thumbnail_Asset-17-puy272xw31bv1uczqilu44ukqk5cnnvv9xv892yatc.png

Asset-17-puy272xw31bv1uczqilu44ukqk5cnnvv9xv892yatc.png

Mark of certification awarded by the Ministry of Commerce, the Royal Thai Government to guarantee the authentic Thaitaste of Thai food products.

thumbnail_Asset-18-puy273vq9vd5dgbml10gomm1by0pvczlm2ipqcwwn4.png

Asset-18-puy273vq9vd5dgbml10gomm1by0pvczlm2ipqcwwn4.png

A symbol of excellence and trusted quality that was established to add distinctive value.

thumbnail_DEMark_Logo-q50f7a54ehz9putglxjv2m2h3ryhtmiye4bdbeefr4.jpg

DEMark_Logo-q50f7a54ehz9putglxjv2m2h3ryhtmiye4bdbeefr4.jpg

Thailand's most prestigious award given in recognition of outstanding Thai-design products.

thumbnail_output-onlinepngtools-1-r3odpk4fii218lhpl7si9w7mbql8r8w9yjpapf3br4.png

output-onlinepngtools-1-r3odpk4fii218lhpl7si9w7mbql8r8w9yjpapf3br4.png

Prime Minister’s Export Award is an honorable accolade to the country’s outstanding exporters

medium_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

small_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

thumbnail_ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

ระวัง-scammer-1140x680-1.jpg

เจาะลึกตลาดโลก (Deep insight into the global market)

สหรัฐอเมริกา

สคต. ณ นครนิวยอร์ก (สหรัฐอเมริกา)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ  ประจำเดือนพฤษภาคม 2568

large_หน้าปก (2).png

medium_หน้าปก (2).png

small_หน้าปก (2).png

thumbnail_หน้าปก (2).png

หน้าปก (2).png

ตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ

ประเด็นร้อน (Hot Topics)

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

2025 PR june 22-28 สรุปผลกระทบทางการค้าในตะวันออกกลางกับการโจมตีอิสราเอล-อิหร่าน และอเมริกา.pdf

medium_Iran Israel.png

small_Iran Israel.png

thumbnail_Iran Israel.png

Iran Israel.png

สคต. ณ เมืองดูไบ (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

ผลกระทบทางการค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง จากกรณีอิสราเอล + (สหรัฐฯ) โจมตีอิหร่าน และ อิหร่านตอบโต้อิสราเอล+ (ผ่านกลุ่มประเทศ GCC)

รัฐสุลต่านโอมาน (Sultanate of Oman)&nbsp;จะกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่มประเทศคณะมนตรีควาเริ่มเก็บภาษี&nbsp;5% จากผู้ที่มีรายได้ต่อปีเกิน&nbsp;42,000 เรียลโอมาน (ประมาณ 109,234 ดอลล่าห์สหรัฐฯ) โดยจะเริ่มปฎิบัติปี 2571กฎหมายภาษีรายได้บุคคลธรรมดาฉบับนี้ได้รับการรับรองผ่านพระราชกฤษฎีกาที่ 56/2025 (Royal Decree No. 56/2025) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายแหล่งรายได้ของรัฐบาลลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันและความเสี่ยงเมื่อราคาน้ำมันผันผวน&nbsp;โอมานจะเป็นประเทศแรกใน GCC ที่ใช้ระบบนี้ ในขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) และประเทศ&nbsp;GCC อื่นๆ ได้นำระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และภาษีนิติบุคคลมาใช้แล้ว นอกจากนี้ยูเออียังเก็บภาษีสินค้าที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล เพื่อส่งเสริมวิถีชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัยตามรายงานของสำนักข่าวโอมาน กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2571&nbsp; โดยนาง Karima Mubarak Al Saadi&nbsp;ผู้อำนวยการโครงการภาษีรายได้บุคคล&nbsp;(Personal Income Tax Project) ระบุว่าการเตรียมการสำหรับการจัดเก็บภาษีทั้งหมดนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นบางประการ เช่น การหักค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา สาธารณสุข มรดก เงิน zakat (เงินบริจาคทางศาสนา) บ้านพักหลักหลังแรก และปัจจัยทางสังคมอื่นๆทางการโอมานระบุว่าได้มีการศึกษาอย่างละเอียดก่อนนำระบบนี้มาใช้ และพบว่า&nbsp;ประมาณ&nbsp;99%ของประชากรโอมานจะไม่ต้องเสียภาษีนี้นาย Thomas Vanhee&nbsp;ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Aurifer Middle East Tax Consultancy กล่าวว่ากฎหมายนี้จะใช้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในโอมานทุกคน ทั้งชาวโอมานพื้นเมืองและชาวต่างชาติ ทั้งนี้โอมานเป็นประเทศแรกใน&nbsp;GCC ที่จะบังคับใช้ระบบนี้ ซึ่งสะท้อนถึงกลยุทธ์การลดการพึ่งพาน้ำมันตามวิสัยทัศน์โอมาน 2583 หรือ&nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;Oman Vision 2040 ที่ต้องการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนโดยไม่พึ่งพาน้ำมันอีกทั้งอัตราภาษี&nbsp;5% นั้นต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลก ดังนั้นผู้มีรายได้สูงจะถูกเก็บภาษีในอัตราที่ไม่สูงมาก<h4 style="background-color:white;line-height:normal;margin-top:0in;">ประเทศ&nbsp;GCC&nbsp;อื่น อาจพิจารณานำระบบภาษีรายได้ตามแนวทางของโอมาน</h4>หลังจากที่โอมานประกาศการเก็บภาษีรายได้ส่วนบุคคลในปี2571 ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าประเทศอ่าวอื่นๆ อาจพิจารณานำระบบนี้มาใช้เพื่อกระจายรายได้เช่นกันนาย Scott Livermore&nbsp;ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจจาก Oxford Economics Middle East ระบุว่า แม้ประเทศ GCC อื่นยังไม่มีแผนเก็บภาษีบุคคลในขณะนี้ แต่ในระยะกลางอาจมีการพิจารณาระบบนี้ โดยโอมานอาจเป็นต้นแบบให้ประเทศอื่นๆแม้ระบบของโอมานจะครอบคลุมแค่&nbsp;1% ของผู้มีรายได้สูง แต่แสดงให้เห็นถึงความกล้า&nbsp; &nbsp; ที่จะปฏิรูปนโยบายการคลังนาง&nbsp;Rachel Fox&nbsp;หุ้นส่วนและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี ของ&nbsp;Al Tamimi &amp; Co. บริษัทกฎหมายชื่อดัง กล่าวว่ารายละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มาของรายได้ที่ถือว่าต้องเสียภาษีเงินได้ส่วนบุคคล รวมถึงการลดหย่อนภาษีประเภทใดบ้างที่ได้รับอนุญาตจะชัดเจนขึ้นเมื่อกฎหมายดังกล่าวได้รับการเผยแพร่อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการอนุญาตให้หักลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาการรักษาพยาบาลเงินริจาค&nbsp;Zakat และการบริจาคการกุศล รวมถึงรายการอื่นๆ&nbsp;นาย Vijay Valecha ตำแหน่ง&nbsp;CIO จากบริษัทการเงิน&nbsp; Century Financial ระบุว่ามีข้อยกเว้นหลายประการ เช่น รายได้จากต่างประเทศ (2 ปีแรก) รายได้จากการขายบ้านหลังที่สอง มรดก และของขวัญ นอกจากนี้ ประเทศ&nbsp;GCC อื่นๆ ได้ปฏิรูประบบภาษีทางอ้อมไปแล้ว และโครงสร้างภาษีของโอมานถือว่าก้าวหน้า โดยเก็บจากกลุ่มคนรวยที่สุดเพียง&nbsp;1% เท่านั้นความเห็นของ สคต.ดูไบการเก็บภาษีนี้แสดงให้เห็นว่าโอมานพร้อมเดินหน้าลดพึ่งพาน้ำมันขณะเดียวกันก็พยายามไม่สร้างผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่สามารถส่งเสริมความน่าเชื่อถือทางการคลัง&nbsp;การปฏิรูปภาษีช่วยให้โอมานดูมีความโปร่งใสและเป็นระบบมากขึ้นในสายตานักลงทุนต่างชาติ อาจช่วยปรับปรุงความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;(Credit Rating)&nbsp;ในระยะยาว สามารถเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต เพราะหลายประเทศใน&nbsp;GCC อาจต้องเก็บภาษีรายได้บุคคลในอนาคต โอมานที่เริ่มก่อนจะได้เปรียบในการปรับตัวในขณะเดียวกันอาจส่งผลต่อการดึงดูดนักลงทุนและแรงงานมีทักษะ อาจทำให้บางบริษัทหรือผู้เชี่ยวชาญต่างชาติมองยูเออีหรือกาตาร์ (ที่ยังไม่เก็บภาษีนี้) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า เพราะหากประเทศอื่นใน&nbsp;GCC&nbsp;ไม่เก็บภาษีนี้ตามโอมาน อาจทำให้โอมานเสียความได้เปรียบในการแข่งขัน นอกจากนี้ อาจจะมีแรงต่อต้านจากผู้มีรายได้สูง แม้เก็บจากกลุ่มเล็กๆ แต่ผู้มีรายได้สูงอาจมองว่าเป็นการลดกำไรหรือรายได้ส่วนตัวอาจเกิดการเลี่ยงภาษี&nbsp;หรือย้ายเงินไปลงทุนในประเทศอื่น และอาจจะส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อตลาด นักลงทุนอาจกังวลว่าโอมานจะเพิ่มอัตราภาษีในอนาคต หรือขยายฐานผู้เสียภาษี อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะสั้น โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;การค้าระหว่างไทยกับโอมาน&nbsp;โอมานเป็นตลาดรองรับสินค้าส่งออกของไทยอันดับ 7 ในตะวันออกกลาง ปี 2567 มูลค่า 420 ล้านดอลลาห์สหรัฐ (หดตัว 5.2%) ปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มูลค่า 187ล้านดอลลาห์สหรัฐ (ขยายตัว 18.7%)&nbsp;ได้แก่ยานยนต์และอะไหล่ เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศ ยางรถยนต์ ตู้เย็น/แช่แข็ง อากาศยานและส่วนประกอบ ปลากระป๋อง &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;ไฟเบอร์บอร์ด และเครื่องสำอาง&nbsp;การนำเข้าจากโอมานปี 2567 มูลค่า 999.12 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ (หดตัว 18.8%) ปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มูลค่า 353.2&nbsp;ล้านดอลล่าห์สหรัฐ (หดตัว 15.1%)&nbsp; &nbsp;ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ ปุ๋ย น้ำมันสำเร็จรูป สัตว์น้ำสดแช่เย็น/แช่แข็ง สินแร่โลหะอื่น ๆ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;

2025 PR june 22-28 Oman to impose 5% income tax.pdf

small_Oman TAX.jpg

thumbnail_Oman TAX.jpg

Oman TAX.jpg

โอมานนำร่องเก็บภาษีรายได้บุคคลธรรมดา 5% จากผู้มีรายได้สูง เริ่มปี 2571

เมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา นาย&nbsp;Serik Zhumangarin รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจแห่งชาติ (Ministry of National Economy) ของคาซัคสถานได้เปิดเผยว่า ปริมาณ&nbsp;E-commerce ในคาซัคสถานได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.2 ล้านล้านเทงกี้ (ประมาณ 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) คิดเป็น 14.1% ของการค้าทั้งหมดของประเทศ โดยเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 7 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าเพียง 476 พันล้านเทงกี้ (ประมาณ 923.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)&nbsp;นาย&nbsp;Serik Zhumangarin ได้ระบุว่า แม้มูลค่าการค้า&nbsp;E-commerce ของคาซัคสถานจะมีแนวโน้มที่สูงขึ้น แต่สาธารณชนในคาซัคสถานก็ยังคงชอบที่จะซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับการช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเฉพาะการกลัวถูกฉ้อโกง และ ความไม่ไว้วางใจในแพลตฟอร์ม&nbsp;E-commerce อย่างไรก็ดี ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ&nbsp;E-commerce ก็นับเป็นส่วนสำคัญของการค้าในคาซัคสถาน โดยในชั้นนี้ คาซัคสถานมี&nbsp;online marketplaces จำนวน 104 รายที่ดำเนินการอยู่ในคาซัคสถาน ซึ่งรวมถึง แพลตฟอร์ม ชั้นนำ เช่น&nbsp;Kaspi.kz&nbsp; Wildberries&nbsp; Ozon และ&nbsp;Halyk Market ด้วย&nbsp;&nbsp;ในขณะที่อนาคตของภาคธุรกิจ&nbsp;E-Commerce ในคาซัคสถานมีแนวโน้มที่ดี แต่นาย&nbsp;Serik Zhumangarin ก็คาดว่า ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการจ้างงาน แม้ว่าจำนวนพนักงานอาจจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะมีการสร้างงานใหม่ๆ เป็นการเฉพาะในภาคธุรกิจนี้ อย่างไรก็ดี&nbsp;ตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนอย่างหนึ่งของการเติบโตของ&nbsp; E-commerce&nbsp; ในคาซัคสถาน คือ การลงทุนขนาดใหญ่ในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เช่น&nbsp;Kazpost (https://qazpost.kz/about) กำลังสร้างพื้นที่คลังสินค้า 85,000 ตารางเมตรทั่วเมือง&nbsp;Almaty เมือง&nbsp;Aktobe และ ในภูมิภาค&nbsp;Almaty และ&nbsp;Turkistan&nbsp; นอกจากนี้&nbsp;Wildberries ซึ่งมีการดำเนินงานศูนย์โลจิสติกส์ 8 แห่ง (พื้นที่รวมประมาณ 44,000 ตารางเมตร) ก็อยู่ในระหว่างกำลังสร้างพื้นที่เพิ่มอีก 271,000 ตารางเมตร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกหลักต่างๆ (major facilities) ในเมือง Astana และ เมือง&nbsp;Almaty&nbsp; และ ในส่วนของ&nbsp;Ozon ที่มีศูนย์คัดแยกและกระจายสินค้า (sorting &amp; distribution centers) 2 แห่ง ในเมือง&nbsp;Almaty และ เมือง&nbsp;Astana (พื้นที่รวมประมาณ 42,000 ตารางเมตร) ก็อยู่ในระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฯ อีกแห่ง ประมาณ 20,000 ตารางเมตร ในเมือง&nbsp;Almaty&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า&nbsp;E-commerce ในคาซัคสถานมีแนวโน้มการเติบโตไม่เพียงแต่ในด้านมูลค่า แต่ยังรวมถึงการมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ที่ขยายตัวมากขึ้นด้วย&nbsp; ในชั้นนี้&nbsp;หากผู้ประกอบการไทยสนใจที่จะส่งออกมายังคาซัคสถาน อาจพิจารณาหาช่องทางการตลาด ไม่เพียงแต่การส่งออกให้แก่คู่ค้าในคาซัคสถานเพื่อทำตลาดผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดแบบออฟไลน์เท่านั้น แต่ควรหาคู่ค้าฯ ที่จะสามารถช่วยขยายตลาดเข้าไปยังแพลตฟอร์ม&nbsp;E-commerce ต่างๆ&nbsp;ในคาซัคสถานได้ด้วย&nbsp;ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างความนิยมของสินค้าของตนในวงกว้างได้&nbsp;ที่มา:- Kazakhstan Sees Rapid Expansion in E-Commerce Sector (https://astanatimes.com/2025/06/kazakhstan-sees-rapid-expansion-in-e-commerce-sector/)- Kazakhstan’s e-commerce grows sevenfold over past 5&nbsp;years (https://qazinform.com/news/kazakhstans-e-commerce-grows-sevenfold-over-past-5-years-0b4491)&nbsp;

รัสเซีย

สคต. ณ กรุงมอสโก (รัสเซีย)

E-Commerce ในคาซัคสถานมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

รมช.MIFER เมียนมา (Dr.Wah Wah Maung) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการลงทุนและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเมียนมา (MIFER : Ministry of Investment and Foreign Economic Relations) หัวหน้าคณะทำงานด้านภูมิเศรษฐศาสตร์อาเซียนของเมียนมา เข้าร่วมการประชุมคณะทำงานด้านภูมิเศรษฐศาสตร์อาเซียน (ASEAN Geoeconomics Task Force) ครั้งที่&nbsp;2 ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่&nbsp;11 มิ.ย. 68 โดยหารือเรื่องผลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและผลการประชุมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งมีประเด็นความท้าทายเรื่อง&nbsp;Geoeconomics ซึ่ง รมช.MIFER เมียนมา กล่าวถึงความสำคัญของความยืดหยุ่นและความครอบคลุมต่อการตอบสนองความท้าทายเรื่อง Geoeconomics โดยชี้ประเด็นว่าควรส่งเสริมการค้าระหว่างกันในอาเซียน (Intra-ASEAN) มากขึ้น เพื่อรองรับผลกระทบเรื่อง&nbsp;Geoeconomics ที่ระดับโลกมีความตึงเครียดด้านการค้าและการลงทุนมากขึ้น&nbsp;ผลกระทบ/โอกาส&nbsp;การส่งเสริมการค้าระหว่างกันในอาเซียน&nbsp;(Intra-ASEAN) เป็น “โอกาสทางการค้า” และ “การบริหารความเสี่ยง”&nbsp;ของธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบจากความท้าทายเรื่อง Geoeconomics ระดับโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั่วโลก ซึ่งหากธุรกิจปรับกลยุทธเป็นการค้าระหว่างกันในอาเซียนมากขึ้นก็จะเป็นทั้งโอกาสและการบริหารความเสี่ยงเรื่องดังกล่าว โดยเมียนมาสามารถเป็นทั้งตลาดและแหล่งผลิตรองรับการค้าและการลงทุนเชื่อมโยงกับประเทศต่างๆ ในอาเซียน&nbsp;ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ&nbsp;ขอให้ผู้ประกอบการไทยติดตามสถานการณ์และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ทั้งประเด็นระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งพิจารณาโอกาสการค้าและการลงทุนในอาเซียนมากขึ้น ซึ่งรวมถึงเมียนมาและประเทศเพื่อนบ้าน ที่ธุรกิจไทยมีศักยภาพ มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน สินค้าไทยได้รับความนิยมและสอดคล้องกับความต้องการตลาด อย่างไรก็ตาม แต่ละตลาดมีความท้าทาย เช่น ตลาดเมียนมา มีความท้าทายเรื่องสถานการณ์ กฎระเบียบการค้าและอัตราแลกเปลี่ยน การขอโอนเงินต่างประเทศออกจากเมียนมา ซึ่งธุรกิจต้องก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ โดย สคต.ย่างกุ้ง ยินดีสนับสนุนให้ธุรกิจไทยคว้าโอกาสและก้าวข้ามความท้าทาย เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของไทยและประเทศคู่ค้าต่างๆ ต่อไป********************************************ที่มา: นสพ.Global New Light of Myanmarสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง

เมียนมา

ข่าว เมียนมาเข้าร่วมการประชุม ASEAN Geoeconomics Task Force.pdf

medium_Capture.JPG

small_Capture.JPG

thumbnail_Capture.JPG

Capture.JPG

สคต. ณ กรุงย่างกุ้ง (เมียนมา)

เมียนมาเข้าร่วมการประชุมคณะทำงาน ด้านภูมิเศรษฐศาสตร์อาเซียน (ASEAN Geoeconomics Task Force)

ยอดจำหน่ายรถยนต์ของโตโยต้าโตต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา และจีน รวมถึงในญี่ปุ่น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะยานยนต์ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นกลจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ทั้งนี้ นอกจากสหรัฐฯ จะเป็นตลาดส่งออกยานยนต์หลักของญี่ปุ่น จำนวนปีละกว่า 1.37 ล้านคันแล้ว ยังเป็นแหล่งผลิตเพื่อป้อนตลาดในภูมิภาคอเมริกาเหนือด้วย&nbsp;ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ยอดขายของโตโยต้า โดยเฉพาะรุ่นไฮบริด รวมถึงบริษัทในเครือ&nbsp;(ไดฮัทสุ และฮีโน) ทั่วโลก รวมญี่ปุ่น จำนวนทั้งสิ้น 955,532 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 โดยเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่สาม ทั้งนี้ เฉพาะแบรนด์โตโยต้า และเล็กซัส ขยายตัวร้อยละ 4 ในตลาดญี่ปุ่น ร้อยละ 11 ในอเมริกาเหนือ และจีน ร้อยละ 7 ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่อื่นๆ โดยเฉพาะฮอนด้า และนิสสัน มียอดจำหน่ายทั่วโลกลดลงร้อยละ 4 จำนวน 298,167&nbsp;คัน และร้อยละ 6 จำนวน 256,159&nbsp;คัน ตามลำดับ โดยในเดือนมิถุนายน ศกนี้ โตโยต้าปรับขึ้นราคารถที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาบางรุ่น ประมาณ 200 ดอลลาร์สหรัฐ ตามสถานการณ์ตลาด และการแข่งขันทางธุรกิจ ทั้งนี้ มิตซูบิชิได้ขึ้นราคารถ 3 รุ่นไปในช่วงก่อนหน้า&nbsp;อย่างไรก็ดี แม้ยอดจำหน่ายรวมของโตโยต้าในตลาดสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น หากแต่การส่งออกจากญี่ปุ่นหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยยานยนต์ลดลงร้อยละ 24.7 และอุปกรณ์/ชิ้นส่วนลดลงร้อยละ 19 ในเดือนพฤษภาคม เป็นผลจากนโยบายภาษี ทั้งนี้ ปัจจุบัน การเจรจาต่อรองในประเด็นภาษีระหว่างสองประเทศยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งหากสหรัฐฯ ยืนยันการเรียกเก็บภาษียานยนต์ร้อยละ 25 จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อญี่ปุ่น&nbsp;----------------------------------------------------------------------------ที่มา&nbsp;: <a target="_blank" rel="noopener noreferrer" href="https://www.japantimes.co.jp/business/2025/06/27/companies/toyota-may-sales-monthly-record/">www.japantimes.co.jp/business/2025/06/27/companies/toyota-may-sales-monthly-record/</a>&nbsp;

ญี่ปุ่น

สคต. ณ นครโอซากา (ญี่ปุ่น)

โตโยต้ายอดขายเพิ่มทั่วโลก

Gebrüder Weiss บริษัทโลจิสติกส์ระดับโลกจากประเทศออสเตรียได้เปิดสำนักงานแห่งใหม่ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน&nbsp;2025 ที่ผ่านมา เพื่อเสริมสร้างสถานะทางการตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขยายเครือข่ายในภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว&nbsp;“ด้วยการจัดตั้งสาขาใหม่นี้ เราได้เติมเต็มช่องว่างทางกลยุทธ์ และสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงสำหรับลูกค้ากับตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” นาย&nbsp;Lothar Thoma กรรมการผู้จัดการฝ่ายขนส่งทางอากาศและทางทะเลของ&nbsp;Gebrüder Weiss กล่าว “ประเทศไทยเป็นแหล่งส่งออกที่สำคัญ และมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ซึ่งล้วนเป็นตลาดที่เรามีสำนักงานของเราเอง” ในปี 2024 ประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกประมาณ&nbsp;300 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น&nbsp;5% จากปีก่อน โดยสินค้าหลักที่ส่งออกคือ สินค้าอุตสาหกรรม (86% ของการส่งออกทั้งหมด) เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เครื่องจักร และอาหารทีมงาน&nbsp;20 คนในกรุงเทพฯ จะให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางอากาศและทางทะเล การดำเนินพิธีการศุลกากร และการขนส่งภายในประเทศและข้ามพรมแดน “พนักงานของเรามีประสบการณ์ยาวนานในการบริหารจัดการขนส่งระหว่างประเทศ เรามีแผนในระยะกลางที่จะขยายบริการในประเทศไทยไปยังการจัดการคลังสินค้า โดยมุ่งเน้นเป็นพิเศษในอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีขั้นสูง” นาย&nbsp;Cristian Predan ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว ด้วยการเข้าสู่ตลาดประเทศไทยในครั้งนี้ ทำให้ปัจจุบัน&nbsp;Gebrüder Weiss มีการดำเนินงานใน&nbsp;9 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงโอเชียเนีย ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม โดยมีเครือข่ายรวม&nbsp;35 สาขา และพนักงานประมาณ&nbsp;800 คนในภูมิภาคนี้&nbsp;ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของ สคต.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; Gebrüder Weiss Holding AG ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง&nbsp;Lauterach ประเทศออสเตรีย เป็นบริษัทโลจิสติกส์ครบวงจรระดับโลก มีพนักงานประมาณ 8,600 คน และมีสำนักงานของตนเอง 180 แห่งทั่วโลก ในปี 2024 บริษัทมีรายได้ต่อปี 2.71 พันล้านยูโร พอร์ตโฟลิโอของบริษัทครอบคลุมบริการขนส่งและโลจิสติกส์ บริการดิจิทัล และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การผสานความสามารถด้านดิจิทัลและกายภาพช่วยให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ด้วยมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่หลากหลาย&nbsp;สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเวียนนามิถุนายน&nbsp;2568&nbsp;

ออสเตรีย

ข่าว 2 2025.06.27.Gebrüder Weiss โลจิสติกส์จากออสเตรียเปิดสำนักงานในประเทศไทย.pdf

medium_cargo-ship-7338163_1920.jpg

small_cargo-ship-7338163_1920.jpg

thumbnail_cargo-ship-7338163_1920.jpg

cargo-ship-7338163_1920.jpg

สคต. ณ กรุงเวียนนา (ออสเตรีย)

Gebrüder Weiss โลจิสติกส์จากออสเตรียเปิดสำนักงานในประเทศไทย

ประเทศออสเตรียได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มภาคภูมิ ข้อมูลล่าสุดจากผลสำรวจในปี&nbsp;2568 ของสถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์ (FiBL) ยืนยันว่า พื้นที่เกษตรกรรมกว่า&nbsp;27.3% ของประเทศเป็นฟาร์มออร์แกนิค ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในสหภาพยุโรป และเป็นอันดับสองของโลก รองจากประเทศลิกเตนสไตน์ และสินค้า&nbsp;“Bio” มีส่วนแบ่งในตลาดค้าปลีกถึง&nbsp;11-12% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก ตลาดนี้มีมูลค่ารวมกว่า&nbsp;2.5 พันล้านยูโรเลยทีเดียว&nbsp;สินค้า "Bio" ในภาษาเยอรมัน หมายถึง สินค้า "ออร์แกนิค" (Organic) นั่นเอง ความหมายคือ ผลิตภัณฑ์จากการทำเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง และไม่ตัดแต่งพันธุกรรม (GMOs) โดยเน้นกระบวนการทางธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หัวใจสำคัญที่ทำให้วิถีเกษตรอินทรีย์เติบโตในออสเตรีย คือ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ชาวออสเตรียไม่ได้มองแค่ราคา แต่ให้ความสำคัญกับคุณค่าอื่นที่มาพร้อมกับสินค้า ได้แก่ ความเชื่อมั่นว่าอาหารออร์แกนิคปลอดสารเคมีและดีต่อสุขภาพ ความต้องการสนับสนุนการเกษตรที่ช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและแหล่งน้ำ ความใส่ใจต่อความยั่งยืนของธรรมชาติและมาตรฐานการเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งชาวออสเตรียมีความเชื่อมั่นในเกษตรกรท้องถิ่นสูงมาก สัญลักษณ์ตราออร์แกนิคของสหภาพยุโรป (Euro-leaf) และเครื่องหมาย&nbsp;&nbsp;Bio aus Österreich (สินค้าออร์แกนิคจากออสเตรีย) จึงเป็นเหมือนเครื่องหมายการันตีคุณภาพของสินค้าที่ผู้บริโภคที่นี่มองหา&nbsp;ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของ สคต.ถึงแม้ตลาดจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังมี "ช่องว่าง" ที่สินค้าไทยสามารถเข้ามาเติมเต็มได้ นั่นคือการนำเสนอในสิ่งที่ตลาดท้องถิ่นไม่มี เช่น<ul><li>ผลไม้เขตร้อนที่ปลูกไม่ได้ในยุโรป: นี่คือโอกาสที่ชัดเจนที่สุด ไม่ว่าจะเป็น มะม่วง มังคุด เสาวรส มะพร้าวน้ำหอม ทั้งในรูปแบบผลไม้สดและแปรรูป (เช่น อบแห้ง หรือ น้ำผลไม้) เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่มองหาความแปลกใหม่และดีต่อสุขภาพ</li><li>วัตถุดิบสำหรับครัวเอเชีย: กระแสความนิยมในอาหารไทย ทำให้ความต้องการวัตถุดิบออร์แกนิคต้นตำรับเพิ่มสูงขึ้น เช่น&nbsp;ข้าวหอมมะลิไทย ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูด พริก และที่สำคัญคือ เครื่องแกงและซอสปรุงรสสำเร็จรูป ที่ช่วยให้การทำอาหารไทยที่บ้านง่ายขึ้น</li><li>สินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม (Wellness&nbsp;&amp; Superfoods):เทรนด์สุขภาพมาแรงทั่วโลก สินค้าอย่าง&nbsp;ขมิ้นชัน มะรุม ชาสมุนไพร และผลิตภัณฑ์สปาจากธรรมชาติของไทย สามารถเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มที่ยอมจ่ายเพื่อสุขภาพได้เป็นอย่างดี&nbsp;เคล็ดลับคว้าใจตลาดออสเตรีย</li><li>มาตรฐานสากลคือใบเบิกทาง: สินค้าต้องได้รับการรับรองมาตรฐานออร์แกนิคของสหภาพยุโรป (EU Organic "Euro-leaf") เท่านั้น เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้บริโภคเชื่อมั่น</li><li>เล่าเรื่องราวให้น่าสนใจ: ลค่าและความผูกพันกับผู้บริโภคได้</li><li>วางตัวเป็น "ส่วนเติมเต็มระดับพรีเมียม": สินค้าไทยไม่ได้มาแข่งขันกับนมหรือแอปเปิ้ลของออสเตรีย แต่มาเพื่อเพิ่มความพิเศษและความหลากหลายบนโต๊ะอาหาร</li><li>มองไกลกว่าแค่ "ออร์แกนิค": พิจารณาปัจจัยด้านความยั่งยืนอื่นๆ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ เพื่อสร้างความได้เปรียบในระยะยาว</li></ul>&nbsp;<figure class="image"><img alt="image.png" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/image_a19a70cbb3.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_image_a19a70cbb3.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_image_a19a70cbb3.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_image_a19a70cbb3.png 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>

ข่าว 1 2025.06.20.ออสเตรียครองแชมป์เกษตรอินทรีย์แห่งยุโรป ช่องว่างและโอกาสทองของผู้ประกอบการไทย.pdf

medium_apples-1873078_1920.jpg

small_apples-1873078_1920.jpg

thumbnail_apples-1873078_1920.jpg

apples-1873078_1920.jpg

ออสเตรียครองแชมป์เกษตรอินทรีย์แห่งยุโรป: ช่องว่างและโอกาสทองของผู้ประกอบการไทย

สเปน

ข่าว 2 Thailand trust mark.pdf

large_รูปภาพ19.jpg

medium_รูปภาพ19.jpg

small_รูปภาพ19.jpg

thumbnail_รูปภาพ19.jpg

รูปภาพ19.jpg

สคต. ณ กรุงมาดริด (สเปน)

Thailand Trust Mark ขนทัพสินค้าคุณภาพบุกสเปน

<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img style="aspect-ratio:1682/950;" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/2_d210d4fc8d.jpg" alt="รูปภาพ2.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_2_d210d4fc8d.jpg 245w,https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_2_d210d4fc8d.jpg 500w,https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_2_d210d4fc8d.jpg 750w," sizes="100vw" width="1682" height="950"></figure>&nbsp;เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา “รถถัง จิตรเมืองนนท์” และ “คาร์ลอส โคเอลโล” สองนักมวยไทยชื่อดังชาวไทยและชาวสเปน สร้างปรากฎการณ์โคจรมาพบกันเป็นครั้งแรกบนเวที Masterclass กลางแจ้งซึ่งจัดขึ้นที่จัตุรัส Plaza de España อันโด่งดังของมาดริด ดึงดูดผู้เข้าร่วมคลาสกว่า 500 ราย ได้รับความสนใจจากสื่อโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ของสเปน สร้าง media impact กว่า 50 ล้านวิว ตอกย้ำพลัง Soft Power มวยไทยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 10 – 15 มิถุนายน 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศยังจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างไทย-สเปนคู่ขนานด้วย คาดนำเม็ดเงินเข้าประเทศ 6.9 ล้านบาท สะท้อนโอกาสของสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับมวยไทยไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้า ค่ายมวย ตลอดจนถึงกลุ่มคาแรคเตอร์ แอนิเมชัน และของที่ระลึกเกี่ยวกับมวยไทย ซึ่งได้รับความนิยมจากชาวสเปนไม่แพ้กัน<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/3_74c1502739.jpg" alt="รูปภาพ3.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_3_74c1502739.jpg 117w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_3_74c1502739.jpg 375w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_3_74c1502739.jpg 562w" sizes="100vw" width="562"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/4_079be5c05d.png" alt="รูปภาพ4.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_4_079be5c05d.png 239w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_4_079be5c05d.png 500w" sizes="100vw" width="500"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/5_b7844ac5cd.jpg" alt="รูปภาพ5.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_5_b7844ac5cd.jpg 209w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_5_b7844ac5cd.jpg 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_5_b7844ac5cd.jpg 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/6_1126699b62.jpg" alt="รูปภาพ6.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_6_1126699b62.jpg 89w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_6_1126699b62.jpg 285w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_6_1126699b62.jpg 427w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/large_6_1126699b62.jpg 1093w" sizes="100vw" width="1093"></figure>&nbsp;Marca สื่อกีฬาหัวหลักของสเปนรายงานถึงกิจกรรม Masterclass ว่า “ผลเกินความคาดหมาย มีผู้สมัครเข้าร่วมมากกว่า 500 คนในงานที่ไม่เคยมีมาก่อน นับเป็นวันที่น่าจดจำที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ความเคารพ และการเรียนรู้ในระดับสูงสุด” การมาเยือนของรถถังครั้งนี้เป็นการสานฝันที่เป็นจริงให้กับผู้ฝึกซ้อมมวยไทยที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศของสเปน ไม่ว่าจะจากเมืองทางเหนือ ตะวันออก ตะวันตก หรือหมู่เกาะทางใต้ของสเปน โดย Marca เผยอีกว่า “รถถัง อดีตแชมป์โลก ONE Championship รุ่นฟลายเวต ได้แบ่งปันเคล็ดลับของสไตล์ของเขา ส่งต่อพลังระเบิด ความกดดัน ความแข็งแกร่งทางจิตใจ และเทคนิคที่ไร้ที่ติ ผู้เข้าร่วมมีโอกาสได้ฝึกซ้อมกับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ของกีฬา ในบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม โดย ข้างๆ เขา คาร์ลอส โคเอโญ่ แชมป์โลกและผู้มีชื่อเสียงในวงการมวยไทยในสเปน เป็นมากกว่าผู้ช่วยทางเทคนิค โคเอลโลทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ ล่าม และทูตของมวยไทยระดับชาติ ช่วยอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเทคนิคระหว่างรถถังและผู้เข้าร่วม”&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/7_cb5561a587.jpg" alt="รูปภาพ7.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_7_cb5561a587.jpg 129w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_7_cb5561a587.jpg 413w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_7_cb5561a587.jpg 619w" sizes="100vw" width="619"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/8_c325da8fbf.jpg" alt="รูปภาพ8.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_8_c325da8fbf.jpg 129w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_8_c325da8fbf.jpg 414w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_8_c325da8fbf.jpg 620w" sizes="100vw" width="620"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/9_94bbcc0b93.jpg" alt="รูปภาพ9.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_9_94bbcc0b93.jpg 208w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_9_94bbcc0b93.jpg 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_9_94bbcc0b93.jpg 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;ภายหลังจบมาสเตอร์คลาส ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่อคิวเข้ารับลายเซ็น ถ่ายภาพกับรถถังและคาร์ลอส พร้อมให้สัมภาษณ์ว่านี่คือ ความฝันที่เป็นจริง “ตั้งแต่ผู้ฝึกหัดหน้าใหม่ไปจนถึงโค้ชนักกีฬามือเก๋า ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่านี่เป็นประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และเปลี่ยนแปลงชีวิต งานนี้ปิดรับลงทะเบียนก่อนวันจัดงานหลายวัน แสดงให้เห็นถึงความคาดหวังอย่างสูงที่แฟนคลับมวยไทยอยากให้รถถังเยือนสเปน ซึ่งหลังคลาส นักกีฬาทั้งสองใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการเซ็นลายเซ็นและถ่ายรูปกับผู้เข้าร่วมงานทุกคน” คาร์ลอส โคเอโญ่เสริมว่า “การได้เห็นผู้คนมากมายมารวมตัวกันเพราะความรักในมวยไทย ฝึกซ้อมกับรถถัง เป็นตัวอย่างของระดับที่กีฬาของเรากำลังไปถึงในสเปน และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น”&nbsp; อีกหนึ่งไฮไลท์ที่เกี่ยวเนื่อง คือ กิจกรรมแฟชั่นโชว์มวยไทย เป็นการบูรณาการระหว่างสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมาดริด สำนักพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจบริการ กับพาณิชย์จังหวัด ภูเก็ต สุโขทัย อุดรธานีกาญจนบุรี มหาสารคาม หนองบัวลำภู ชัยนาท และผู้ส่งออกผ้า อุปกรณ์กีฬา RAJA BOXING นำผ้าทอไทยมาตีความใหม่ ออกแบบตัดเย็บเป็นชุดมวย ดยนักออกแบบสเปนภายใต้สมาพันธ์แฟชั่น Moda España ที่มีชื่อเสียง&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/11_23e8dfae3b.jpg" alt="รูปภาพ11.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_11_23e8dfae3b.jpg 156w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_11_23e8dfae3b.jpg 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_11_23e8dfae3b.jpg 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/12_5dde3d7cd8.png" alt="รูปภาพ12.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_12_5dde3d7cd8.png 117w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_12_5dde3d7cd8.png 374w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_12_5dde3d7cd8.png 561w" sizes="100vw" width="561"></figure>&nbsp;จึงเป็นการยกระดับผ้าไทยจากท้องถิ่นสู่สากล สร้างการรับรู้เกี่ยวกับความสวยงามโดดเด่นของผ้าไทยได้ดี และยังเป็นการจุดกระแสความนิยม กางเกงมวย ในฐานะแฟชั่นได้อีกด้วยดังที่มีชาวสเปนใส่กางเกงมวยเดินในสวนท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนระอุของมาดริดเกือบ 40 องศา ในปลายเดือนมิถุนายนปีนี้ นอกจากนี้ ภายในช่วงเทศกาลไทยระหว่างวันที่ 13 – 15 มิถุนายน 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับมวยอย่างครบวงจร ดึงดูดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัย ตอกย้ำศักยภาพผู้ประกอบการไทยภายใต้ตีม Soft Power มวยไทย ซึ่งได้รับความนิยมมากเช่นกัน อาทิ การฉายแอนิเมชั่นมวยไทยเรื่อง 9 ศาสตรา การแสดงโชว์ไหว้ครู การเสวนาในเชิงคุณค่าและวัฒนธรรม การจัดแสดงนิทรรศการสินค้ามวยไทย รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์หนังสือมวยไทย และการออกร้านจำหน่ายสินค้ามวยไทยโดยผู้ประกอบการสเปน&nbsp;ที่มา: &nbsp;rtve, marca, asdiario, Telemadrid, madriddirecto &nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/13_ea2af78828.jpg" alt="รูปภาพ13.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_13_ea2af78828.jpg 182w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_13_ea2af78828.jpg 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_13_ea2af78828.jpg 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/14_1b1cfd02d8.png" alt="รูปภาพ14.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_14_1b1cfd02d8.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_14_1b1cfd02d8.png 500w" sizes="100vw" width="500"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/15_7c245ebfb2.jpg" alt="รูปภาพ15.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_15_7c245ebfb2.jpg 224w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_15_7c245ebfb2.jpg 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_15_7c245ebfb2.jpg 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:50%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/16_80464ff212.jpg" alt="รูปภาพ16.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_16_80464ff212.jpg 130w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_16_80464ff212.jpg 416w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_16_80464ff212.jpg 624w" sizes="100vw" width="624"></figure>&nbsp;ข้อคิดเห็นของ สคต.&nbsp; กีฬา” เป็น Soft Power ที่มีความสำคัญกับชาวสเปนจึงเป็นกลยุทธ์สร้างกระแสความนิยมไทยในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถดึงดูดผู้บริโภคและสื่อท้องถิ่นระดับชาติของสเปนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการขยายผลต่อยอดคอนเท้นต์ในหมู่ผู้ชื่นชอบกีฬาอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การซื้อสินค้าและอุปกรณ์มวยไทยจากไทย การขยายตัวมูลค่าส่งออก ตลอดจนเพิ่มความนิยมบริโภคสินค้า บริการ และอาหารไทย และกระแสนิยมไทย ขณะเดียวกัน สคต. เห็นว่าดิจิทัลคอนเทนต์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเปิดตลาดที่สเปน อย่างไรก็ตาม ควรเริ่มแนะนำให้ตลาดรู้จักภายใต้บริบทซึ่งเป็นที่นิยมของผู้บริโภคท้องถิ่น อาทิ “อาหารไทย” หรือ “การท่องเที่ยว” หรือ “มวยไทย” ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จของการนำคาแรคเตอร์มาจัดแสดงนิทรรศการในคูหาเจรจาธุรกิจของกรมครั้งนี้ ผลปรากฎว่ามีผู้นำเข้าสนใจซื้อตุ๊กตาไปประดับตกแต่งที่ร้าน รวมทั้งเจรจาต่อเนื่องเพื่อนำไปผลิตเป็นของที่ระลึกแจกจ่ายให้แก่ลูกค้า&nbsp;สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมาดริด มิถุนายน 2568

ข่าว 1 softpower.pdf

medium_รูปภาพ1.jpg

small_รูปภาพ1.jpg

thumbnail_รูปภาพ1.jpg

รูปภาพ1.jpg

Soft Power มวยไทย กระหึ่มสเปน จุดกระแสแฟชั่นกางเกงมวย

สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโรม ได้จัดงานเทศกาลไทย “Thai Festival&nbsp;2025” ขึ้นระหว่างวันที่ 27–29 มิถุนายน 2568 เวลา 11.00 น. – 20.00 น. ณ สนามกีฬา&nbsp;Pala Olimpia AGSM Arena&nbsp;เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่วัฒนธรรม อาหาร การท่องเที่ยว และศิลปะไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อชาวอิตาเลียนและผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ ซึ่งงาน Thai Festival 2025 นี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน&nbsp;Amazing Muaythai World Festival 2025 จัดโดยสภามวยโลก มวยไทย (WBC Muaythai) ระหว่างวันที่ 25-29 มิถุนายน 2568&nbsp;โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 นายพุทธพร อิ้วตกส้าน เอกอัครราชทูต ณ กรุงโรม ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน พร้อมเป็นประธานในพิธีตัดริบบิ้นร่วมกับ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา พลตรีธนพล ภักดีภูมิ ประธานสภามวยโลก มวยไทย นางสุธิรา พลเจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์หม่อนไหม จากกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางสาวปทุมวดี อิ่มทั่ว อัครราชทูตฝ่ายการเกษตร นางสาวอนงค์นารถ มหาสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน และนางสาวนันทาศิริ รณศิริ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกรุงโรม&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:100%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture2_8df9103fa2.PNG" alt="Capture2.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture2_8df9103fa2.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture2_8df9103fa2.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture2_8df9103fa2.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>ภายในงานมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมไทยหลากหลายประเภท ได้แก่ การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การสาธิตนวดแผนไทย การจำหน่ายอาหารไทย และการจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากประเทศไทย ทั้งนี้พื้นที่ด้านหน้า&nbsp;Pala Olimpia AGSM Arena&nbsp;ได้ถูกปรับให้เป็นโซนแสดงวัฒนธรรมและการแสดง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:100%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture3_d248938d0d.PNG" alt="Capture3.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture3_d248938d0d.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture3_d248938d0d.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture3_d248938d0d.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ได้ร่วมออกบูธในงาน&nbsp;Thai Festival 2025 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการนำเข้าสินค้าอาหารไทยในตลาดอิตาลี รวมถึงสร้างการรับรู้ต่อตราสัญลักษณ์&nbsp;Thai SELECT&nbsp;ภายในบูธ สคต. ณ เมืองมิลานได้นำผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT และได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมาจัดแสดง อาทิ ผงปรุงอาหารตรา&nbsp;Lobo&nbsp;เครื่องแกงตรา&nbsp;Blue Elephant&nbsp;และ&nbsp;Siam น้ำปลาตราปลาหมึก น้ำปลาตรา&nbsp;Megachef&nbsp;ซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์&nbsp;กะทิตราอร่อยดี&nbsp;น้ำผลไม้ตรา&nbsp;FOCO&nbsp;และน้ำหวานตราเฮลส์บลูบอย เป็นต้น รวมถึงผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิตราฉัตร อาหาร&nbsp;Ready to Eat&nbsp;ตรา Kitchen Joy – Thai Cube ซอสพริก/น้ำจิ้มไก่ ตรา&nbsp;Authentic Asia และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา&nbsp;MAMAนอกจากนี้ ยังได้มีการประชาสัมพันธ์การปรับโฉมใหม่&nbsp;(Rebranding) ของตราสัญลักษณ์&nbsp;Thai SELECT&nbsp;พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหารไทยในประเทศอิตาลีที่ได้รับตรา Thai SELECT&nbsp;โดยจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ที่ระบุรายชื่อร้านอาหารพร้อม QR code&nbsp;สำหรับค้นหาตำแหน่งร้านได้สะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สคต. ณ เมืองมิลานยังได้จัดกิจกรรมแจกเครื่องดื่ม&nbsp;Mogu Mogu&nbsp;ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท&nbsp;Global Trading Srl.&nbsp;รวมถึงแจกกระเป๋าผ้า&nbsp;Thai SELECT&nbsp;แก่ผู้เยี่ยมชม เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศของบูธให้ดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:99.3%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture4_1bb4042ab5.PNG" alt="Capture4.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture4_1bb4042ab5.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture4_1bb4042ab5.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture4_1bb4042ab5.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>ตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน มีผู้เข้าชมบูธของ สคต. ณ เมืองมิลาน วันละประมาณ 800–1,000 คน โดยผู้เข้าชมส่วนใหญ่มีทั้งนักกีฬามวยจากทั่วโลก และชาวอิตาเลียน รวมถึงคนไทยในเมืองเวโรนาและพื้นที่ใกล้เคียง ที่ตั้งใจมาเข้าชมงาน&nbsp;Thai Festival 2025 ซึ่งมีความคุ้นเคยและชื่นชอบอาหารไทยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ได้สอบถามช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไทยในอิตาลี และแสดงความสนใจที่จะเดินทางไปรับประทานอาหารไทยในร้านที่ได้รับตรา&nbsp;Thai SELECT&nbsp;ตามเมืองต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมงานจากนานาชาติที่ให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์อาหารไทยและรับรู้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT&nbsp;มากขึ้น สะท้อนถึงศักยภาพของสินค้าอาหารไทยในการเข้าถึงผู้บริโภคในอิตาลี/ยุโรป&nbsp;<figure class="image image_resized" style="width:100%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture6_6649016e0b.PNG" alt="Capture6.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture6_6649016e0b.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture6_6649016e0b.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture6_6649016e0b.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure><figure class="image image_resized" style="width:100%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture7_841e2960a8.PNG" alt="Capture7.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture7_841e2960a8.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture7_841e2960a8.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture7_841e2960a8.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure><figure class="image image_resized" style="width:100%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Capture8_7303f0273f.PNG" alt="Capture8.PNG" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Capture8_7303f0273f.PNG 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Capture8_7303f0273f.PNG 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Capture8_7303f0273f.PNG 750w" sizes="100vw" width="750"></figure>ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน1. การจัดงาน&nbsp;Thai Festival 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการประชาสัมพันธ์สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารไทย&nbsp;Thai SELECT เนื่องจากผู้เข้าชมงานฯ มีความสนใจในประเทศไทยและอาหารไทยอยู่แล้ว จึงได้มาเข้าร่วมงานดังกล่าว จึงถือเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก สคต. ณ เมืองมิลานจึงมีความประสงค์ที่จะร่วมออกบูธในงาน&nbsp;Thai Festival ครั้งต่อๆ ไป เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผลิตภัณฑ์และร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT2. สคต. ณ เมืองมิลาน เห็นว่า ควรมีการพิจารณาแนวทางการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยและผู้นำเข้าสินค้าไทยในประเทศอิตาลี เข้าร่วมออกบูธร่วมกับหน่วยงานภาครัฐภายในการจัดงาน&nbsp;Thai Festival&nbsp;ในอนาคต โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายในตลาดอิตาลี/ยุโรป เพื่อตอบสนองต่อความสนใจของผู้บริโภคในอิตาลี/ยุโรปอย่างเต็มที่ การมีผู้ประกอบการเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าโดยตรงในงานนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่สนใจซื้อสินค้าแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการเจรจาทางธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้บริโภคในอิตาลีอีกด้วย&nbsp;สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน30 มิถุนายน 2568

อิตาลี

ข่าวเด่นประจำเดือนมิถุนายน 68 (ข่าวที่ 2).pdf

medium_Capture.PNG

small_Capture.PNG

thumbnail_Capture.PNG

Capture.PNG

สคต. ณ เมืองมิลาน (อิตาลี)

งาน Thai Festival 2025 ณ เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี สุดปัง คนแห่ชมงานคึกคัก ตลอด 3 วัน

หน่วยงานทั่วไปด้านสถิติ (The General Authority for Statistics-GASTAT) รายงาน ดุลการค้าของซาอุดีอาระเบียบันทึกดุลการค้าเกินดุลกว่า 63 พันล้านรียัล ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเติบโตร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 ซึ่งดุลการค้าเกินดุลเกิน 41 พันล้านรียัล&nbsp;ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของซาอุดีอาระเบียมีมูลค่ารวมว่า 508 พันล้านรียัล โดยมีมูลค่าการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อยู่ที่ประมาณ 285 พันล้านรียัล เมื่อเทียบกับการนำเช้าสินค้าโภคภัณฑ์เกินกว่า 222 พันล้านรียัล การส่งออกของประเทศนอกเหนือจากน้ำมันมีมูลค่ามากวว่า 54 พันล้านรียัล คิดเป็นร้อยละ 19 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกน้ำมันมีมูลค่ามากกว่า 205 พันล้านรียัล คิดเป็นร้อยละ 71.80 ของการส่งออกทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกซ้ำมีมูลค่ามากกว่า 26 พันล้านรียัล คิดเป็นร้อยละ 9.30 ของการส่งออกทั้งหมดในระดับคู่ค้า กลุ่มประเทศในเอเชียเป็นผู้นำเข้าสินค้าส่งออกจากซาอุดีอาระเบียซึ่งคิดเป็นร้อยละ 74.60มูลค่ากว่า 213 พันล้านรียัล รองลงมาคือกลุ่มประเทศยุโรปคิดเป็นร้อยละ 12.10 มูลค่ากว่า 34 พันล้านรียัล และกลุ่มประเทศแอฟริกาคิดเป็นร้อยละ 8.10 มูลค่าเกิน 23 พันล้านรียัลในระดับประเทศ จีนเป็นผู้นำเข้าสินค้าส่งออกจากซาอุดีอาระเบียคิดเป็นร้อยละ 15.70 ของการส่งออกทั้งหมด มูลค่าเกิน 44 พันล้านรียัล รองลงมาคืออินเดียคิดเป็นร้อยละ 9.80 มูลค่าเกิน 28 พันล้านรียัล และญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 9.30 มูลค่าเกิน 26 พันล้านรียัล

ซาอุดีอาระเบีย

ดุลการค้าของซาอุดีอาระเบียขยายตัวร้อยละ 52 แตะ 63 พันล้านรียัลในไตรมาส 12025.pdf

สคต. ณ เมืองเจดดาห์ (ซาอุดีอาระเบีย)

ดุลการค้าของซาอุดีอาระเบียขยายตัวร้อยละ 52 แตะ 63 พันล้านรียัลในไตรมาส 1/2025

ในปี 2023 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สร้างความสั่นสะเทือนต่อธุรกิจห้างค้าปลีกฝรั่งเศสเมื่อห้างยักษ์ใหญ่ Casino&nbsp;ประสบปัญหาจนต้องขายกิจการให้กับกลุ่มห้างค้าปลีก&nbsp;Intermarché &nbsp;แสดงให้เห็นว่าแม้แต่ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นสินค้าจำเป็นยังไม่อาจรอดพ้นจากวิกฤตหากไม่มีการปรับตัว &nbsp;ซึ่งช่วงเวลาขณะนั้นฝรั่งเศสประสบกับสถานการณ์เงินเฟ้อที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้การแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นไปอีก &nbsp;ภายหลังจากที่ห้างค้าปลีก&nbsp; Casino&nbsp;จำนวน&nbsp;600&nbsp;&nbsp; สาขาทั่วประเทศเปลี่ยนเจ้าของไปเป็นห้างค้าปลีกแบรนด์อื่นๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ของบริษัท Intermarché&nbsp; ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดห้างค้าปลีกเปลี่ยนแปลงไป&nbsp; &nbsp;โดยห้าง Carrefour&nbsp;กลายเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์เพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อีกสองจุด&nbsp; ในขณะที่ห้าง&nbsp;Leclerc&nbsp;ผู้นำอันดับหนึ่งกลับเสียส่วนแบ่งทางการตลาดไปสองจุด&nbsp;จากข้อมูลของสถาบัน Kantar ผู้นำตลาดค้าปลีกฝรั่งเศสห้าอันดับแรกในปี 2025 เรียงตามลำดับตามส่วนแบ่งทางการตลาด ได้แก่ &nbsp;ห้างค้าปลีก&nbsp;Leclerc &nbsp;(ร้อยละ&nbsp;24)&nbsp;&nbsp; ห้างค้าปลีก&nbsp;Carrefour (ร้อยละ&nbsp;20.6)&nbsp;&nbsp; ห้างค้าปลีก&nbsp;Intermarché&nbsp;หรือกลุ่มบริษัท&nbsp;Les Mousquetaires&nbsp;(ร้อยละ&nbsp;18.2)&nbsp;&nbsp; ห้างค้าปลีก&nbsp;Super U ของบริษัท&nbsp;Coopérative U &nbsp;(ร้อยละ&nbsp;12.8) &nbsp;&nbsp; และ ห้างค้าปลีก&nbsp;Auchan (ร้อยละ&nbsp;8.7) &nbsp;<figure class="image"><img alt="ส่วนแบ่งตลาดแบ่.jpg" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/_a2f396ec2a.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail__a2f396ec2a.jpg 121w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small__a2f396ec2a.jpg 386w" sizes="100vw" width="386"></figure>นอกเหนือจากการเข้าซื้อห้าง&nbsp;Casino &nbsp;ห้างค้าปลีก&nbsp;Intermarché&nbsp;ยังคงดำเนินนโยบายเชิงรุกอย่างต่อเนื่องด้วยการเข้าซื้อกิจการห้างค้าปลีก&nbsp;Colruyt &nbsp;สัญชาติเบลเยี่ยมซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของฝรั่งเศสจำนวนทั้งสิ้น 81&nbsp;สาขา โดยตั้งเป้าขยายส่วนแบ่งทางการตลาดจากร้อยละ 18.2 ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 20 ภายในปี&nbsp;2028&nbsp;ถึงกระนั้นก็ตามนาง&nbsp;Gaëlle Le Floch ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดบริษัท&nbsp;Kantar&nbsp;กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการไม่สามารถยืนยันได้ว่าบริษัทจะช่วงชิงส่วนแบ่งทางการตลาดมาได้&nbsp; &nbsp;เนื่องจากผลจากการเข้าซื้อกิจการบวกกับการประเมินตัวเลขผลลัพธ์ทางธุรกิจต่อเนื่องจากนั้นจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน &nbsp;&nbsp; และในขณะเดียวกันแนวโน้มการบริโภคเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง &nbsp;เห็นได้จากว่าสินค้าอาหารออร์แกนิคเริ่มกลับมาได้รับความนิยม และห้างค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชนมียอดขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันทางด้านราคาเพียงอย่างเดียวดังเช่นที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์เงินเฟ้อไม่เพียงพอ&nbsp; อย่างไรก็ตามราคายังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค &nbsp;ธุรกิจห้างค้าปลีกมีการแข่งขันสูงส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง &nbsp;ดังเช่นห้าง&nbsp;Auchan&nbsp;ปรับขนาดพื้นที่ขายสินค้าส่วนอื่นให้เล็กลงและเพิ่มพื้นที่ขายสินค้าอาหารสดมากขึ้น &nbsp;ดังเช่นรูปแบบการจัดพื้นที่ของห้าง&nbsp;Grand Frais&nbsp;ที่ใช้พื้นที่อาหารสดเป็นจุดแข็งของห้างและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค &nbsp;ซึ่งสินค้าอาหารสดมีความสำคัญช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคกลับมาใช้บริการได้บ่อยขึ้นเนื่องจากเป็นสินค้าที่ต้องมีการหมุนเวียน &nbsp;&nbsp; &nbsp;และการจัดวางสินค้าที่สวยงามสามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับห้างค้าปลีก &nbsp;นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้วการทำความเข้าใจต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก &nbsp;&nbsp;เห็นได้จากยอดขายของห้างค้าปลีกในชุมชนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในชุมชนได้มากกว่าเมื่อเทียบกันกับห้างค้าปลีกขนาดใหญ่&nbsp; &nbsp;&nbsp;<figure class="image"><img style="aspect-ratio:397/484;" alt="ส่วนแบ่งตลาดแบ่งตามประเภทห้างค้าปลีก.jpg" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/_4839641421.jpg" width="397" height="484"></figure><img class="image">อย่างไรก็ตามนาย&nbsp;Frédéric Boublil ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดค้าปลีก &nbsp; กล่าวว่าธุรกิจค้าปลีกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงโดยผู้ประกอบการหน้าใหม่เน้นขายสินค้าเฉพาะทาง&nbsp; ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อแนวทางการตลาดที่เป็นรูปแบบครบวงจรของห้างค้าปลีกแบบดั้งเดิมให้อ่อนแอลงเนื่องจากส่งผลต่ออำนาจต่อรองทางธุรกิจ และส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดแบ่งย่อยลงไปจากเดิมจากแผนภูมิส่วนแบ่งตลาดแบ่งตามประเภทห้างค้าปลีกจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นมา ส่วนแบ่งการตลาดห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ (Hypermarket)&nbsp;ลดลงทุกปี ในขณะที่ห้างค้าปลีกในชุมชนและร้านค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น&nbsp;ความเห็นสคต.สถานการณ์เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2021 -2024 ยังคงมีผลต่อเนื่องต่อการบริโภคของคนฝรั่งเศส โดยผู้บริโภคยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่าย &nbsp; &nbsp;จากข้อมูลของสถาบันสถิติและเศรษฐศาสตร์แห่งชาติ (INSEE)&nbsp;เปิดเผยว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอัตราการบริโภคโดยรวมภายในประเทศฝรั่งเศสลดลงร้อยละ 1 ถึงแม้ว่าราคาสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีการปรับตัวลดลง 0.7 ในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี&nbsp;ธุรกิจห้างค้าปลีกฝรั่งเศสเกิดการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในช่วงตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา &nbsp;ทั้งการเลิกกิจการของห้าง&nbsp;Casino&nbsp;การปรับกลยุทธ์ทางการตลาดของแต่ละห้างที่แตกต่างกันไป &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามธุรกิจห้างค้าปลีกสินค้าอาหารเอเชียไม่ได้รับผลกระทบใดๆและสามารถขยายตัวได้เป็นอย่างดีเนื่องมาจากเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม&nbsp; &nbsp;ดังเช่น ห้าง&nbsp;Tangs Frères&nbsp;เจ้าของธุรกิจค้าปลีกและผู้นำเข้าสินค้าเอเชียรายใหญ่ของฝรั่งเศส (10&nbsp;สาขาทั่วประเทศ) เติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังสถานการณ์โควิดจากผลประกอบการมูลค่า 174 ล้านยูโรในปี 2020 เป็น 300 ล้านยูโรในปี 2024 &nbsp;เนื่องมาจากการทำตลาดผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆและการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง &nbsp;แสดงให้เห็นว่าสินค้าอาหารเอเชียยังมีโอกาสเติบโตทางการค้าได้อีกเป็นอย่างมากในประเทศฝรั่งเศสที่มาของข่าวNinon Renaudข้อมูลจาก&nbsp;Les Echos&nbsp;https://www.lesechos.fr/industrie-services/conso-distribution/leclerc-carrefour-intermarche-auchan-la-bataille-des-parts-de-marche-sintensifie-2171984

ฝรั่งเศส

thumbnail_ห้างฝรั่งเศสแข่งขันกันดุเดือด.jpg

ห้างฝรั่งเศสแข่งขันกันดุเดือด.jpg

สคต. ณ กรุงปารีส (ฝรั่งเศส)

ห้างค้าปลีกฝรั่งเศสแข่งขันกันดุเดือด 

สคต. บูดาเปสต์ - ประเทศในคาบสมุทรบอลข่านกับตลาดใหม่พร้อมรับการค้าเสรีมากขึ้น.pdf

small_budapest-header-jun2025-02.jfif

thumbnail_budapest-header-jun2025-02.jfif

budapest-header-jun2025-02.jfif

สคต. ณ กรุงบูดาเปสต์ (ฮังการี)

ประเทศในคาบสมุทรบอลข่านกับตลาดใหม่พร้อมรับการค้าเสรีมากขึ้น

&nbsp;<figure class="image"><img alt="Info June BRI in SERBIA .jpg" src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Info_June_BRI_in_SERBIA_6ba391dc1e.jpg" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Info_June_BRI_in_SERBIA_6ba391dc1e.jpg 62w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Info_June_BRI_in_SERBIA_6ba391dc1e.jpg 200w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Info_June_BRI_in_SERBIA_6ba391dc1e.jpg 300w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/large_Info_June_BRI_in_SERBIA_6ba391dc1e.jpg 768w" sizes="100vw" width="768"></figure>

ฮังการี

medium_budapest-header-jun2025-01.jpg

small_budapest-header-jun2025-01.jpg

thumbnail_budapest-header-jun2025-01.jpg

budapest-header-jun2025-01.jpg

BRI ในเซอร์เบีย โอกาสพัฒนาที่มาพร้อมกับความเสี่ยง

เยอรมนี

medium_แนวโน้มสินค้าจากเยอรมนี_20250630.jpg

small_แนวโน้มสินค้าจากเยอรมนี_20250630.jpg

thumbnail_แนวโน้มสินค้าจากเยอรมนี_20250630.jpg

แนวโน้มสินค้าจากเยอรมนี_20250630.jpg

สคต. ณ กรุงเบอร์ลิน (เยอรมนี)

Lidl รุ่ง...ขยายกองเรือคอนเทนเนอร์ของตัวเอง

กิจกรรมจำหน่ายสินค้า Hot Sale ในปี 2568 แซงหน้าผลงาน ปี 2567 ด้วยยอดขาย 566 พันล้านเปโซอาร์เจนตินา (ประมาณ 472 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับ กิจกรรมเดียวกันในปี 2567 ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ร้อยละ 47 นอกจากนี้ กิจกรรมจำหน่ายสินค้าออนไลน์ Hot&nbsp;Sale 2568 ที่จัดโดยหอการค้าอิเล็กทรอนิกส์แห่งอาร์เจนตินา (CACE-Cámara Argentina de Comercio Electrónico) ซึ่งรวบรวม บริษัทต่างๆ กว่าพันแห่งทั่วประเทศอาร์เจนตินาเข้าด้วยกัน สามารถทำยอดจำหน่ายกว่า 11,141,268 รายการ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 9) โดยมียอดสั่งซื้อต่อใบเสร็จเฉลี่ยอยู่ที่ 97,294 เปโซอาร์เจนตินา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 หรือ ประมาณ 81 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)ตามข้อมูลการจัดกิจกรรม Hot Sale 2568 พบว่า 10 อันดับหมวดหมู่ที่มียอดขายสูงสุด ได้แก่ (1) เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศ (2) โทรศัพท์มือถือ (3) ชุดกีฬา (4) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาทิ เครื่องเสียง วีดีโอ และ โทรทัศน์&nbsp;(5) คอมพิวเตอร์ (6) การเดินทางและการท่องเที่ยว (7) เครื่องมือและการก่อสร้าง (8) ที่นอน (9) เสื้อผ้า ที่ไม่ใช่ชุดกีฬา และ (10) อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้นในแง่ของบัญชีผู้ใช้งาน มีบัญชีผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคนเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกิจกรรม Hot Sale 2568 โดยช่วงอายุบัญชีผู้ใช้งานที่มีจำนวนสูงสุดคือ (1) ผู้ที่มีอายุระหว่าง 45 ถึง 54 ปี (2) ผู้ที่มีอายุ มากกว่า 65 ปี และ (3) ผู้ที่มีอายุระหว่าง 25 ถึง 34 ปีบทวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศ ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งให้กับอาร์เจนตินา โดยในปี 2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม อาร์เจนตินานำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศจากทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 96 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประเทศที่อาร์เจนตินานำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) จีน ร้อยละ 78 (2) บราซิล ร้อยละ 8 และ (3) ไทย ร้อยละ 5 มีภาษีนำเข้าเครื่องปรับอากาศ อยู่ที่ร้อยละ 12.6-20&nbsp;ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะอาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในประเทศที่การซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีความสำคัญ เป็นอย่างมากสำหรับชีวิตประจำวันของผู้คน ซึ่งเห็นได้จากกิจกรรมจำหน่ายสินค้าออนไลน์ Hot Sale ที่ประสบ ความสำเร็จในด้านยอดขาย ตัวเลข โปรโมชั่นและส่วนลดที่หลากหลาย รวมถึงปริมาณสินค้าที่มีการซื้อขาย โดยช่องทางจำหน่ายออนไลน์มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ สำหรับใช้ใน ครัวเรือนในแต่ละวัน ตั้งแต่เทคโนโลยีไปจนถึงเครื่องสำอาง&nbsp;และอาหาร เป็นต้น&nbsp;ภายในกิจกรรมจำหน่ายสินค้า ออนไลน์ Hot Sale 2568 นี้ จะเห็นได้ว่ายอดขายทั้งจำนวนและยอดสั่งซื้อยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภค&nbsp;หลายรายใช้ประโยชน์จากส่วนลดภายในกิจกรรมเพื่อวางแผนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องปรับอากาศ เป็นต้นกิจกรรมจำหน่ายสินค้าออนไลน์&nbsp; Hot Sale&nbsp;ถือเป็นกิจกรรมซื้อขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าไทยเป็น อย่างมาก เนื่องจากกิจกรรมจำหน่ายสินค้าออนไลน์ Hot Sale ทำให้ผู้บริโภคอาร์เจนตินาสามารถวางแผนการ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ เช่น หมวดผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ ซึ่งประเทศไทยเป็น หนึ่งใน ประเทศที่เป็นบริษัทผู้ผลิต/ผู้ส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและส่วนประกอบที่มีความสำคัญเป็น อย่างมากให้กับบริษัทผู้นำเข้าอาร์เจนตินา เมื่อพิจารณาถึงประเทศอื่นๆ ที่เป็นผู้ส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใน บ้านประเทศไทยไม่สามารถขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ให้กับผู้บริโภคชาวอาร์เจนตินาได้โดยตรง บริษัทผู้ผลิต/ ผู้ส่งออกไทยจึงควรเน้นการกระชับความสัมพันธ์กับบริษัทผู้นำเข้าอาร์เจนตินาผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดย&nbsp;สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส&nbsp;อาทิ&nbsp;กิจกรรมจับคู่เจรจาการค้ารูปแบบออนไลน์ OBM (Online Business Matching) เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากสำหรับนักธุรกิจในท้องถิ่นใน อาร์เจนตินา ที่มา: https://www.lanacion.com.ar/economia/la-facturacion-del-hot-sale-llego-a-566000-millones-nid18052025/ - “Hot Sale revenue reached ARS 566 billion”, by La Nación, June 23rd 2025.<h1 style="background-color:white;line-height:21.0pt;margin:0cm 0cm .0001pt;">------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</h1>สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา

อาร์เจนตินา

medium_22.png

small_22.png

thumbnail_22.png

22.png

สคต. ณ กรุงบัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา)

ปี 2568 ยอดขายสินค้าในกิจรรม Hot Sale เพิ่มขึ้นร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับปี 2567

รัฐบาลอาร์เจนตินาชุดปัจจุบันภายใต้การบริหาร ของประธานาธิบดี นาย Javier Milei ยืนยันจะเดิน หน้าปรับลดภาษีนำเข้าโทรศัพท์มือถือ มาตรการ ดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้ (1) การ ปรับลดครั้งแรกจะเกิดขึ้นภายในสัปดาห์ที่ 2 ของ เดือนมิถุนายน 2568 โดยปรับลดลงจากร้อยละ 16 เหลือเพียงร้อยละ 8 &nbsp;และ (2) การปรับลดครั้งที่สองจะเริ่มต้นในวันที่ 15 มกราคม 2569 ซึ่งจะทำให้ภาษีนำเข้า โทรศัพท์มือถือของอาร์เจนตินาลดลงเหลือเพียง ร้อยละ 0 รัฐบาลอาร์เจนตินายังมีการประกาศอีกว่าภาษีภายใน ประเทศสำหรับโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และเครื่องปรับอากาศที่มาจากการนำเข้าจะลดลงจากร้อยละ 19 เหลือ เพียงร้อยละ 9.5 และสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าที่ผลิตในจังหวัด Tierra del Fuego ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินา จะ ลดลงจากร้อยละ 9.5 เหลือเพียงร้อยละ 0 &nbsp;นอกจากนี้ยังมีการตัดสินใจลดภาษีนำเข้าคอนโซลอย่าง Playstation และ Xbox จากร้อยละ 35 เหลือเพียงร้อยละ 20 อีกด้วย&nbsp;การประกาศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนเศรษฐกิจของฝ่ายบริหารอาร์เจนตินา ซึ่งมุ่งหวังที่จะส่งเสริมการ ยกเลิกกฎระเบียบการควบคุมตลาด ส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้ผลิตและผู้นำเข้า และลดราคาขายโทรศัพท์ มือถือในตลาดภายในประเทศ โดยคาดการณ์ว่าหากรวมการลดภาษีนำเข้าดังกล่าวแล้ว ราคาผลิตภัณฑ์ อิเล็กทรอนิกส์ที่อาร์เจนตินานำเข้าจะลดลงอย่างน้อยร้อยละ 30 ซึ่งจะทำให้อาร์เจนตินาทัดเทียมกับประเทศ เพื่อนบ้านอื่นๆ&nbsp;บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทยสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศ ประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิต/ผู้ส่งออกรายใหญ่รายหนึ่งให้กับอาร์เจนตินา โดยในปี 2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน อาร์เจนตินานำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศจากทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งประเทศที่อาร์เจนตินานำเข้าผลิตภัณฑ์สินค้าเครื่องปรับอากาศมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ (1) จีน ร้อยละ 78 (2) บราซิล ร้อยละ 8 และ (3) ไทย ร้อยละ 5 มีภาษีนำเข้าเครื่องปรับอากาศ อยู่ที่ร้อยละ 12.6-20&nbsp;ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการที่รัฐบาลอาร์เจนตินาภายใต้การบริหารของนาย Javier Milei ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาเตรียมปรับลดภาษี นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากร้อยละ 16 เหลือเพียงร้อยละ 0 ใน 2 ขั้นตอนนั้นจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์สินค้า อิเล็กทรอนิกส์ในอาร์เจนตินาลดลง เนื่องจากเป็นแนวคิดสนับสนุนเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนภายในอาร์เจนตินา เข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านในราคาที่ถูกลง นอกจากนี้ภาษีภายในประเทศสำหรับโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ และเครื่องปรับอากาศที่อาร์เจนตินานำเข้าจะถูกปรับลดจากร้อยละ 19 เหลือเพียง ร้อยละ 9.5 เพื่อกระตุ้นให้อาร์เจนตินาเกิดการนำเข้า ส่วนภาษีภายในประเทศสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิต ทางตอนใต้ของอาร์เจนตินาจะถูกปรับลดจากร้อยละ 9.5 เหลือเพียงร้อยละ 0 และภาษีนำเข้าเครื่องเล่นวิดีโอเกม จะถูกปรับลดจากร้อยละ 35 เหลือเพียงร้อยละ 20&nbsp;ข่าวนี้มีความสำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าเพื่อการบริโภคจำนวนมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น และประเทศไทยก็เป็นผู้จัดหาชิ้นส่วนและส่วนประกอบให้กับผู้ผลิตในท้องถิ่นของอาร์เจนตินามาโดยตลอด โดยในปี 2567 อาร์เจนตินามีการคาดการณ์ว่าอาร์เจนตินาจะสามารถผลิตโทรทัศน์ได้ประมาณ 2.8 ล้านเครื่อง เครื่องปรับอากาศ 1 ล้านเครื่อง โทรศัพท์มือถือ 10.3 ล้านเครื่อง และเครื่องซักผ้า 1.1 ล้านเครื่อง ซึ่งอาร์เจนตินา ต้องนำเข้าชิ้นส่วนและส่วนประกอบจากต่างประเทศ ด้วยสถานการณ์การนำเข้าในปัจจุบันของอาร์เจนตินาและ การที่รัฐบาลอาร์เจนตินาสนับสนุนการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ผลิต/ผู้ส่งออก ไทยที่จะใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปิดกว้างมากขึ้นในอาร์เจนตินา และส่งออกไม่เพียงแค่ ส่วนประกอบและปัจจัยการผลิตไปยังอาร์เจนตินาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอีกด้วย ที่มา: https://www.ambito.com/economia/el-gobierno-eliminara-completo-los-aranceles-la-importacion-celulares-televisores-y-consolas-videojuegos-n6144614/ - “The government will completely eliminate import tariffs on cell phones, televisions, and video game consoles.”, by Ámbito, June 9th 2025.<h1 style="background-color:white;line-height:19.0pt;margin:0cm 0cm .0001pt;">------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------</h1>สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส สาธารณรัฐอาร์เจนตินา

small_1.png

thumbnail_1.png

1.png

อาร์เจนตินาเตรียมปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

อินเดียเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเภสัชกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ ด้วยโครงการ PRIP มูลค่า 5,000 โครว์ &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้ประกาศโครงการ Promotion of Research and Innovation in Pharma‑MedTech (PRIP) ด้วยการจัดสรรงบประมาณรวม 5,000 โครว์อินเดีย (หรือประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ) โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงนวัตกรรมในอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ ทั้งนี้ เป้าประสงค์หลักของโครงการได้ครอบคลุมประเด็น การเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมจากผลิตยาสามัญ (generic drugs) ไปสู่การพัฒนายาที่ผ่านการจดสิทธิบัตร ชีวเภสัชภัณฑ์ และอุปกรณ์การแพทย์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนวิจัยจากทั้งภายในและต่างประเทศกว่า 2.04 พันล้านเหรียญสหรัฐ (17,000 โครว์อินเดีย) ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางคลินิก การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการวิจัยร่วมกับต่างชาติ &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;อินเดียเผชิญความท้าทายจากการพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์มากกว่า 80% โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องมือวินิจฉัย อุปกรณ์สำหรับการถ่ายภาพทางเทคนิค และศัลยกรรม ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสิงคโปร์ อีกทั้งยังขาดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนายาขั้นสูง ทั้งในด้านการทดสอบทางชีวภาพ การพัฒนายาต้นแบบ และเทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตร ทำให้ต้องพึ่งพาความร่วมมือและโครงสร้างพื้นฐานจากต่างประเทศ โครงการ PRIP จึงถูกออกแบบขึ้นเพื่อลดการพึ่งพาด้านการนำเข้าดังกล่าว โดยส่งเสริมการลงทุนร่วมจากบริษัทต่างชาติ การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการทดลองทางคลินิก พร้อมทั้งผลักดันให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการวิจัยระดับโลกในด้านยารักษาโรคมะเร็ง อุปกรณ์วินิจฉัย และชีวเภสัชภัณฑ์&nbsp; สำหรับโครงการ PRIP มีงบประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นกลุ่มแรกประมาณ 84 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence – CoEs) จำนวน 7 แห่ง ภายใต้ National Institute of Pharmaceutical Education &amp; Research (NIPER) และอีกประมาณ 516 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับสนับสนุนโครงการวิจัยใน 6 สาขาหลัก ได้แก่ สารออกฤทธิ์ใหม่ (NCE &amp; NBEs) ยาสามัญซับซ้อนและไบโอซิมิเลอร์ ยารักษาโรคที่แม่นยำ (Precision Medicine) อุปกรณ์การแพทย์ ยากำพร้า(Orphan Drugs) และยาต้านเชื้อดื้อยา (AMR) โดยได้เปิดรับข้อเสนอโครงการ จากสตาร์ทอัป MSMEs บริษัท และสถาบันวิจัยที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ในช่วงเดือนมีนาคม–เมษายน 2568<figure class="image image_resized" style="width:42.19%;"><img src="https://files-website.ditp.go.th/uploads/Picture2_8b5e470065.png" alt="Picture2.png" srcset="https://files-website.ditp.go.th/uploads/thumbnail_Picture2_8b5e470065.png 245w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/small_Picture2_8b5e470065.png 500w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/medium_Picture2_8b5e470065.png 750w, https://files-website.ditp.go.th/uploads/large_Picture2_8b5e470065.png 1920w" sizes="100vw" width="1920"></figure>ข้อมูลเพิ่มเติม&nbsp; 1.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สถิติการนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์ของอินเดียช่วงไตรมาสแรกปี 2568 (ม.ค.–มี.ค.) อินเดียมีการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 901890) รวมมูลค่ากว่า 87.19 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 33.32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นคู่ค้านำเข้าอันดับหนึ่งด้วยมูลค่า 22.79 ล้านเหรียญสหรัฐครองส่วนแบ่งตลาด 26.14% ตามด้วย จีน (14.68 ล้านเหรียญสหรัฐ, 16.83%) และ เยอรมนี (14.35 ล้านเหรียญสหรัฐ, 16.46%) ขณะที่ ไทย อยู่ในอันดับที่ 23 แม้มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 0.42% แต่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 3,476% จากปี 2023 เดิมมีมูลค่า 10,174 เหรียญสหรัฐ เป็น 363,817 เหรียญสหรัฐ ในปี 2024 สะท้อนถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการขยายตลาดอุปกรณ์การแพทย์ของไทยในอินเดีย โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เน้นต้นทุนด้านความคุ้มค่าและนวัตกรรมเฉพาะทาง2.&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สหรัฐอเมริกายังคงเป็นพันธมิตรหลักของอินเดียในด้านอุปกรณ์การแพทย์ ในเชิงมูลค่าการนำเข้าและเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่จีนและเยอรมนียังคงรักษาความได้เปรียบในเชิงปริมาณและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการแพทย์เฉพาะทาง สำหรับประเทศไทย ไต้หวัน และสวิตเซอร์แลนด์ แม้จะอยู่ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกอันดับรองลงมา แต่มีจุดแข็งเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่า เช่น อุปกรณ์วินิจฉัย สมุนไพรทางการแพทย์ และเครื่องมือที่ใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสในการขยายตลาดผ่านความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและนวัตกรรมต้นทุนต่ำ โอกาสของอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ไทยภายใต้โครงการ PRIP ของอินเดีย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.การร่วมทุนและวิจัยร่วม (Joint Ventures): บริษัทไทยในกลุ่มเภสัชภัณฑ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ (MedTech) สามารถจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับภาคเอกชนอินเดีย เพื่อวิจัยและพัฒนายาใหม่ๆ ระบบวินิจฉัยด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI Diagnostics) หรือยากลุ่มไบโอซิมิเลอร์ (biosimilars) &nbsp; &nbsp; 2.การถ่ายทอดเทคโนโลยี (Technology Transfers): ผู้ผลิตในไทยสามารถให้สิทธิการใช้เทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตร หรืออุปกรณ์การแพทย์ขั้นสูงแก่บริษัทในอินเดีย โดยใช้ประโยชน์จากเงินทุนสนับสนุนและโครงสร้างพื้นฐานภายใต้โครงการ PRIP &nbsp; &nbsp; &nbsp;3.การให้บริการด้านการวิจัยและทดลองทางคลินิก (Clinical Trials &amp; Contract Research): แม้อินเดียจะมุ่งพึ่งพาตนเองมากขึ้น แต่ยังมีแนวโน้มที่บริการเฉพาะทาง เช่น การยื่นขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยา การวิเคราะห์ทางชีวสถิติ และวิจัยโดยใช้ AI อาจถูกจ้างเหมาไปยังบริษัทต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญ 4.การจัดหาวัตถุดิบและเครื่องมือเฉพาะทาง (Raw Materials &amp; Specialty Equipment): อินเดียยังจำเป็นต้องนำเข้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการ อุปกรณ์ไมโครฟลูอิดิก ชิปวินิจฉัยชีวภาพ วัตถุดิบทางชีวภาพ และบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง ซึ่งล้วนเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้จัดจำหน่ายจากต่างประเทศ รวมถึงไทย ข้อคิดเห็น &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; ในปี 2568 อินเดียพร้อมเดินหน้าเพื่อเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายผ่านโครงการ PRIP ซึ่งไม่ได้จำกัดอยู่ที่การลดการนำเข้า แต่มีเป้าหมายเชิงรุกในการยกระดับประเทศสู่ศูนย์กลางการค้นคว้าเวชภัณฑ์ยาและการวิจัย MedTech ระดับโลก แม้ประเทศจะมีเป้าหมายให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตนเอง แต่อินเดียยังคงนำเข้าเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญต่อปี โดยยังมีการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก อาทิ สหรัฐฯ เยอรมนี และจีน ขณะเดียวกัน ไทยยังคงมีบทบาทสำคัญในฐานะคู่ค้า อันดับที่ 10 มีมูลค่าส่งออกประมาณ 530 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2567 &nbsp;โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์วินิจฉัยราคาประหยัด สมุนไพร และเวชภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสเชิงกลยุทธ์ในตลาดที่ยังต้องพึ่งพาเครื่องมือเฉพาะทาง ข้อมูลคลินิก และเทคโนโลยีที่สงวนลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ ภายใต้โครงการ PRIP ของอินเดีย อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยมีโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือผ่านการร่วมทุนด้านการวิจัยยาใหม่และ AI วินิจฉัยโรค การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่มีสิทธิบัตร การให้บริการวิจัยและการทดลองทางคลินิกแบบจ้างเหมา ตลอดจนการส่งออกวัตถุดิบชีวภาพ อุปกรณ์เฉพาะทาง และบรรจุภัณฑ์คุณภาพสูง ซึ่งล้วนสอดคล้องกับเป้าหมายของอินเดียในการยกระดับตนเองสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลกที่มา: 1.https://wits.worldbank.org/trade/comtrade/en/country/IND/year/2023/tradeflow/Imports/partner/ALL/product/901890#&nbsp; 2.https://pharma-dept.gov.in/prip/ 3. https://economictimes.indiatimes.com/opinion/et-commentary/go-on-pop-the-innovation-pill-5000-cr-push-signals-indias-shift-from-copy-to-create/articleshow/122032692.cms?from=mdr &nbsp;

อินเดีย

19410-243 สรุปข่าวเด่นรายสัปดาห์ - สคต.มุมไบ ประจำวันที่ 30 มิถุนายน- 4 กรกฎาคม 2568  (2).pdf

thumbnail_Picture1- med apparatus.jpg

Picture1- med apparatus.jpg

สคต. ณ เมืองมุมไบ (อินเดีย)

อินเดียเร่งขับเคลื่อนนวัตกรรมทางเภสัชกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ ด้วยโครงการ PRIP มูลค่า 5,000 โครว์

Fact Sheet Sri Lanka  2025.pdf

thumbnail_statistic-png-7.png

statistic-png-7.png

FACT SHEET SRI LANKA MAY 2025

Factsheet Bangladesh  2025.pdf

FACT SHEET BANGLADESH MAY 2025

Fact Sheet India 2025.pdf

FACT SHEET INDIA MAY 2025

Factsheet sout asia 2025.pdf

FACT SHEET SOUTH ASIA MAY 2025

เกาหลีใต้

ตลาดของเล่นในเกาหลีใต้และโอกาสของสินค้าไทย.pdf

small_Toys Market.JPG

thumbnail_Toys Market.JPG

Toys Market.JPG

สคต. ณ กรุงโซล (สาธารณรัฐเกาหลี)

ตลาดของเล่นในเกาหลีใต้และโอกาสของสินค้าไทย

องค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ (Knowledge of international trade)