fb
อู่ฮั่นเปิด Duty Free แห่งแรก
โดย
napalaic@ditp.go.th
ลงเมื่อ 27 มิถุนายน 2568 15:00
13

วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) ในเมืองอู่ฮั่นได้เปิดทดลองให้บริการ นับว่าเป็นร้านค้าปลอดภาษีแห่งแรกของเมืองอู่ฮั่น และเป็นร้านแห่งใหม่แห่งแรกของจีนที่เปิดขึ้นหลังจากการออกนโยบายใหม่ด้านร้านค้าปลอดภาษีของรัฐ ร้านค้าปลอดภาษีแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจ มีพื้นที่ประมาณ 1,200 ตารางเมตร จัดจำหน่ายสินค้าครอบคลุมหลายประเภท อาทิ เครื่องสำอางนำเข้าปลอดภาษี ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล 3C (Computer, Communication, Consumer Electronics) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องประดับ เป็นต้น เจ้าหน้าที่สำนักงานกำกับดูแลด่านศุลกากรอู่ฮั่นระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการดำเนินการจัดเก็บสินค้านำเข้าปลอดภาษีล็อตแรกเข้าคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สินค้าทั้งสิ้น 8,200 ชิ้น ครอบคลุม 28 หมวดหมู่ รวมมูลค่ากว่า 5.1 ล้านหยวน เพื่อตอบสนองความต้องการในการบริโภคที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก

เพื่อสนับสนุนโครงการร้านค้าปลอดภาษีในเมืองแห่งแรกของอู่ฮั่น ศุลกากรอู่ฮั่นได้เชื่อมโยงกับความต้องการของภาคธุรกิจในเชิงรุก จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ประสานงานการวางแผน จัดวางผัง และก่อสร้างคลังสินค้าควบคุมและจุดรับสินค้า ตลอดจนเร่งรัดขั้นตอนการเดินเรื่องก่อนเปิดดำเนินการให้คืบหน้า ในส่วนของการดำเนินพิธีการศุลกากรและนำสินค้าเข้า-ออกคลัง จะดำเนินการกับสินค้าปลอดภาษีด้วยแนวทาง “สำแดงปุ๊บ ตรวจสอบปั๊บ ปล่อยของทันที” ในส่วนของโลจิสติกส์ก็จะช่วยเหลือภาคธุรกิจในการจัดระบบเส้นทางการขนส่งสินค้าปลอดภาษีระหว่างร้านค้า คลังสินค้า และจุดรับสินค้า รวมถึงกำหนดจุดสำคัญในการบริหารจัดการ ในส่วนของการจำหน่าย ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบตรวจสอบข้อมูลประจำตัวของนักท่องเที่ยวแบบใหม่ พร้อมดำเนินการเปรียบเทียบข้อมูลแบบอัจฉริยะไปพร้อมกัน ขณะเดียวกันยังได้จัดอบรมเกี่ยวกับนโยบายการกำกับดูแลของศุลกากร และดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับการต่อต้านการลักลอบนำเข้าสินค้า เพื่อช่วยส่งเสริมให้ร้านค้าปลอดภาษีในเมืองสามารถดำเนินงานได้อย่างถูกต้อง “โดยไร้ช่องโหว่” และการขนส่งโลจิสติกส์สามารถดำเนินการได้ “โดยความล่าช้าเป็นศูนย์”

ทั้งนี้ โครงการร้านค้าปลอดภาษีในเมืองในหลายพื้นที่ต่างเร่งดำเนินการด้วยแรงหนุนจากนโยบาย ตลาดปลอดภาษีในจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยร้านค้าปลอดภาษีภายในเมืองกลายเป็นศูนย์กลางการเติบโตที่โดดเด่น สะท้อนให้เห็นถึงกระแสการบริโภคสินค้าปลอดภาษีที่กำลังเติบโต ในฐานะช่องทางการช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ ร้านค้าปลอดภาษีในเมืองกำลังกลายเป็นกลไกใหม่ในการกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ ด้วยข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งในย่านศูนย์กลางการค้า การมีสินค้าที่หลากหลาย และสิทธิประโยชน์จากนโยบายปลอดภาษี ร้านค้าปลอดภาษีในเมืองไม่เพียงแต่เปิดช่องทางการจับจ่ายรูปแบบใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังเป็นเวทีใหม่ให้กับแบรนด์ในประเทศเพื่อขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วยเช่นกัน

ในแง่ขนาดตลาด การผ่อนปรนนโยบายปลอดภาษี (เช่น อนุญาตให้ซื้อสินค้าก่อนออกนอกประเทศ 60 วัน) ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายสินค้าเติบโตอย่างมั่นคง ในแง่ความนิยม สินค้าคุณภาพสูงอย่างเครื่องสำอาง สินค้าฟุ่มเฟือย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นที่ต้องการของทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวเมือง การช็อปปิงที่สะดวก และราคาที่ได้เปรียบ ยิ่งช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อ

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่เข้มข้น ร้านค้าปลอดภาษีในเมืองยังเผชิญความท้าทายในการกระจายกลุ่มรูปแบบร้านค้า อาทิ อีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนที่มีราคาโปร่งใส การดำเนินธุรกิจแบบหยั่งรากลึกในตลาดท้องถิ่นของห้างสรรพสินค้าแบบดั้งเดิม รวมถึงร้านค้าปลอดภาษีบนเกาะ (เช่น เกาะไห่หนาน) ร้านค้าปลอดภาษีที่จุดผ่านแดน เป็นต้น

เพื่อรับมือกับการแข่งขัน ผู้เชี่ยวชาญจึงเสนอว่า ควรมีการรปรับปรุงคุณภาพบริการ เช่น ใช้ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อเสนอสินค้าและบริการแบบเฉพาะบุคคล จัดตั้งทีมบริการหลังการขายที่มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อยกระดับประสบการณ์หลังการซื้อ นอกจากนี้ยังควรให้ความสำคัญกับการตลาดและประชาสัมพันธ์ เช่น ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ท่องเที่ยว และแพลตฟอร์ม OTA (Online Travel Agency) เพื่อสร้างการรับรู้ในระดับสากล ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรีวิวหรือแชร์ประสบการณ์ผ่านสื่อโซเชียล อีกทั้งยังสามารถร่วมมือกับโรงแรม สายการบิน และสถานที่ท่องเที่ยว จัดแคมเปญการตลาดร่วมกันให้การช็อปปิงในร้านค้าปลอดภาษีกลายเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจท่องเที่ยว นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมในการช็อปปิงที่ดีจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อ เช่น ร้านค้าปลอดภาษีในเมืองควรผสมผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น จัดแสดงงานฝีมือพื้นบ้าน การแสดงศิลปะท้องถิ่น เพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการช็อปปิง ควบคู่กับการให้บริการจ่ายเงินที่สะดวก การคืนภาษีที่รวดเร็วและง่ายต่อการดำเนินการ

อย่างไรก็ดี นโยบายการกระตุ้นการบริโภคผ่านร้านค้าปลอดภาษีของจีน ถือเป็นโอกาสของสินค้าไทย ที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในจีน โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีไทย–จีน (FTA) ช่วยให้สินค้าส่วนใหญ่ของไทยสามารถส่งออกไปจีนโดยปลอดภาษีหรือภาษีต่ำ ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิประโยชน์นี้ร่วมกับระบบร้านค้าปลอดภาษีของจีน เพื่อเพิ่มความได้เปรียบด้านราคาและขยายตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคจีน

 

ผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และแนวทางการปรับตัวของภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไทย

การขยายตัวของร้านค้าปลอดภาษีในเมืองหลักของจีน อาทิ อู่ฮั่น ภายใต้นโยบายส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศของรัฐบาลจีน ถือเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับประเทศไทย เนื่องจากเปิดช่องทางใหม่ในการจำหน่ายสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนโดยตรง ผ่านระบบภาษีที่เอื้อต่อการแข่งขัน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าพรีเมียม เช่น เครื่องสำอาง อาหารสุขภาพ และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ซึ่งมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่มสูง

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการนำสินค้าไทยเข้าจำหน่ายในร้านค้าปลอดภาษีของจีน ต้องดำเนินการผ่านบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าปลอดภาษี (免税经营许可证จากกรมศุลกากรจีน (China Customs) สินค้าต้องเป็นสินค้าที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าภายใต้ระเบียบการค้าปลอดภาษี และต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับอาหารและสินค้าเกษตร หรือ สินค้าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สุขภาพ และสินค้าจะต้องมีฉลากภาษาจีน รวมถึงเอกสารประกอบการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบการนำเข้าของจีน

ทั้งนี้ ภาครัฐควรดำเนินมาตรการเชิงรุกในการส่งเสริมการส่งออกสินค้าผ่านระบบปลอดภาษี ด้วยการเจรจาและอำนวยความสะดวกด้านพิธีการศุลกากร สนับสนุนองค์ความรู้ด้านมาตรฐานสินค้าและการบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนสนับสนุนการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้นำเข้าจีน

ในขณะเดียวกันภาคเอกชนและผู้ประกอบการไทยควรเร่งปรับตัวโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความแตกต่าง อาทิ สินค้าที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย และสื่อสารแบรนด์ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เข้าถึงผู้บริโภคจีนโดยตรง อาทิ แพลตฟอร์ม WeChat, RedNote (Xiaohongshu) และ Douyin (Tiktok) พร้อมทั้งเสริมสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในจีนเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในห่วงโซ่อุปทาน การส่งออกภายใต้บริบทใหม่นี้จะต้องเน้นทั้งมูลค่าเชิงเศรษฐกิจและมูลค่าเชิงวัฒนธรรมควบคู่กันไปเพื่อสร้างแต้มต่อในการแข่งขันระยะยาว

 

 

 

ที่มา

http://www.customs.gov.cn/customs/xwfb34/302425/sygdtp/6553761/index.html

https://finance.sina.com.cn/jjxw/2025-06-04/doc-ineywwwe4445474.shtml

 

จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว

27 มิถุนายน 2568

Share :
Instagram