“MUJI รีโนเวทบ้านเก่าเป็นที่พัก”บริษัท Ryohin Keikaku Co.,Ltd. ที่มีร้าน MUJI ภายใต้การบริหารของบริษัท ได้เริ่มธุรกิจนำบ้านเก่าหรืออาคารที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมารีโนเวทเป็นสถานที่พักเพื่อให้เช่า โดยหลังแรกได้รีโนเวทบ้านเก่าอายุกว่า 100 ปีในเมืองคาโมงาวะ จังหวัดชิบะ และเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยคาดว่า จะเป็นสถานที่พักที่สามารถตอบสนองลูกค้าที่ต้องการใช้สำหรับ Workcation (Work + Vacation) ซึ่งเช่าประมาณ 1 สัปดาห์ เป็นการเช่าระยะกลางถึงระยะยาว โดยบริษัทฯ มีแผนรีโนเวทบ้านเพื่อเป็นสถานที่พักเพิ่มอีกหลายแห่ง
“MUJI รีโนเวทบ้านเก่าเป็นที่พัก”  สถานที่พักแห่งนี้ชื่อ “MUJI BASE KAMOGAWA” มีพื้นที่ใช้สอย 156 ตารางเมตร ยังคงสไตล์บ้านเก่าเอาไว้ และได้ติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆของแบรนด์ MUJI เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนสมัยปัจจุบัน สำหรับธีมของบ้านพัก คือ “การกินและการเกษตร” มีการจัดกิจกรรมให้ทดลองทำการเกษตรในพื้นที่เกษตรในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังสามารถสั่ง Meal kit ที่ประกอบด้วยผลผลิตทางการเกษตรของท้องถิ่นมาประกอบอาหารเช้าและเย็นได้อีกด้วย
MUJI BASE จะไม่มีพนักงานประจำอยู่ ลูกค้าสามารถรับกุญแจได้ที่ร้าน MUJI ที่อยู่ห่างจากที่พักประมาณ 5 นาทีโดยรถยนต์ และสามารถจองห้องพักผ่านเว็บไซต์ Airbnb (ของบริษัทอเมริกา) โดยค่าบริการที่พัก 3 วัน 2 คืน เท่ากับ 55,000 เยน (ประมาณ 14,000 บาท) พักได้สูงสุด 5 คน และได้เริ่มเปิดให้จองห้องพักตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันห้องพักจองเต็มไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า และ 1 ใน 3 ของผู้จองเป็นชาวต่างชาติ“MUJI รีโนเวทบ้านเก่าเป็นที่พัก”
บริษัทฯ เปิดให้บริการที่พักลักษณะนี้เนื่องจากเห็นว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ความต้องการด้านรูปแบบการท่องเที่ยวของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนแปลงไป ก่อนการแพร่ระบาดฯ ผู้บริโภคพยายามแสวงหาแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างความแตกต่างจากชีวิตประจำวัน แต่หลังจากการแพร่ระบาดฯ มีผู้บริโภคแสวงหา “ที่แห่งใหม่สำหรับตัวเอง” เพิ่มขึ้น การใช้ชีวิตที่ไม่ยึดติดกับที่อยู่อาศัยที่ใดที่หนึ่ง การทำงานไปด้วยท่องเที่ยวไปด้วย (Workcation) ได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทจึงสร้าง MUJI BASE ที่ทั้งสามารถสัมผัสกับการอยู่อาศัยในท้องถิ่น และยังเป็นการช่วยแก้ปัญหาบ้านร้างอีกด้วย
บริษัทฯ เปิดให้บริการ “MUJU HOTEL GINZA” ในปี 2562 และมีโรงแรมในเครือ 3 แห่งที่อยู่ในตัวเมือง ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะพำนักระยะสั้น แต่สำหรับ MUJI BASE จะตั้งอยู่นอกเมืองและเล็งกลุ่มผู้ใช้บริการระยะกลางถึงระยะยาว และบริษัทมีแผนที่จะสร้างที่พักลักษณะนี้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

บทวิเคราะห์ (ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย)
การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป รวมถึงความคิดในการดำรงชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น การ Work from Home หรือการทำงานจากสถานที่ต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานที่สำนักงาน เป็นเรื่องปกติในช่วงการแพร่ระบาดดังกล่าว อย่างไรก็ดี แม้การแพร่ระบาดจะคลี่คลายลงแต่หลายบริษัทยังคงให้พนักงานสามารถเลือกสไตล์การทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น ที่พักลักษณะนี้จึงสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาเรื่องบ้านร้าง โดยจากการสำรวจของกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสาร (Minstry of Internal Affairs and comunications) พบว่า จำนวนบ้านร้างทั่วประเทศในปี 2561 เท่ากับ 8.49 ล้านหลัง โดยมีบ้านร้างที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการอยู่อาศัยและถูกปล่อยทิ้งไว้ 3.49 ล้านหลัง หากไม่มีการดูแลที่ดี คาดการณ์ว่า บ้านร้างจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 หรือ 4.70 ล้านหลังในปี 2573 การรีโนเวทเป็นที่พักและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อดึงดูดคนเมืองมาพักนั้น นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องบ้านร้างแล้วยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอีกด้วย หากมีการรีโนเวทบ้านร้างเพิ่มขึ้นก็อาจเป็นโอกาสทางการค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมตกแต่งภายในและภายนอก อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ของไทยก็เป็นได้

ฉบับที่ 51 ประจำวันที่ 16 – 22 กันยายน 2566

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
แปลและเรียบเรียงจาก
หนังสือพิมพ์ Nikkei MJ ฉบับวันที่ 13 กันยายน 2566
ภาพประกอบบทความจากเว็บไซต์
https://www.muji.com/jp/ja/special-feature/mujibase/kamogawa/

thThai