รัฐบาลบังกลาเทศตั้งเป้าลดการนำเข้าสินค้าอาหารประเภทธัญพืชเพื่อลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ

รัฐบาลบังกลาเทศวางแผนที่จะลดการนำเข้าธัญพืชในปีงบประมาณปี 2566-67 ลง  เพื่อพยายามประหยัดเงินตราต่างประเทศและหลีกเลี่ยงแรงกดดันเพิ่มเติมต่อทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ตึงเครียด

ก่อนการแถลงการณ์ใช้งบประมาณรายปีของรัฐบาล อธิบดีกรมการอาหาร กระทรวงการอาหารบังกลาเทศ เคยประมาณการว่า ในปีงบประมาณ 2566-67 กระทรวงการอาหารบังกลาเทศจะนำเข้าธัญพืชจำนวน  1.1 ล้านตัน แยกเป็นข้าว 5 แสนตันและข้าวสาลี 6 แสนตันจากตลาดต่างประเทศ เพื่อเสริมความมั่นคงด้านอาหารสาธารณะและแจกจ่ายธัญพืชผ่านโครงการสวัสดิการทางสังคมต่างๆ รวมถึงการจำหน่ายในราคาอุดหนุนแก่ผู้มีรายได้น้อย

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการแถลงนโยบายงบประมาณปีใหม่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและตามเอกสารงบประมาณของกระทรวงการคลัง เป้าหมายการนำเข้าธัญพืชที่ปรับปรุงใหม่อยู่ที่ 9 แสนตัน และปรับลดงบประมาณสำหรับการซื้อธัญพืชจาก 48,650 ล้านตากา (ประมาณ 451 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เหลือ 25,920 ล้านตากา  (ประมาณ 240 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

“เราตัดสินใจลดการนำเข้าเพื่อประหยัดเงินตราต่างประเทศ” นาย Md Shakhawat Hossain อธิบดีกรมการอาหาร (Directorate General of Food) กล่าว

“ผลผลิตข้าวจากฤดู Aman และ Boro ได้ผลดีทั้งสองฤดูกาลเพาะปลูก ดังนั้นเราต้องการซื้อข้าวมากขึ้นจากตลาดท้องถิ่น (มากกว่าการนำเข้า) ”

ตามเอกสารของงบประมาณแผ่นดิน กรมการอาหารตั้งเป้าที่จะซื้อข้าวภายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 13  ประมาณ 1.9 ล้านตันผ่านการจัดซื้อภายในประเทศในปีงบประมาณ 2567 และต้องการจัดหาซื้อข้าวสาลีที่ปลูกในท้องถิ่นจำนวน 1 แสนตัน

ตามแผนงบประมาณในปีงบประมาณ 2567 รัฐบาลได้จัดสรรเงินจำนวน 87,500 ล้านตากา (ประมาณ 811 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพื่อเป็นงบประมาณซื้อข้าวที่ปลูกในประเทศซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จาก 72,000 ล้านตากาในปีงบประมาณ ปี 2566

“เกษตรกรจะได้ราคาที่ดีขึ้นเนื่องจากมีการจัดหาในประเทศที่เพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกัน เป็นการสงวนเงินตราต่างประเทศ”อธิบดีกรมการอาหาร กล่าว

จนถึงวันที่ 1 มิถุนายนซึ่งเป็นวันเริ่มต้นของปีงบประมาณปัจจุบัน กรมการอาหารได้จัดซื้อข้าวแล้วจำนวน 6.33 แสน ตันและข้าวสาลี 6.79 แสนตันจากตลาดต่างประเทศ

นอกเหนือจากข้าวสาลีแล้ว กรมการอาหาร จะซื้อข้าวสาร 1.25 ล้านตัน และข้าวเปลือกอีก 4 แสนตันจากตลาดในประเทศ จากผลผลิตข้าวฤดู Boro ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้

ขณะนี้ได้ซื้อข้าวนึ่งแล้ว 3.41 แสนตันและข้าวเปลือกมากกว่า 0.30 แสนตันจากตลาดในประเทศเพื่อสร้างสต็อก ซึ่งประมาณการว่าอยู่ที่ 1.71 ล้านตัน ณ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แม้จะมีการซื้อเพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศ แต่รัฐบาลมีแผนที่จะลดการจัดซื้อธัญพืชโดยรวมลงร้อยละ 5 เป็น 3.16 ล้านตันในปีงบประมาณ 2567

ด้วยเหตุนี้ จึงดูเหมือนว่าจะลดการแจกจ่ายอาหารต่อสาธารณะ ทั้งในโครงการการจำหน่ายตามปกติ (ที่สร้างรายได้) และผ่านการจัดสรรเป็นสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อย (ที่ไม่อาจสร้างรายได้)

การกระจายข้าวผ่านรูปแบบการขายเงินสด เช่น การขายแบบเปิดตลาด (Open Market Sales) กำหนดไว้ที่ 1.41 ล้านตันในปีงบประมาณ 2567  ลดลงร้อยละ 4 จาก 1.48 ล้านตันในปีงบประมาณที่ผ่านมา

เป้าหมายการกระจายข้าวสาลียังได้รับการปรับลดลงสำหรับปีงบประมาณ 2567

ในกรณีของโครงการจัดสรรเป็นสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อย ได้แก่ โครงการจัดสรรอาหารให้กับกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลได้กำหนดให้จัดสรรข้าวจำนวน 9.98 แสนตันในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณก่อน รวมทั้งจะเป็นการลดปริมาณจัดสรรข้าวสาลีลงด้วยภายใต้โครงการนี้

เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังแผนการลดการจัดสรร อธิบดีกรมการอาหาร กล่าวว่ารัฐบาลจะตัดสินใจตามสถานการณ์

“หากสถานการณ์เรียกร้อง รัฐบาลจะตอบสนองตามนั้น” เขากล่าว

 

ที่มาข่าว https://www.thedailystar.net/

jaJapanese