิดเป็นมูลค่า 417,800 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 53,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สินค้าส่งออกเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องมือและเครื่องใช้ และชิ้นส่วนไฟฟ้า)&nbsp;รัฐบาลระบุว่าสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวต่อเนื่องในการค้ากับจีนและตลาดในเอเชีย ในขณะที่การค้ากับประเทศตะวันตกและสหรัฐอเมริกายังคงลดลง โดยนักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่าการลดลงนี้อาจเกี่ยวข้องกับการที่บริษัทต่าง ๆ ชะลอการส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภาษีท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนภาพรวมการส่งออกฮ่องกงพบว่า 6 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ การเติบโตของการส่งออกยังคงได้รับผลพวงจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของการค้าในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น (+17.2%) ได้แก่ มาเลเซีย(+ 52.6%) ฟิลิปปินส์ (+48.3%) และเวียดนาม(+ 7.6%) ในขณะที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกาลดลง (-12.1%) &nbsp;Professor Terence Chong Tai-Leung ผู้อำนวยการสถาบัน&nbsp;Lau Chor Tak Institute of Global&nbsp;Economics and Finance แห่งมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong แสดงความคิดเห็นในมุมมองเกี่ยวกับเศรษฐกิจฮ่องกงและการส่งออกที่ชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ว่าการชะลอตัวดังกล่าวอาจเกิดจากภาคธุรกิจที่ไม่ได้เร่งส่งออกเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีเหมือนที่ผ่านมาพร้อมกันนี้ Mr. Paul Chan Mo-po ตำแหน่ง Financial Secretary กล่าวถึงเศรษฐกิจฮ่องกงที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง การฟื้นตัวของการบริโภคในระดับเอกชน รวมถึงงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ เขายังคาดการณ์ว่า&nbsp;GDP ของฮ่องกงในปีนี้จะมีการเติบโตอยู่ระหว่าง 2-3%ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; การเติบโตทางเศรษฐกิจและการค้าของจีนและฮ่องกงแสดงถึงโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนสินค้าไทย &nbsp;โดยเฉพาะการส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณี ผลิตผลทางการเกษตร และอาหาร ด้วยบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการกระจายสินค้าไปยังตลาดจีนและภูมิภาคอื่นๆ ไทยสามารถใช้ฮ่องกงเป็นฐานการส่งออกสินค้าเกษตรและแปรรูปซึ่งฮ่องกงมีเครือข่ายโลจิสติกส์แข็งแกร่ง และโอกาสทดแทนการส่งออกจีนไปสหรัฐฯ&nbsp; จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน&nbsp;ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าที่จีนเคยครองส่วนแบ่ง เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ หรือ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังสหรัฐอเมริกาแทน&nbsp;แหล่งข้อมูล:&nbsp;<a target="_blank" rel="noopener noreferrer" href="https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3319843/hong-kong-exports-rise-119-strong-showing-mainland-china-asia-markets?module=top_story&amp;pgtype=subsection">https://www.scmp.com/news/hong-kong/hong-kong-economy/article/3319843/hong-kong-exports-rise-119-strong-showing-mainland-china-asia-markets?module=top_story&amp;pgtype=subsection</a> &nbsp;&nbsp;

ข่าว สคต. ณ เมืองฮ่องกง 5 กรกฏาคม 25.pdf

thumbnail_ข่าว 5 กค 25.png

ข่าว 5 กค 25.png

ตลาดจีนและเอเชียหนุนส่งออกฮ่องกงขยายตัวร้อยละ 11.9% ในเดือนมิถุนายน 

เยอรมนี

medium_Weekly News from Germany_20250801.jpg

small_Weekly News from Germany_20250801.jpg

thumbnail_Weekly News from Germany_20250801.jpg

Weekly News from Germany_20250801.jpg

สคต. ณ กรุงเบอร์ลิน (เยอรมนี)

อุตสาหกรรมเคมีเตรียมตัวบอกลายุโรป

ออสเตรเลีย

ข้อมูลการค้า NZ_May  25.pdf

medium_C5C8F311-D128-4BFF-9275-B439CD5F7321.jpg

small_C5C8F311-D128-4BFF-9275-B439CD5F7321.jpg

thumbnail_C5C8F311-D128-4BFF-9275-B439CD5F7321.jpg

C5C8F311-D128-4BFF-9275-B439CD5F7321.jpg

สคต. ณ นครซิดนีย์ (ออสเตรเลีย)

สถานการณ์การค้าประเทศนิวซีแลนด์ เดือนพฤษภาคม 2568

ฮ่องกง

Fact Sheet HK มิ.ย. 68.pdf

medium_factsheet HK 1.jpg

small_factsheet HK 1.jpg

thumbnail_factsheet HK 1.jpg

factsheet HK 1.jpg

FACT SHEET HONG KONG JUNE 2025

ข้อมูลการค้าAUS_May 25.pdf

large_Aus import export.png

medium_Aus import export.png

small_Aus import export.png

thumbnail_Aus import export.png

Aus import export.png

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าออสเตรเลียเดือนพฤษภาคม ปี 2568

องค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ (Knowledge of international trade)