หลังจากที่บริษัท Google Cloud ได้เข้ามาสร้างศูนย์บริการเซิร์ฟเวอร์ในรัฐ Brandenburg ต่อมาบริษัท Amazon Web Services (AWS) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Amazon ก็ตามมาสร้างศูนย์บริการเซิร์ฟเวอร์ด้วยเช่นกัน โดย Amazon ในฐานะผู้นำตลาดในด้านการให้บริการระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud) มุ่งลงทุนกว่า 7.8 พันล้านยูโร เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการประมวลผลภายในปี 2040 โดยระบบโครงสร้างพื้นฐานของ Amazon มีชื่อเรียกว่า “Sovereign Cloud” ซึ่งจะตอบสนองเกณฑ์การปกป้องข้อมูลที่เข้มงวดเป็นพิเศษในสหภาพยุโรป (EU) และศูนย์แห่งนี้กำลังจะถูกสร้างขึ้นใกล้กับกรุงเบอร์ลิน โดย AWS ต้องการแยกศูนย์บริการเซิร์ฟเวอร์นี้ออกเป็นเอกเทศ หรือออกจากศูนย์บริการเซิร์ฟเวอร์ระบบ Cloud ด้านเทคนิคอื่น ๆ และการดำเนินการดังกล่าวของ AWS จะปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เคร่งครัด ซึ่งเหล่าผู้ใช้บริการ อาทิ ธนาคาร ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ และผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานของรัฐ พึงปฏิบัติตามกฎของ EU ด้านนาย Max Peterson รองประธาน Sovereign Cloud ของ AWS กล่าวว่า “โครงการนี้จะทำให้เราสามารถเสนอบริการที่สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านอธิปไตย (Sovereignty) การรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัว (Data protection) และคุณสมบัติด้านความปลอดภัย (Security) ที่ล้ำหน้ามากที่สุด เท่าที่ระบบ Cloud เคยมีมาก่อน” จากข้อมูลของนาย Peterson คาดการณ์ว่า ระบบ Cloud ของ AWS น่าจะสามารถใช้งานได้ภายในช่วงสิ้นปี 2025
สำหรับการตัดสินใจของ Amazon นี้แม้จะล่าช้าไปสักนิดเพราะคู่แข่งอย่างพวก Google, Oracle และ Microsoft ได้เคยให้บริการ Cloud ที่คล้ายคลึงกันอยู่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า Amazon น่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ปี กว่าจะสามารถนำเสนอบริการเหล่านี้ได้ นาย Rene Buest ผู้เชี่ยวชาญด้าน Cloud ของบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยี Gartner กล่าวว่า “Amazon เพิ่งจะเริ่มมีธุรกิจบริการเหล่านี้มานำเสนอให้กับลูกค้า และในระหว่างนี้คู่แข่งรายอื่นก้าวนำหน้าไปหลายขุมแล้ว” นาย Peterson รองประธาน AWS ไม่ต้องการพูดอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวและชี้แจงว่า “เราต้องเข้าใจต้นทุนก่อนที่จะตัดสินใจอะไรได้ และไม่ว่าอย่างไร Amazon ก็สามารถที่จะทำราคาที่สามารถแข่งขันได้แน่นอน” ผู้สังเกตการณ์ในธุรกิจ Cloud สันนิษฐานว่า เป็นไปได้ที่ AWS จะเรียกเก็บค่าให้บริการสำหรับระบบ Cloud ที่สอดคล้องกับการปกป้องข้อมูลสูงกว่าระบบ Cloud ทั่วไป 10% โดยประมาณ ซึ่งในตอนนี้คู่แข่งอย่าง Oracle ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมเพราะประเด็นดังกล่าวจาก EU แต่อย่างใด สำหรับรัฐ Brandenburg แล้วการตัดสินใจครั้งนี้ของ Amazon ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับภูมิภาคมากโดยนอกจากเมืองแฟรงก์เฟิร์ตแล้ว ที่นี่จะเป็นสถานที่สำคัญแห่งที่ 2 ของ AWS ในเยอรมนี ตามข้อมูลของ Amazon บริษัทวางแผนการลงทุนภายในปี 2040 ไว้ที่ 17.2 พันล้านยูโร และจะสามารถสร้างงานในภูมิภาคได้มากถึง 2,800 ตำแหน่ง เลยทีเดียว ตามที่กระทรวงเศรษฐกิจแห่งรัฐ Brandenburg ระบุว่า รัฐไม่ได้จ่ายเงินอุดหนุนพิเศษแต่อย่างใด นาย Buest ผู้เชี่ยวชาญของ Gartner กล่าวว่า “เนื่องจากสถานที่ราชการหลัก ๆ ของประเทศตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลินเป็นส่วนใหญ่ รัฐ Brandenburg (รัฐรอบกรุงเบอร์ลิน) จึงเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผล”
จาก Handelsblatt 3 มิถุนายน 2567