- อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate) ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6
แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2567 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคประชาชน การส่งออก การลงทุนระยะยาวสำหรับที่อยู่อาศัย และการใช้จ่ายรัฐบาลท้องถิ่น ในขณะที่การใช้จ่ายรัฐบาลกลางที่ชะลอตัวลงและมูลค่าการนำเข้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงดังกล่าวมีส่วนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ
สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2567
ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce
- อัตราการว่างงาน
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 3.8 มีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 4 แสนคนเป็นทั้งสิ้น 6.4 ล้านคน
โดยในช่วงดังกล่าวสหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 303,000 ตำแหน่ง
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 72,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการจ้างงานภาครัฐ 71,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 49,000 ตำแหน่งอุตสาหกรรมก่อสร้าง 39,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการอื่นๆ 19,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการค้าปลีก 18,000 ตำแหน่ง และอุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 9,000 ตำแหน่ง
- ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า อุตสาหกรรมสารสนเทศ อุตสาหกรรมการเงิน และอุตสาหกรรมเชี่ยวชาญเฉพาะด้านและการบริการทางธุรกิจ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 3.5 (ไม่ปรับฤดูกาล หรือ Not Seasonally Adjusted)
โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Not Seasonally Adjusted) กลุ่มสินค้าอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 กลุ่มสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 และกลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 รายละเอียด ดังนี้
3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 2.4) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 2.0) เนื้อสัตว์และไข่ (+ร้อยละ 1.3) ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 0.2) และผลิตภัณฑ์จากนม (-ร้อยละ 1.9)
3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 5.0) ก๊าซธรรมชาติ (-ร้อยละ 3.2) และน้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 3.7)
3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 10.7) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 6.8) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 5.7) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 2.5) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 2.4) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.4) รถยนต์ใหม่ (-ร้อยละ 0.1) ส่วนรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 2.2) และบัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 7.1)
สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)
The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สามในเดือนเมษายน 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวลดลงจากเดิม 103.1 ในเดือนมีนาคม 2567 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เหลือ 97.0 ในเดือนเมษายน 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากเดิม 146.8 ในเดือนมีนาคม 2567 เหลือ 142.9 ในเดือนเมษายน 2567 และดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวลดลงจากเดิม 74.0 ในเดือนมีนาคม 2567 เหลือ 66.4 ในเดือนเมษายน 2567 โดยดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคซึ่งรักษาระดับต่ำกว่า 80.0 แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า
โดยรวมผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดยังคงมีความกังวลต่อระดับราคาสินค้าและบริการในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอาหารและพลังงาน นอกจากนี้ ปัจจัยด้านการเมืองและความขัดแย้งระหว่างประเทศยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดด้วย นอกจากนี้ ความกังวลของโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดยังปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนเมษายน 2567 แต่ยังคงต่ำกว่าระดับสูงที่สุดในช่วงเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา
ที่มา: The Conference Board
- ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารประจำเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) สหรัฐฯ ประจำเดือนมีนาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้
- มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาร้อยละ 0.7 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 709,590 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 615,862 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 122,973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (+ร้อยละ 2.1) สินค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (+ร้อยละ 2.1) สินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 1.1) สินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (+ร้อยละ 0.7) การบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.4) สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.5) และสินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.4) ตามลำดับ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ สินค้าอุปกรณ์กีฬา (-ร้อยละ 1.8) สินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (-ร้อยละ 1.6)สินค้าครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (-ร้อยละ 1.2) สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (-ร้อยละ 0.7) และสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน (-ร้อยละ 0.3) ตามลำดับ
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้
สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สุทธิทั้งสิ้น 68,901 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.92 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เป็นมูลค่า 263,014 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.27 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 176,654 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,997 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 86,360 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 833 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 97 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ น้ำมันดิบ ทอง (ไม่ใช่สำหรับทางการเงิน) ถั่วเหลือง เครื่องบินโดยสาร การบริการท่องเที่ยว และการบริการขนส่ง เป็นต้น
สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เป็นมูลค่า 331,914 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,129 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.19 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 268,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,723 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 79 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 63,833 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,407 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.92 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อาหารและเครื่องดื่ม ชิ้นส่วนรถยนต์ การบริการท่องเที่ยว และการบริการขนส่ง เป็นต้น
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,968.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 18) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.93 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,750.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,359.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 14) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 15.64 อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.17 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.09 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.40
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนกุมภาพันธ์ 2567
- สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,608.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 22) เพิ่มขึ้นร้อยละ 84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) ลดลงร้อยละ 16.49 อัญมณี (HS Code 7103) เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.01 ชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ (HS Code 8708) เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.58 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.02 และก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) เพิ่มขึ้นร้อยละ 394.03
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนกุมภาพันธ์ 2567
ที่มา: Global Trade Atlas
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ในเดือนมกราคม 2567 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,388.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 1,023.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.25 และรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 365.02 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.67 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 658.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.02 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- รัฐที่นำเข้าจากไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 35.86) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ 18.00) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 14.27) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 130) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 6.07) ตามลำดับ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยในรัฐเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 28.27 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 18.42 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 8.45 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 5.27 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 1.70 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 1.70 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.16 อุปกรณ์สำนักงาน (HS Code 8472) ร้อยละ 0.94 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 0.88 และ อุปกรณ์และเครื่องอุปกรณ์ประกอบ (HS Code 9032) ร้อยละ 0.67 ตามลำดับ
- รัฐที่ส่งออกไปไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 34.60) รัฐมินนิโซตา (ร้อยละ10) รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 9.67) รัฐวิสคอนซิน (ร้อยละ 9.09) และรัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 8.65) ตามลำดับสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 14.68 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 10.57 เศษกากโลหะ (HS Code 2619) ร้อยละ 3.83 น้ำมันจากทาร์ (HS Code 2707) ร้อยละ 3.79 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 2.57 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 2.11 แป้งธัญพืช (HS Code 1106) ร้อยละ 1.84 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.64 ไฮไดรด์ ไนไตรด์ อะไซด์ ซิลิไซด์ และบอไรด์ (HS Code 2850) ร้อยละ 1.42 และ เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 1.42 ตามลำดับ
สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
******************************
Royal Thai Consulate General, Commercial Office (Thai Trade Center) - Chicago