รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำเดือนกุมภาพันธ์2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ
สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567

 

1. สรุปภาพรวมทั่วไป
เศรษฐกิจ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Centre of Iran : SCI) รายงานอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของอิหร่านช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณปัจจุบัน (  23 กันยายน – 21 ธันวาคม 2566 ) เติบโตที่อัตราร้อยละ 5.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือ GDP ณ ราคาพื้นฐานคงที่ของปี 2554 ในไตรมาสที่ 3 มีมูลค่า 2,196 พันล้านเรียล (รวมน้ำมันดิบ) ในขณะที่ตัวเลขดังกล่าวในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,089 พันล้านเรียล (รวมน้ำมันดิบ) โดยภาคเกษตรกรรมเติบโตติดลบร้อยละ 1.0 ภาคอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ขยายตัวร้อยละ 6.9 และภาคบริการ ขยายตัวร้อยละ 4.6

แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวจะแสดงตัวเลขการเพิ่มขี้นของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่การเติบโตนี้ยังไม่สากล กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจในอิหร่านสูงไม่ได้มากนัก ซึ่งตามสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของอิหร่านยังคงเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อเรื้อรังและความไม่มั่นคงด้านราคา และการอ่อนค่าของเงินสกุลท้องถิ่น ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากการคว่ำบาตร ทำให้ประชาชนไม่สามารถวางแผนการดำเนินชีวิตในอนาคต เป็นเหตุให้ความประพฤติทางการบริโภคและการออมทรัพย์ของประชาชนชาวอิหร่านในปัจจุบันเปลี่ยนไป ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ เรื้อรัง ประชาชนชาวอิหร่านจะไม่ออมเงินหรือสะสมเงินสดไว้กับธนาคารในระยะยาวเนื่องจากค่าเงินสกุลท้องถิ่นมีค่าอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะเก็บออมเงินในรูปของการซื้อเงินตราในสกุลเงินต่างประเทศหรือซื้อเหรียญทองเก็บสะสมไว้เป็นทุนทรัพย์

ทั้งนี้ สถาบันเฟรเซอร์(Fraser Institute) ได้จัดลำดับการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ของโลกในปี 2023 จำนวน 165 ประเทศ พบว่า ประเทศอิหร่านจัดอยู่ในลำดับที่ 160 โดยสถาบันเฟรเซอร์ (Fraser Institute) ได้ประกาศค่าดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.53 จาก 10 ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าดัชนีเสรีภาพทางเศรษฐกิจของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 4.58

อัตราเงินเฟ้อ
สำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Centre of Iran : SCI) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในครัวเรือนของเดือนที่ 11 ปีอิหร่าน 1402 (21 ม.ค. – 19 ก.พ. 2567) อยู่ที่ 225.7 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับเดือนที่ 11 (22 ธ.ค.2565- 20 ม.ค. 2566) ของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.8 และในช่วง 12 เดือน (เริ่ม 21 ม.ค.2566 – 19 ก.พ. 2567) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันสิ้นสุด ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.5 ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของครัวเรือนแบบจุดต่อจุด หมายถึงร้อยละของการเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาเมื่อ เทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมากับเดือนที่ 11 ปีอิหร่าน 1402 อัตราเงินเฟ้อของครัวเรือนแบบจุดต่อ
จุด อยู่ที่ร้อยละ 35.8 กล่าวคือในเดือนที่ 11 ของปีอิหร่าน 1402 ประชาชนอิหร่านใช้เงินในจำนวนที่มากกว่าเดือนที่ 11 ของปีอิหร่านที่ผ่านมา เพื่อจับจ่ายใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการชนิดเดียวกันเพิ่มขี้นร้อยละ 35.8

อย่างไรก็ตาม พบว่า อัตราเงินเฟ้อแบบจุดต่อจุดของเดือนที่ 11 ของปีอิหร่าน 1402 ลดลงร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (เดือนที่ 10 ปีอิหร่าน 1402 ตรงกับ 22 ธ.ค.2566- 20 ม.ค. 2567) อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประจำปีหมายถึง ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของจำนวนดัชนีราคาเฉลี่ยในช่วงหนึ่งปีที่สิ้นสุด ณ เดือนปัจจุบัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งในเดือนที่ 11 ปีอิหร่าน 1402 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยครัวเรือนของประเทศสูงถึงร้อยละ 42.5 ซึ่งลดลง 1.1 จุด เมื่อเทียบกับช่วงหนึ่งปีเดียวกันที่สิ้นสุดณ เดือนก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยประจำเดือน หมายถึง ร้อยละของการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งจากรายงานวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงอัตราเงินเฟ้อรายเดือนของดัชนีราคาผู้บริโภคชี้ให้เห็นว่าในเดือนที่ 11 ปีอิหร่าน 1402 (21 ม.ค. – 19 ก.พ. 2567) อัตราเงินเฟ้อในครัวเรือนของประเทศเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ร้อยละ 1.4 โดยอัตราเงินเฟ้อรายเดือนของกลุ่มสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ อยู่ที่ร้อยละ -0.4 และกลุ่มสินค้าและบริการที่นอกเหนือจากอาหารอยู่ที่ร้อยละ 2.3

การว่างงาน
ตามรายงานสำนักงานสถิติแห่งชาติอิหร่าน (Statistical Centre of Iran : SCI) อัตราการว่างงานในฤดูใบไม้ร่วงปีอิหร่านปัจจุบัน 1402 (23 ก.ย. – 21 ธ.ค.2566) ลดลงเหลือร้อยละ 7.6 นับเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดที่บันทึกไว้นับตั้งแต่ปี 2005 ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาประชากรทำงานในประเทศเพิ่มขึ้นจำนวน 2,430,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการจ้างงานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่ปี 2553 ทั้งนี้อัตราการว่างงานของประชากรอายุระหว่าง 15-29 ปีของฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 ที่ร้อยละ 8.2 ลดลงเป็นร้อยละ 7.6 ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานต่ำที่สุดสำหรับกลุ่มอายุนี้นับตั้งแต่ปี 2021

การลงทุนจากต่างประเทศ
ทุกปีที่มีการจัดวาระการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ( UNCTAD ) จะมีการเผยแพร่สถิติที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนจากต่างประเทศของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งตามรายงาน พบว่า ในปี 2022 จำนวนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอิหร่านมีมูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จำนวนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอิหร่านในปี 2021 มีมูลค่า 1.425 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ หมายความว่าจำนวนการลงทุนจากต่างประเทศในอิหร่านในปี 2023 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 (หรือคิดเป็นมูลค่า 75 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ) ซึ่งในบรรดาประเทศเอเซียตะวันตก 10 ประเทศ อิหร่านจัดอยู่ในประเทศที่ 4 ด้านการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรองจากประเทศซาอุดิอาระเบีย โอมาน
และบาห์เรน

2 . การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออก
กรมศุลกากรอิหร่าน (The Islamic Republic of Iran Customs Administration : IRICA) ได้รายงานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของอิหร่านในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน (21 มีนาคม 2566– 20 มกราคม 2567) พบว่าอิหร่านส่งออกสินค้าไปต่างประเทศแล้วมูลค่า 40,472 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าลดลงร้อยละ 11.44 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ 5 อันดับแรกได้แก่ จีน อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตุรกีและอินเดีย อิหร่านส่งออกสินค้าไปยังจีนมากที่สุด ด้วยมูลค่า 11,493 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 28.40 ของมูลค่าการส่งออก ในส่วนของการค้ากับไทย อิหร่านส่งสินค้าออกไปไทยแล้วมูลค่า 279,786,535 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีสินค้าส่งออกหลักได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า โลหะ ยูเรีย สัตว์น้ำทะเลแช่แข็งและแช่เย็น สินค้าเกษตร เป็นต้น
การนำเข้า
ในช่วง 10 เดือนแรกของปีปัจจุบัน อิหร่านนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมูลค่า 54,359 ล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 11.59 โดยมีนำเข้าหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ สหรัฐ อาหรับเอมิเรตส์ จีน ตุรกี เยอรมัน และอินเดีย โดยอิหร่านนำเข้าสินค้าจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มากที่สุดคิดเป็นมูลค่า 17,081 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 31.42 ของการนำเข้า ในส่วนของการนำเข้าจากไทย อิหร่านนำเข้าสินค้าจากไทยมีมูลค่า 99,675,592 เหรียญสหรัฐฯ สินค้าที่นำเข้าสำคัญ ได้แก่ เอ็มดีเอฟ ข้าวโพดหวาน สับประรดกระป๋อง อุปกรณ์อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยาง รถยนต์ยางพารา เป็นต้น

ทั้งนี้จากการวิเคราะห์การค้าระหว่างประเทศอิหร่านพบว่า ปริมาณรายได้ที่รัฐบาลอิหร่านได้รับจากการส่งออกสินค้านอกเหนือจากน้ำมันดิบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นได้ว่าอิหร่านได้รับผลกระทบของจากการคว่ำบาตร แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะสร้างรายได้และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ผลิตสินค้าภายในประเทศอิหร่านก็ตาม แต่ในทางกลับกันการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการแลกเปลี่ยน การขนส่ง และอื่นๆ รวมถึงการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของต้นทุน ทำให้กำลังการผลิต และการแข่งขันลดลง โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า ปริมาณการนำเข้าสินค้าของอิหร่านลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถ
จัดหาเงินตราต่างประเทศให้กับผู้นำเข้าภาคเอกชน ตลอดจนข้อจำกัดทางศุลกากร ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มต้นทุนภาคการผลิตซึ่งทำให้การผลิตภายในประเทศลดลงไปด้วย ปัจจุบันหากมีการนำเข้าสินค้าทางผู้นำเข้าจำเป็นต้องใช้เงินสกุลต่างประเทศที่ได้จากการส่งออกสินค้า ซึ่งเรียกว่า Import against Export ในการนำเข้าสินค้า

thThai