การขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ทางรถไฟครั้งแรกในประเทศจีน

การขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับยานยนต์ทางรถไฟครั้งแรกในประเทศจีน

(ภาพและแหล่งที่มา https://mp.weixin.qq.com/s/d0awFZlhuU9in6Em0vl1og)

 

ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เกิดเหตุการณ์สำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศจีน เมื่อขบวนรถไฟบรรทุกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนหนัก 24 ตันได้เคลื่อนออกจากท่าเรือเมืองอี๋ปิน มณฑลเสฉวน มุ่งหน้าสู่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์การขนส่งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าทางรถไฟครั้งแรกของประเทศ ที่ผ่านมา การขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีข้อจำกัดอย่างมาก เนื่องจากถูกจัดประเภทเป็นสินค้าอันตราย ทำให้บริษัทต้องพึ่งพาการขนส่งทางถนนและทางน้ำเป็นหลัก ซึ่งมีต้นทุนสูงและใช้เวลานาน โดยเฉพาะการส่งออกระหว่างประเทศ กระบวนการขนส่งจะใช้เวลาประมาณ 53 วัน ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการส่งมอบสินค้าของบริษัท ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์มณฑลเสฉวนที่ได้ผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2565

 

ในเดือนมกราคม 2567 กลุ่มรถไฟแห่งชาติจีนได้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อศึกษาการขนส่งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ใช้เวลาถึง 9 เดือนในการวิจัยและพัฒนา ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ อาทิ มาตรฐานบรรจุภัณฑ์ เงื่อนไขทางเทคนิค การจัดการความปลอดภัย และพัฒนาตู้คอนเทนเนอร์เฉพาะกิจ ผลจากความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแก้ปัญหาโลจิสติกส์ แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ให้กับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ของจีน โดยเฉพาะมณฑลเสฉวนซึ่งมีทรัพยากรลิเธียมมากถึง 57% ของประเทศ และมีบริษัทชั้นนำอย่าง CATL และ Honeycomb Energy

 

การขนส่งทางรถไฟจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลา โดยเฉพาะการส่งออกไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เช่น อเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้แบตเตอรี่จีนเข้าสู่เส้นทางรถไฟสายไหมใหม่ (Belt and Road Initiative) ความสำเร็จครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างนวัตกรรมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู

สำหรับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ควรให้ความสนใจกับการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรชาวจีน โดยเฉพาะบริษัทในมณฑลเสฉวนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ การศึกษาแนวทางการสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานร่วมกันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดใหม่ ๆ การวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญคือการพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยและพัฒนาแบตเตอรี่ โดยเฉพาะการศึกษาเทคโนโลยีการขนส่งและการจัดการความปลอดภัย การสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานภาครัฐเพื่อพัฒนามาตรฐานการขนส่งแบตเตอรี่จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสทางธุรกิจ

 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรมองหาโอกาสในการเป็นพันธมิตรกับบริษัทจีนที่ต้องการขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน การสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบการขนส่งข้ามแดนจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สำหรับภาครัฐ ควรสนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและองค์ความรู้ การออกนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ รวมถึงการลดอุปสรรคด้านกฎระเบียบเพื่อเอื้อต่อการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรม ท้ายสุด การติดตามแนวโน้มและพัฒนาการของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในระดับโลกอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถปรับตัวและคว้าโอกาสทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงที

 

 

————————————————–

Commercial Section, Royal Thai Consulate General, Commercial Office (Thai Trade Center) - Chengdu

ธันวาคม 2567

แหล่งข้อมูล :

https://mp.weixin.qq.com/s/d0awFZlhuU9in6Em0vl1og

https://www.163.com/dy/article/JI67914B0530WJTO.html

en_USEnglish