อินเดียอาจสูญเสียตลาดการส่งออกข้าวบาสมาติไปยังอิหร่าน

อินเดียอาจสูญเสียตลาดการส่งออกข้าวบาสมาติไปยังอิหร่าน
อินเดียกำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการส่งออกข้าวบาสมาติไปยังอิหร่านหลังจากที่เงินสำรองรูปีที่ถือครองโดยอิหร่านลดลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าอื่นๆ ของอินเดียไปยังอิหร่านด้วย เช่น ชาและเวชภัณฑ์ ทั้งนี้ที่ผ่านมา อิหร่านชำระค่าสินค้านำเข้า โดยใช้เงินสำรองรูปีที่ได้จากการส่งออกน้ำมันไปยังอินเดีย ก่อนที่อินเดียจะหยุดซื้อน้ำมันดิบของอิหร่านในกลางปี 2562 เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯต่ออิหร่าน

ขณะที่อิหร่านกำลังหาวิธีกลับมานำเข้าข้าวบาสมาติจากอินเดีย ผู้นำเข้าข้าวในอิหร่านเริ่มสำรวจทางเลือกในการเพิ่มการจัดหาข้าวจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น ปากีสถาน ตุรกี และไทย โดยที่ผ่านมา อิหร่านนำเข้าข้าวหอมจากอินเดียเกือบ 1 ล้านตันในปี 2565/2566 คิดเป็น 20.35% ของการส่งออกทั้งหมด 4.5 ล้านตันจากอินเดียการค้าระหว่างอินเดียและอิหร่านลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2562/2563 หลังจากที่อินเดียหยุดซื้อน้ำมันดิบของอิหร่านในเดือนพฤษภาคม 2562 อิหร่านเคยเป็นหนึ่งในผู้จัดส่งพลังงานสามอันดับแรกให้กับประเทศอินเดียรองจากซาอุดีอาระเบียและอิรัก

ความพยายามที่จะเพิ่มทุนสำรองรูปี
อิหร่านได้แจ้งประเด็นนี้ต่อฝ่ายอินเดียในการประชุมหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ และเสนอที่จะกลับมาส่งออกน้ำมันอีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างเงินสำรองรูปี อิหร่านยังชี้ว่าอินเดียซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซียท่ามกลางการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ดังนั้น อินเดียก็ควรใช้วิธีที่คล้ายกันในการกลับมานำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านอีกครั้งอิหร่านเป็นผู้นำเข้าข้าวบาสมาติของอินเดียรายใหญ่ที่สุดหรือใหญ่เป็นอันดับสองตั้งแต่ปี 2557/2558 โดยเป็นผู้นำเข้าสินค้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในปี 2560/61, 2561/62, 2562/2563 และ 2564/2565 ทั้งนี้ อิหร่านนำเข้าข้าวบาสมาติ 935,567 ตันในปี 2557/2558 และสูงสุดในปี 2561/2562 ที่ 1.4 ล้านตัน ตัวเลขในปี 2565/2566 อยู่ที่ 998,879 ตัน นอกจากนี้ อิหร่านยังเป็นผู้ซื้อชาอินเดียรายใหญ่อันดับ 4 ระหว่างปี 2565/2566 โดยนำเข้ามูลค่า 68 ล้านดอลลาร์ จากข้อมูลอย่างเป็นทางการ ปี 2562/2563 มูลค่าการค้าของอินเดียกับอิหร่านลดลง เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อนหน้า การนำเข้าของอินเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นน้ำมันดิบจากอิหร่าน ลดลงประมาณ 90% เป็น 1.4 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 13.53 พันล้านดอลลาร์ในปี 2561/2562 การส่งออกของอินเดียไปยังอิหร่าน ลดลงน้อยกว่า 5% ซึ่งมีมูลค่า 3.37 พันล้านดอลลาร์ในปี 2562/2563 เทียบกับ 3.51 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ2561/2562
สำหรับการนำเข้าอินเดียนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่านประมาณ 23.5 ล้านตัน หรือเกือบ 1 ใน 10 ของความต้องการทั้งหมดในปี 2561/2562 โดยได้รับเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์สูง เช่น เครดิต 60 วันและส่วนลดอื่นๆ ทั้งนี้นอกจากน้ำมันดิบแล้ว อินเดียยังนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม สารตัวกลางสีย้อม และผลไม้จากอิหร่าน และส่งออกข้าวบาสมาติเป็นหลัก โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญอื่นๆ ของอินเดีย ได้แก่ ชา น้ำตาล และเวชภัณฑ์ดุลการค้าช่วงก่อนเดือนพฤษภาคม 2562 (ก่อนถูกมาตรการคว่ำบาตร) อิหร่านได้ดุลการค้า แต่หลังจากโดนมาตรการคว่ำบาตร ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นอินเดียได้ดุลการค้า เนื่องจากหยุดนำเข้าน้ำมันดิบ ทั้งนี้ ปี 2565/2566 อินเดียส่งออกสินค้ามูลค่า 1.66 พันล้านดอลลาร์ (ส่วนใหญ่เป็นข้าวบาสมาติ) แต่การนำเข้าจากอิหร่านมีมูลค่าเพียง 672 ล้านดอลลาร์
ในเดือนแรกของปีงบประมาณปัจจุบัน (เมษายน 2566) อินเดียส่งออกสินค้ามูลค่า 123 ล้านดอลลาร์(ส่วนใหญ่เป็นข้าวบาสมาตี)เติบโต 1.06% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันปีก่อนหน้า แต่การนำเข้าหดตัว 7.24% เป็น 69 ล้านดอลลาร์

การค้าทวิภาคีลดลง 20%
ปี 2566 ช่วง 4 เดือนแรก การค้าของอิหร่านกับอินเดียลดลง 19.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยอยู่ที่ 702 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมอินเดีย การส่งออกของอิหร่านอยู่ที่ 257 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.32% เมื่อเทียบเป็นรายปี สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมูลค่า 95 ล้านดอลลาร์ สารตัวกลางย้อมสีมูลค่า 63 ล้านดอลลาร์ และผลไม้สดมูลค่า 57 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าของอิหร่านจากอินเดียในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ที่ 445 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลง 29.36% สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ประกอบด้วยข้าวมูลค่า 295 ล้านดอลลาร์ ผลไม้สดมูลค่า 19 ล้านดอลลาร์ ชามูลค่า 14 ล้านดอลลาร์ และสารเคมีอินทรีย์มูลค่า 12 ล้านดอลลาร์ปี 2565 การค้าระหว่างอิหร่านกับอินเดียเติบโตประมาณ 48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกของอิหร่านอยู่ที่ 653 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 59.57% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า การนำเข้าของอิหร่านจากอินเดียอยู่ที่ 1.84 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 43.86%
ที่มา: https://financialtribune.com/articles/domestic-economy/118878/india-losing-iran-s-rice-market-as-rupee-reserves-deplete

ความเห็นสำนักงาน
หลังจากถูกมาตรการคว่ำบาตร อิหร่านประสบปัญหาเรื่องขาดแคลนเงินทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินโลกได้ โดยในแต่ละปีธนาคารกลางอิหร่านต้องจัดสรรเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อใช้ในการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นโดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ (มีนาคม 2566) จนถึงปัจจุบัน อิหร่านได้จัดสรรเงินมูลค่ากว่า 2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในการนำเข้าสินค้าที่จำเป็น เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวบาร์เลย์ กากถั่วเหลือง เมล็ดพืชน้ำมัน น้ำมันพืช ข้าว ปุ๋ย และสินค้าจำเป็นอื่นๆ
ปี 2566 ช่วง 5 เดือนแรก ไทยส่งออกข้าวมายังอิหร่าน เพียง 0.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 94.13 ขณะที่ในปี 2565 ไทยส่งออกข้าวมายังอิหร่าน 5.93 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 7.35 ซึ่งจากการสำรวจร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เช่น Shahrvand store ซึ่งมี 24 สาขาทั่วเมืองเตหะราน และ Palladium supermarket ใน Palladium shopping mall ซึ่งเป็นหนึ่งในห้างที่ใหญ่และหรูหราในเตหะราน ไม่พบข้าวไทยวางจำหน่าย โดยจะมีข้าวของอิหร่านเป็นหลัก และข้าวจากอินเดีย
ดังนั้น สคต. เห็นว่า หากจะขยายตลาดการส่งออกมายังอิหร่าน จำเป็นต้องหาวิธีการค้าในรูปแบบใหม่ที่ลด
การพึ่งพิงเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เช่น การทำ barter trade การใช้เงินสกุลถ้องทิ่นในการชำระเงินระหว่างกัน เป็นต้น

jaJapanese