ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอินเดีย ประจำเดือนสิงหาคม 2566

การส่งออกของอินเดียโดยรวม (สินค้าและบริการ) ในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่า 60.87 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 4.17% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคมปี 2565 ส่วนการนำเข้าเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่า 72.50 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 5.97% เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม ปี 2565

 

การส่งออกรวมภาคสินค้าและบริการของอินเดียสะสมระหว่างเมษายน – สิงหาคม 2566 มีมูลค่ารวม 306.33 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 5.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้าสะสมระหว่างเมษายน – สิงหาคม 2566 มีมูลค่า 343.81 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 10.35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

1. การค้าสินค้า
การส่งออก
เดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่า 34.48 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 37.02 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 26.00 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 25.20 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ แร่เหล็ก กากพืชน้ำมัน เซรามิกและเครื่องแก้ว เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์จากฝ้าย สินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ธัญพืชสินค้าปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์จากปอกระเจา อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์
ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้า 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2023-2024 (เมษายน-สิงหาคม 2566) มีมูลค่า 172.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 196.33 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 128.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 135.92 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

การนำเข้า
เดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่า 58.64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 61.88 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 38.31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 37.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าวิศวกรรม วัตถุดิบผลิตสี เคมีภัณฑ์ เมล็ดธัญพืช ทองคำ สินค้านำเข้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ เงิน ฝ้ายและผลิตภัณฑ์จากฝ้าย ปุ๋ยและส่วนประกอบ ถ่านหิน ผลิตภัณฑ์จากหนัง
ภาพรวมการนำเข้าสินค้า 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2023-2024 (เมษายน-สิงหาคม 2566) มีมูลค่า 271.83 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 309.19 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 174.80 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 186.64 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

ดุลการค้าสินค้า
เดือนสิงหาคม 2566 ขาดดุลการค้า 24.16 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดดุลที่ระดับ 24.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้อินเดียขาดดุลการค้าสะสม 5 เดือนแรกมูลค่า 98.88 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วง 5 เดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดดุลที่ระดับ 112.85 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

2. การค้าบริการ*
เดือนสิงหาคม 2566 การส่งออกบริการมีมูลค่า 26.39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 26.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้า มีมูลค่า 13.86 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 15.22 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดุลการค้า เกินดุลมูลค่า 12.53 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 11.28 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการบริการ 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2023-2024 (เมษายน-สิงหาคม 2566) มีมูลค่าเกินดุล 61.40 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วง 5 เดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 52.54 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 

ข้อคิดเห็น
1. การขาดดุลการค้าสินค้าของอินเดียในเดือนสิงหาคม 2566 มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 10 เดือนสาเหตุหลักยังคงมาจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทที่มีมูลค่าลดลงตามราคาตลาดโลก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสินค้าโภคภัณฑ์ส่งออกของอินเดียที่สำคัญถึง 13 ชนิดมีปริมาณการส่งออกที่มากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นสัญญาณบวกจากการที่มีอุปสงค์จากต่างชาติที่เริ่มกลับมา อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการขาดดุลอินเดียเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ เกิดจากการนำเข้าทองคำในปริมาณมากถึงเกือบ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงกว่า 38% เนื่องจากเข้าใกล้เทศกาล Diwali และเทศกาลแต่งงานช่วงปลายปี ซึ่งประชาชนจำนวนมากนิยมจับจ่ายใช้สอยสินค้าหลากหลายประเภทรวมถึงสินค้าเครื่องประดับ

 

2. อุปสงค์ภายนอกที่เพิ่มขึ้นช่วยเพิ่มการส่งออกของอินเดียในเดือนสิงหาคม โดยการส่งออกสินค้าโดยรวมลดลง 6.8% จากปีก่อนหน้าเหลือ 34.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการฟื้นตัวจากการลดลงเป็นเลขสองหลักที่เห็นตั้งแต่ต้นปีงบประมาณนี้ เพื่อบ่งชี้ถึงความต้องการในการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ข้อมูลการผลิตของ PMI ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้บ่งชี้ว่าประสิทธิภาพการส่งออกที่ดีขึ้นของผู้ผลิตในอินเดีย มีคำสั่งซื้อใหม่จากบังคลาเทศ จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์แสดงความกังวลว่าแนวโน้มภาวะถดถอยในยุโรปอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการส่งออกของอินเดียในอนาคต ซึ่งธนาคารกลางยุโรปเพิ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4%

 

3. การปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าประเภทอาหารสดและอาหารแปรรูปของอินเดีย เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ดแช่แข็ง และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากบลูเบอรี่และแครนเบอร์รี่ลงเหลือ 5-10% จากผลการเจรจาไกล่เกลี่ยกับอินเดียภายใต้กรอบ WTO จึงอาจมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศอื่นมายังอินเดีย
—————————————
海外贸易促进办公室,新德里

*หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดของธนาคารกลางอินเดีย ข้อมูลภาคบริการเปิดเผยถึงเดือนมิถุนายน 2566 ในส่วนของข้อมูลของเดือนกรกฎาคม 2566 เป็นเพียงการประมาณการ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในการเปิดเผยข้อมูลครั้งต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง:
– Ministry of Commerce and Industry, 15 Sep 2023, Latest Trade Figures
– Reserve bank of India, 1 Sep 2023, Monthly data on India’s international trade in service.
– KNN, 14 Sep 2023, India’s Rising Gold Imports Due To Festivities May Surge Trade Deficit
– The Hindu, 15 Sep 2023, India’s goods trade deficit hits a 10-month high
– Business Standard, 11 Sep 2023, India agrees to cut import duty to 5-10% on some processed food items

zh_CNChinese