ที่มาภาพ: https://www.foodtalks.cn/news/40872
ในปัจจุบันเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ (New-style tea) กำลังเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยและประเทศจีน โดยตลาดเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ในจีน (China’s new-style tea) นั้นมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างระดับรายได้และการส่งเสริมเพิ่มความสามารถในการบริโภคของชาวจีน ทำให้อุตสาหกรรมอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยอิทธิพลของอินเทอร์เน็ต ทำให้ตลาดเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่เป็นที่นิยม และขนาดตลาดขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากกฎเกณฑ์การเปิดกิจการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ค่อนข้างน้อย เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตซ้ำได้ง่าย และมีฐานลูกค้าค่อนข้างกว้าง จึงมีแบรนด์เครื่องดื่มชารูปแบบใหม่เกิดขึ้นมากมาย ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
หากพิจารณาตามจำนวนร้านค้าเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ในจีน สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 คือร้าน MIXUE (蜜雪冰城) ที่มีจำนวนร้านค้ามากกว่าร้านอื่น ๆ ค่อนข้างมาก เป็นเพียง เจ้าเดียวที่ถืออำนาจในตลาดเหนือกว่าคู่แข่งแบรนด์อื่น ๆ โดยในเดือนมีนาคม 2566 ร้าน MIXUE มีจำนวนสาขามากกว่า 20,000 แห่ง เป็นแบรนด์ชาแบบแฟรนไชส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีนที่มีร้านค้าและขอบเขตธุรกิจครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และ ประเทศไทย เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 ประกอบด้วยแบรนด์ที่มีร้านค้าอยู่ระหว่าง 1,000 – 10,000 แห่ง ค่อนข้างเป็นที่รู้จักมากในตลาด เช่น Goodme (古茗), Shuyi Tealicious (书亦烧仙草), ChaBaiDao (茶百道) และ AUNTEAJENNY (沪上阿姨) เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 ประกอบด้วยบริษัทที่มีร้านค้าน้อยกว่า 1,000 แห่ง เช่น A Yogurt Cow (一只酸奶牛), Hero Tang (黑泷堂) และ Cha Yan Yue Se (茶颜悦色) เป็นต้น
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
MIXUE (蜜雪冰城)
MIXUE ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในปี 2549 เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวไอศกรีมสดเป็นครั้งแรกและขายเพียงราคา 1 หยวนเท่านั้น ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในปัจจุบัน MIXUE มีแบรนด์หลัก 3 แบรนด์ ได้แก่ แบรนด์ชา “MIXUE (蜜雪冰城)” แบรนด์กาแฟสด “Lucky cup (幸运咖)” และแบรนด์ไอศกรีม “Jilatu (极拉图)” ทำให้ธุรกิจ MIXUE เป็นแบรนด์ร้านชาที่ใหญ่ที่สุดและมีจำนวนสาขาเยอะที่สุดในประเทศจีน MIXUE ดำเนินธุรกิจโดยอ้างอิงจากการวิจัยและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการผลิต การขาย และการจัดการการดำเนินงาน และมุ่งมั่นที่จะสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่สมบูรณ์แบบซึ่งรวมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต คลังสินค้าและโลจิสติกส์ การขาย และการดำเนินงานห่วงโซ่อุปทาน
ที่มาภาพ: https://singaporefoodie.com/famous-chinese-soft-serve-chain-mixue-opens-their-first-spore-outlet-in-clementi-with-1-soft-serve-cones/
ถือเป็นร้านเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ที่จำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังคงมุ่งเน้นขยายสาขาไป ทั่วประเทศ โดยในปี 2563 จำนวนร้าน MIXUE เกิน 10,000 แห่ง และในปี 2564 มีร้านค้าเกิน 20,000 แห่ง และในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 จำนวนร้านแฟรนไชส์ของ MIXUE อยู่ที่ 22,229 แห่ง ซึ่งเป็นร้านเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่แห่งเดียวในจีนที่มีสาขามากกว่า 20,000 ร้านค้า ซึ่งครอบคลุม 31 มณฑล เขตปกครองตนเอง และเขตเทศบาลที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง โดยเน้นขยายสาขาใน New first-tier cities และเมืองชั้น 3 และเมืองชั้นที่ 4 ซึ่งในเดือนมีนาคม 2566 สัดส่วนของ MIXUE ในเมือง New first tier เมือง Tier 3 และเมือง Tier 4 นั้น มีสัดส่วนแต่ละระดับเกินร้อยละ 20
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
ในขณะเดียวกัน MIXUE กำลังพยายามตีตลาดในต่างประเทศ โดยในปี 2561 MIXUE ได้เปิดสาขาที่อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย เกาหลีใต้
สาเหตุหลักที่ MIXUE สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วเป็นเพราะ MIXUE ยึดมั่นในแนวคิดจำหน่ายสินค้า “คุณภาพสูงในราคาย่อมเยา” โดยมีราคาสินค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 7.98 หยวนต่อคนเท่านั้น แต่จากสถิติราคาขายเฉลี่ยของร้านค้าในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่อยู่ระหว่าง 10-20 หยวนต่อคน MIXUE ถือเป็นแบรนด์ที่มีราคาค่อนข้างถูก ซึ่งทางแบรนด์ได้เน้นเปิดร้านขนาดใหญ่ในเมืองระดับรอง ๆ ของจีน ทำให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากด้วยความรู้สึกคุ้มค่าของราคา นอกจากเครื่องดื่ม ยังมีไอศกรีม ซึ่งแผนการตลาดของ MIXUE คือการขายไอศกรีมเพียงชิ้นละ 2-3 หยวนเพื่อดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นและเด็กจำนวนมากให้หันมาบริโภคและจดจำชื่อแบรนด์ได้มากขึ้น ซึ่งการตลาดรูปแบบนี้สามารถช่วยกระตุ้นยอดขายของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในร้านได้อีกด้วย
เนื่องจากจำนวนร้านค้าของ MIXUE เพิ่มขึ้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสูง ในปี 2564 รายได้จากการดำเนินงานของ MIXUE เกิน 1 หมื่นล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 121.14% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม หากพิจารณากำไร แนวโน้มของอัตรากำไรของ MIXUE นั้นกลับสวนทางกับรายได้จากการดำเนินงาน จากปี 2562 ถึง 2564 อัตรากำไรลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงร้อยละ 1.73 และลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 30.89 ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 การลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นของ MIXUE มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของโครงสร้างการขายสินค้าและต้นทุนการผลิต
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
Nayuki (奈雪的茶)
Nayuki (奈雪的茶) ก่อตั้งขึ้นในปี 2558 โดยมีสาขาแรกในเซินเจิ้น ในปี 2560 ได้ขยายกิจการนอกเหนือจากพื้นที่มณฑลกว่างโจวและเปิดตัวแผนการขยายสาขาไปทั่วประเทศ และในต่างประเทศ โดยในปี 2563 Nayuki ได้เปิดร้านในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเริ่มเข้าสู่ตลาดโลก อีกทั้งในปี 2564 Nayuki เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จำนวนร้านของ Nayuki ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว และในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มีสาขาเพิ่มเป็น 904 แห่ง
ที่มาภาพ: https://www.worldteanews.com/Insights/new-style-tea-beverages-reshape-asian-tea-market
สาเหตุที่ร้าน Nayuki สามารถขยายเพิ่มอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการบริโภคที่เพิ่มขึ้นของชาวจีนที่ผลักดันความต้องการในการบริโภคเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่เพิ่มขึ้น และชาของ Nayuki ยังยึดถือแนวทางที่จะผลิตผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอยู่เสมอ ทำให้เป็นที่ไว้วางใจของผู้บริโภค
Nayuki กำหนดเป้าหมายไปที่ตลาดระดับ High-end เน้นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง ดีต่อสุขภาพ และเน้นสูตรน้ำตาลต่ำ ซึ่งเข้ากับแนวคิดเรื่องการรักษาสุขภาพและสุขภาวะของคนยุคใหม่ และค่อย ๆ พัฒนาเป็น Chain store ชั้นนำของจีน นอกจากนี้ Nayuki ส่งเสริมแนวคิดของการจับคู่เครื่องดื่มชาที่ทำสดใหม่กับผลิตภัณฑ์ขนมอบ และเปิดตัวเมนู “เครื่องดื่มชา + ขนมปังนุ่ม”
ในเดือนมีนาคม 2566 จำนวนร้านค้าของบริษัทมีมากกว่า 1,000 แห่ง ครอบคลุมเมืองใหญ่มากกว่า 80 แห่งทั่วประเทศจีน บริษัทได้กลายเป็นองค์กรที่มีเครือข่ายร้านเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมประเทศจีนที่สุด Nayuki มุ่งเน้นไปที่การเปิดร้านค้าที่มีคุณภาพสูงในเมืองระดับสูงในประเทศจีน ดังนั้นร้านค้าจึงกระจุกตัวอยู่ที่เมือง First – tier เมือง New first tier และ เมือง Tier 2 ในประเทศจีน ซึ่งร้านค้ามากกว่าร้อยละ 70 กระจายอยู่ใน First – tier และเมือง New first-tier cities เมืองเหล่านี้มีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดีและกำลังการใช้จ่ายค่อนสูงสอดคล้องกับตลาดระดับ High-end ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ Nayuki
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
จากปี 2561 ถึงปี 2564 รายได้จากธุรกิจของ Nayuki ยังคงเติบโตในอัตราที่ค่อนข้างสูง เพิ่มขึ้นเป็น 4.297 พันล้านหยวนในปี 2564 โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.54 จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด 19 ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกของปี 2565 เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และเมืองอื่น ๆ ทั่วประเทศเกิดการระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ชาวจีนมีการระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ราคาเฉลี่ยของลูกค้าชาลดลงเหลือเพียง 36.7 หยวนต่อคำสั่งซื้อ ซึ่งลดลง 6.8 หยวนจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้รายได้ของ Nayuki ลดลง โดยมีรายได้อยู่ที่ 2.045 พันล้านหยวน ซึ่งลดลงร้อยละ 3.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ที่มาภาพ: https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
ข้อคิดเห็นของ สคต.เซี่ยงไฮ้
เครื่องดื่มชารูปแบบใหม่เป็นตลาดการแข่งขันที่มีฐานลูกค้ากว้าง แต่การแข่งขันดุเดือด แบรนด์ที่เข้ามาแข่งขันในตลาดต้องมีจุดแข็งหรือมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ และมีเอกลักษณ์ของตนเอง ซึ่งตลาดเครื่องดื่มชารูปแบบใหม่ของจีนถือเป็นอีกหนึ่งในโอกาสใหญ่ของผู้ประกอบการไทย เนื่องจากชาเป็นหนึ่งใน พืชเศรษฐกิจของไทย ประเทศไทยมีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสมแก่การปลูกชามากกว่าประเทศจีน ชาที่ผลิต ในไทยมีคุณภาพและรสชาติที่ดี หากธุรกิจชาของไทยต้องการเข้ามาสู่ตลาดชาในจีน อาจเริ่มส่งออกใบชาให้กับร้านชารูปแบบใหม่ของจีนเพื่อไปทำเครื่องดื่มชาใหม่ ๆ เพิ่มตัวเลือกให้กับผู้บริโภค หรือหากต้องการสร้าง แบรนด์ชารูปแบบใหม่ในประเทศจีน จำเป็นต้องสร้างจุดแข็ง ความแตกต่างโดยเฉพาะเอกลักษณ์ของชาจากไทย
แหล่งที่มา
https://www.chyxx.com/industry/1141421.html
https://www.salika.co/2023/02/14/milk-tea-market-in-china-business-opportunity-of-thai-entrepreneur/