มหกรรมงานแสดงสินค้า Salone Internazionale del Mobile 2025 ครั้งที่ 63 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Salone del Mobile 2025 กลับมาเป็นศูนย์กลางของวงการออกแบบระดับนานาชาติอีกครั้งในปี 2568 โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-13 เมษายน ณ ศูนย์แสดงสินค้า Rho Fiera เมืองมิลาน งานนี้เป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และผู้ประกอบการได้พบปะ แลกเปลี่ยนแนวคิด และสร้างสรรค์โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยในปี 2568 จัดแสดงบนพื้นที่ 169,000 ตารางเมตร มีการแบ่งพื้นที่อาคารแสดงสินค้าทั้งหมด 16 อาคาร มีผู้เข้าร่วมงาน (Exhibitor) กว่า 2,103 บริษัท (38% จากต่างประเทศ) จาก 37 ประเทศ รวมทั้งไทย มีผู้เข้าชมงาน (visitor) 302,548 คนจาก 151 ประเทศทั่วโลก (68% จากต่างประเทศ) ในปีนี้ มีผู้เข้าชมงานจากต่างประเทศที่มากที่สุด 15 อันดับแรก ได้แก่ จีน (6.5%) เยอรมนี (3.5%) สเปน (3.2%) โปแลนด์ (3.1%) บราซิล (3%) รัสเซีย (3%) ฝรั่งเศส (2.8%) สหรัฐอเมริกา (2.6%) อินเดีย (2.2%) สวิตเซอร์แลนด์ (2.1%) ตุรกี (2%) สหราชอาณาจักร (1.7%) ญี่ปุ่น (1.6%) ยูเครน (1.5%) และโรมาเนีย (1.3%)
นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2504 งาน Salone del Mobile ได้กลายเป็นเวทีที่นำเสนอนวัตกรรมล่าสุดในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบภายใน โดยรวบรวมผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านความสวยงาม ฟังก์ชัน เทคโนโลยี และวัสดุ ทุกปี งานนี้ทำหน้าที่เสมือนห้องทดลองด้านความคิดสร้างสรรค์และแพลตฟอร์มสำหรับการผสมผสานแนวคิดใหม่ๆ ตอบโจทย์เทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไปของการใช้ชีวิตและการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัย Salone del Mobile 2025 จึงเป็นเวทีที่เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในแวดวงเฟอร์นิเจอร์ ครอบคลุมพื้นที่ภายในบ้านทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน รวมถึงเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้ง โต๊ะ เก้าอี้ และโซฟา ซึ่งจะสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์และแนวคิดใหม่ของการอยู่อาศัย
ธีมหลักของ Salone del Mobile ปีนี้คือ “Thought for Humans” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากผลงานของช่างภาพชาวนิวยอร์ก บิลล์ เดอร์กิน (Bill Durgin) ผู้ถ่ายทอดแนวคิดนี้ผ่านภาพถ่ายที่ใช้เป็นโปสเตอร์ของงาน โดยเดอร์กินกล่าวว่า “Thought for Humans” สะท้อนแก่นแท้ของการออกแบบที่ดี ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความงาม แต่ยังเติมเต็มประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การเคลื่อนไหวในพื้นที่ ไปจนถึงช่วงเวลารอบโต๊ะอาหารกับครอบครัว นักออกแบบต้องศึกษาและเข้าใจสรีระ การเคลื่อนไหว และพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อพัฒนางานออกแบบที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นและสอดคล้องกับการใช้ชีวิตของเราอย่างแท้จริง
งาน Salone del Mobile 2025 ได้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 6 ส่วนหลัก ได้แก่
1. Salone Internazionale del Mobile เป็นศูนย์กลางของแนวคิดสร้างสรรค์ด้านเฟอร์นิเจอร์
2. International Furnishing Accessories Exhibition นำเสนอองค์ประกอบที่เติมเต็มบรรยากาศบ้าน
3. Workplace 3.0 มุ่งเน้นการออกแบบพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นและตอบรับวิถีการทำงานยุคใหม่
4. S.Project รวบรวมแนวทางตกแต่งภายในที่ผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ อย่างลงตัว
5. Euroluce เป็นเวทีนำเสนอนวัตกรรมแสงสว่างระดับสากล ซึ่งปีนี้ได้เปิดตัว The Euroluce International Lighting Forum เป็นครั้งแรก
6. SaloneSatellite เป็นเวทีสำคัญสำหรับนักออกแบบรุ่นใหม่ที่ต้องการก้าวสู่เวทีโลก
โนโอกาสนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน ร่วมกับสำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ นำผู้ประกอบการภายใต้โครงการพัฒนาสินค้าและเจาะตลาด Hospitality (Host & Home) ในอิตาลี ปี 2025 เข้าร่วมงานแสดงสินค้าครั้งนี้ด้วย โดยมุ่งเจาะตลาดธุรกิจโรงแรมและที่พักอาศัย เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าการส่งออกและขยายช่องทางการตลาดในรูปแบบใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน เน้นเจาะตลาดอิตาลีและตลาดยุโรป ซึ่งเป็นตลาดเป้าหมายที่มีศักยภาพ เป็นผู้นำเทรนด์สินค้าและความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งการเข้าร่วมงานครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 9 แล้ว (กรมฯ เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2558)
สำหรับคูหา Host & Home ในปี 2568 กรมฯ ได้เข้าร่วมในลักษณะคูหาประเทศไทย โดยตำแหน่งคูหาตั้งอยู่ที่คูหาเลขที่ D18 อาคาร 7 และอยู่ใกล้ทางเข้า-ออกหลักของศูนย์แสดงสินค้า มีขนาดพื้นที่ 200 ตารางเมตร (ขยายพื้นที่ขึ้นที่ 100 ตารางเมตร) การออกแบบคูหาไทยในครั้งนี้ ออกแบบโดยคุณมัตเตโอ รางยี่ (Mr. Matteo Ragni) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและนักออกแบบชาว อิตาเลียน ภายใต้แนวคิด “The Golden Age of Thai Soft Power” โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรมไทยดั้งเดิมผสมผสานกับความเรียบง่าย ซึ่งใช้โทนสีดำด้าน (Matt Black) และสีทอง เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและเรียบหรู มีเอกลักษณ์ในการดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น โดยได้มีการให้คำปรึกษาและพัฒนาสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการ 15 ราย เพื่อเตรียมตัวเข้าร่วมงานตั้งแต่ปี 2567 ก่อนที่จะนำผลงานทั้ง 15 บริษัทมาเข้าร่วมงาน Salone del Mobile ในปี 2568
โดยเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมคูหานิทรรศการของประเทศไทยภายในงาน เพื่อพบปะพูดคุยและให้กำลังใจผู้ประกอบการไทยทั้ง 15 รายที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ โดยแบรนด์ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ Touchable, Amo Arte, Thaniya, Deesawat และ Agal อีกทั้ง การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติครั้งนี้ นับเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยในอิตาลี พร้อมทั้งเปิดประตูสู่ตลาดยุโรปและตลาดโลก
ตลอดระยะเวลาการจัดแสดงงาน คูหาไทยได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องจากนักธุรกิจ นักออกแบบ สื่อมวลชน และผู้เข้าชมจากหลากหลายประเทศที่เดินทางมาร่วมงาน โดยเฉพาะผู้ที่ให้ความสนใจกับงานออกแบบระดับสากลและสินค้าจากเอเชีย คูหาของไทยได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น ทำให้สามารถดึงดูดสายตาผู้เข้าชมได้ตั้งแต่แรกเห็น นอกจากนี้ การออกแบบคูหายังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความประทับใจ ด้วยดีไซน์ที่ผสมผสานความเรียบหรูเข้ากับอัตลักษณ์ไทยผ่านองค์ประกอบทางศิลปะและวัฒนธรรมอย่างลงตัว ส่งผลให้คูหาไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดสนใจหลักของงานแสดงสินค้าครั้งนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่มีการออกคูหาในลักษณะ Country Pavilion ทำให้ตลอดทั้ง 6 วัน มีผู้เข้าชมคูหาไทยประมาณ 6,000 คน คาดการณ์ผลการเจรจาการค้ารวมภายในงานในปีนี้ประมาณ อยู่ที่ 935,736 เหรียญสหรัฐฯ
ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน
1. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านของไทย โดยได้นำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในงานแสดงสินค้า Salone del Mobile อย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ศักยภาพและสร้างการยอมรับในสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทย เพื่อนำไปสู่โอกาสทางการค้าในระดับสากล นอกจากนี้ งานดังกล่าวถือเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญแก่ผู้ประกอบการไทยในการศึกษาแนวโน้มสินค้า ความต้องการ และนวัตกรรมใหม่ๆ ของสินค้าและตลาดเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทยให้สอดคล้องกับความต้องการในตลาดโลกต่อไป
2. ผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไทยที่ต้องการบุกตลาดอิตาลี/ยุโรป จำเป็นต้องเข้าใจทั้งข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ ความต้องการของตลาด และระบบโลจิสติกส์ เฟอร์นิเจอร์ที่นำเข้าไปยังอิตาลีต้องเป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป (EU) โดยเฉพาะ กฎระเบียบว่าด้วยไม้ของสหภาพยุโรป (EUTR – EU Timber Regulation) และสำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบทางไฟฟ้า จำเป็นจะต้องมีเครื่องหมาย CE (European Conformity) ตามที่กำหนดโดยสหภาพยุโรปเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค
3. ความต้องการของผู้บริโภคชาวอิตาลีมุ่งเน้นไปที่ ดีไซน์แบบมินิมอล คุณภาพสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้วัสดุรักษ์โลกและได้รับการรับรอง FSC (Forest Stewardship Council) หรือ เครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ที่มาจากป่าเชิงพาณิชย์หรือป่าที่มีการจัดการดูแลอย่างรับผิดชอบ เป็นจุดขายสำคัญ อย่างไรก็ตาม การตั้งราคาที่แข่งขันได้ถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อิตาลีที่แข็งแกร่ง ในด้านโลจิสติกส์ การขนส่งทางเรือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด ในขณะเดียว การติดต่อหารือกับผู้จัดจำหน่ายในท้องถิ่นหรือการจัดจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Amazon Italy, Wayfair และ Maison du Monde สามารถช่วยขยายช่องทางการขายได้
4. อย่างไรก็ตาม ในปี 2568 เป็นปีที่มีความท้าทายเป็นอย่างมาก สำหรับอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านของไทยและทั่วโลก เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งของสงครามการค้าระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และรวมถึงหลายประเทศทั่วโลก จากมาตรการตอบโต้ภาษี (Reciprocal Tariffs) ของปธน. ทรัมป์ ซึ่งในส่วนของตลาดอิตาลี/สหภาพยุโรป จำเป็นต้องติดตามท่าทีและผลการเจรจาระหว่างปธน. ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีจอร์จา เมโลนี ของอิตาลี ว่าจะได้ข้อสรุปอย่างไร ซึ่งหากผลการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป มีแนวโน้มเชิงบวก ก็จะช่วยทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศผ่อนคลายลง รวมถึงแนวทางการเจรจาระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากมีแนวโน้มตอบรับที่ดี จาก ปธน. ทรัมป์ ก็คาดว่าจะช่วยให้การส่งออกของไทยยังคงมีทิศทางที่ดีได้
ที่มา: เว็บไซต์ Salone del Mobile
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
18 เมษายน 2568
Thai 
English 
Chinese 
Japanese 
German