ยอดขายรถยนต์ปี 2566 ในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เกินเป้าหมายของอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นก็ตาม
ตามรายงานจากหอการค้าผู้ผลิตยานยนต์แห่งฟิลิปปินส์ (Chamber of Automotive Manufacturers of the Philippines, Inc: CAMPI) และสมาคมผู้ผลิตรถบรรทุก (Truck Manufacturers Association: TMA) ระบุว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2566 มีจำนวน 429,807 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.9 จากปี 2565 ที่มียอดขาย 352,596 คัน ทะลุเป้าหมายยอดขายที่อุตสาหกรรมรถยนต์ฟิลิปปินส์ ตั้งไว้ที่ 395,000 คัน ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ในปี 2566 ที่เติบโตขึ้นแบ่งเป็นยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์จำนวน 320,543 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.2 และยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลจำนวน 109,264 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.2 โดยยอดขายรถยนต์ เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของรถยนต์อเนกประสงค์ในเอเชีย (Asian Utility Vehicles : AUV) ที่เติบโตร้อยละ 30.5 และรถยนต์เชิงพาณิชย์ขนาดเล็ก (Light commercial vehicle) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.3 โดยบริษัท Toyota Motor Philippines ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 46.54มียอดขาย 200,031 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9) รองลงมาได้แก่ บริษัท Mitsubishi Motors Philippines Corp. จำนวน 78,371 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.3) บริษัท Ford Motor Co. Phils., Inc. จำนวน 31,320 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.8) บริษัท Nissan Philippines, Inc. จำนวน 27,136 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9) และบริษัท Suzuki Phils., Inc. จำนวน 18,454 คัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5) ตามลำดับ
นอกจากนี้ ตามรายงานยังระบุยอดขายรถยนต์เฉพาะเดือนธันวาคม 2566 มีจำนวน 39,153 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากเดือนธันวาคม 2565 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 จากเดือนพฤศจิกายน 2566 โดยยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์คิดเป็นเกือบสามในสี่ของยอดขายทั้งหมด มีจำนวน 29,554 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากเดือนธันวาคม 2565 ที่มีจำนวน 29,554 คัน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 จากเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่มีจำนวน 28,114 คัน ขณะที่ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมีจำนวน 9,599 คันเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 จาก 8,614 คัน ในเดือนธันวาคม 2565 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.31 จากจำนวน 9,569 คันในเดือนพฤศจิกายน 2566
นาย Rommel Gutierrez ประธาน CAMPI กล่าวว่าการเติบโตของยอดขายปี 2566 ที่แข็งแกร่งมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการของผู้บริโภค การเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และสภาวะอุปทานที่ดีขึ้นในทุกแบรนด์รถยนต์ โดยปี 2566 ถือเป็นปีที่แข็งแกร่งมากสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ และรู้สึกตื่นเต้นมากสำหรับปี 2567 โดยหวังว่ายอดขายในปีนี้จะทำลายสถิติ เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงบวกการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ตั้งเป้าการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2567 ไว้ที่ร้อยละ 6.5 – 7.5
นาย Michael L. Ricafort หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Rizal Commercial Banking Corp. ให้ความเห็นว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองหลักในปี 2566 อาจเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานที่ดีของประเทศ เงินดาวน์ที่ลดลง ตลอดจนโปรโมชันและสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์บางรายเสนอต่อลูกค้าซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการรถยนต์ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ระบบขนส่งมวลชนและระบบขนส่งสาธารณะที่จำกัดยังได้ผลักดันให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งนี้ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าคาดว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะผ่อนคลายลงสู่เป้าหมายของธนาคารกลางที่ร้อยละ 2 – 4 จะช่วยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการกู้ยืมสำหรับสินเชื่อรถยนต์และจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากสินเชื่อดังกล่าว ขณะที่นาย Domini S. Velasquez หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ China Banking Corp. ให้ความเห็นว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอาจทำให้ผู้บริโภคมีความยืดหยุ่นในเรื่องงบประมาณมากขึ้น ทำให้สามารถซื้อสินค้าได้จำนวนมากขึ้น นอกจากนี้ การฟื้นตัวจาก โรคระบาดอาจกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อยานพาหนะเพื่อความคล่องตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทต่างๆ ได้ให้พนักงานกลับมาทำงานที่สำนักงานมากขึ้น รวมทั้งแนวโน้มความต้องการการเดินทางเพื่อการพักผ่อนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเมื่อมองไปข้างหน้า ยอดขายรถยนต์มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแรงหนุนจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ดีขึ้น อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลง รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ Business World
บทวิเคราะห์และข้อคิดเห็น
-ยอดขายรถยนต์ใหม่ในฟิลิปปินส์ที่ขยายตัวทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ แสดงให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์มีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจที่โดดเด่น และความต้องการยานยนต์ใหม่ของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกรถยนต์สำคัญของไทย และเป็นสินค้าที่ไทยส่งออกมายังประเทศฟิลิปปินส์เป็นอันดับ 1 โดยสถานการณ์การส่งออกสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยมายังฟิลิปปินส์ขยายตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ โดยล่าสุดในปี 2566 ไทยส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วประกอบมายังฟิลิปปินส์ มูลค่า 2,530.06 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.27 จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 1,942.21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และด้วยแนวโน้มการเติบโตของยอดขายรถยนต์ใหม่ของฟิลิปปินส์ที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจเชิงบวก แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายลง การเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และอื่นๆ ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ในฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงและสามารถเติบโตได้อีกมากในอนาคต สำหรับการส่งออกรถยนต์ของไทย ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และควรปรับแผนกลยุทธ์รองรับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
———————————————————-
驻马尼拉国际贸易促进办公室
มกราคม 2567