ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเปิดรับ Secondary Listing หุ้นไทย เปิดโอกาสบริษัทยักษ์ใหญ่เข้าถึงนักลงทุนสากล

ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Exchanges and Clearing : HKEX) ประกาศเพิ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เข้าในรายชื่อของตลาดหลักทรัพย์ที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรอง ต่อจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ นับเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากประเทศไทย อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) สามารถจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์รอง (Secondary Listing) เพื่อขยายโอกาสระดมทุนจากนักลงทุนทั่วโลก

 

ปัจจุบัน SET มีบริษัทจดทะเบียน 636 บริษัทในกระดานหลัก และ 222 บริษัทในตลาด MAI (Market for Alternative Investment) ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า ณ เดือนมิถุนายน 2567 ตลาดหลักทรัพย์ไทย มีมูลค่าตลาดรวม 559,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 ของภูมิภาคอาเซียน รองจากอินโดนีเซียและสิงคโปร์ และอยู่ในอันดับที่ 25 ของโลก

 

 

Ms. Katherine Ng, HKEX’s head of listing กล่าวว่า “SET เป็นศูนย์กลางของบริษัทในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง เช่น พลังงาน การแพทย์ และเทคโนโลยี” พร้อมเสริมว่า การรับรองตลาดหลักทรัพย์ไทยจะช่วยเปิดทางให้บริษัทไทยสามารถจดทะเบียนซื้อขายข้ามตลาด (Cross-Listing) และเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับตลาดทุนฮ่องกง

 

บริษัทไทยที่มีสถานะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลัก (Primary Listing) ใน SET สามารถยื่นขอจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์รองของฮ่องกง ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุน ขณะเดียวกันยังช่วยเสริมศักยภาพของฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศชั้นนำของเอเชีย

 

ทั้งนี้ SET เป็นตลาดหลักทรัพย์ลำดับที่ 20 ที่ได้รับการรับรองจาก HKEX ซึ่งรวมถึงตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลก เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ตลาดแนสแด็ก (Nasdaq) และตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอน ปารีส      แฟรงก์เฟิร์ต โตเกียว และซาอุดีอาระเบีย

 

Mr. Paul Chan Mo-po, Financial Secretary ระบุในแถลงการณ์งบประมาณล่าสุดว่า HKEX จะเดินหน้ารับรองตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อผลักดันฮ่องกงให้เป็นศูนย์กลางการระดมทุนระดับโลก

ปัจจุบันบริษัท Delta Electronics Thailand PCL ครองตำแหน่งบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดของไทยด้วยมูลค่าตลาดประมาณ 28.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ บริษัท PTT PCL มีมูลค่าตลาดประมาณ 24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และท่าอากาศยานไทยอยู่ที่ 16.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

โบรกเกอร์หุ้นในฮ่องกงต่างยินดีต่อการตัดสินใจของ HKEX โดยมองว่าเป็นโอกาสสำคัญ เนื่องจากกระแสความตื่นตัวในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กระตุ้นความสนใจของนักลงทุน และส่งผลให้มูลค่าหุ้นในตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 

Mr. Tom Chan Pak-lam, honorary president of the Institute of Securities Dealers, an industry body for local stockbrokers กล่าวว่า “การเพิ่มตลาดหลักทรัพย์ไทยเข้าในรายชื่อของ HKEX จะช่วยเพิ่มจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนโดยรวม”

 

ข้อมูลจาก HKEX ระบุว่า ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงอยู่ที่ 222,500 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (28,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้นถึง 138% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันในปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 26% เป็น 131,800 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

 

 

ความคิดเห็นของ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง

ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) เปิดโอกาสให้หุ้นไทยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์รองนำมาซึ่งข้อดีหลายประการ เช่น การเพิ่มโอกาสในการระดมทุน ทำให้บริษัทไทยสามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากนักลงทุนทั่วโลกได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะช่วยเปิดโอกาสในการขยายตลาดและสร้างเครือข่ายพันธมิตรในระดับนานาชาติ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างฮ่องกงและไทย รวมถึงสนับสนุนการลงทุนข้ามพรมแดนในอนาคต

 

แหล่งข้อมูล: https://www.scmp.com/business/article/3301835/hong-kong-stock-exchange-opens-door-secondary-listing-thai-companies?module=top_story&pgtype=section&form=MG0AV3&form=MG0AV3

thThai