ความต้องการสินค้าเวชภัณฑ์ยาที่ทำมาจากกัญชาในเยอรมนีเติบโตอย่างมาก โดยนาย Benedikt Sons ผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเจ้าของบริษัท Cansativa ซึ่งเป็นผู้ค้าส่งกัญชาที่ครองตลาดหลักกล่าวว่า “ปัจจุบันตลาดดอกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์กำลังเติบโตขึ้น 80 – 100 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว” ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้หลายรายต่างก็ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Cantourage Group ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้แจ้งยอดจำหน่ายว่า เพิ่มขึ้นเกือบ 90% หรือคิดเป็น 10.8 ล้านยูโร ในไตรมาสที่สองของปีนี้ สำหรับ Cansativa คาดว่า ยอดจำหน่ายตลอดทั้งปีน่าจะเติบโตมากกว่า 75% หรือคิดเป็น 30 ล้านยูโร ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ต่างก็เติบโตในระดับสูงเช่นกัน ด้านนาย Niklas Kouparanis ผู้บริหารบริษัทในเครือ Bloomwell ได้ออกมากล่าวถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัว เมื่อเทียบกับหลายเดือนก่อนหน้า การจัดประเภทกัญชาใหม่เมื่อต้นเดือนเมษายน 2024 เป็นต้นมาได้ทำให้กัญชาเพื่อการแพทย์ถูกลบออกจากทะเบียนในระเบียบด้านยาเสพติด (BtMVV – Betäubungsmittelverordnung) ทำให้แพทย์ไม่จำเป็นต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น ซึ่งแพทย์ทุกคนก็สามารถสั่งจ่ายกัญชาได้อย่างง่ายดาย โดยเป็นการออกใบสั่งยาแบบชำระค่าใช้จ่ายเอง แน่นอนที่เหล่าร้านขายยาต่างรับรู้ถึงการ BOOM ในครั้งนี้เช่นกัน นาง Christiane Neubaur เภสัชกรและกรรมการผู้จัดการของสมาคมผู้จัดหากัญชาเพื่อจำหน่ายในร้านขายยา (VCA – Verbands der Cannabis versorgenden Apotheken) กล่าวว่า “ผู้ป่วยที่ใช้กัญชาเพื่อการรักษารายใหม่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชำระเงินเอง และส่วนใหญ่ได้รับใบสั่งยาผ่านแพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine)” ในร้านขายยาที่เป็นสมาชิกของสมาคมบางแห่งจำนวนใบสั่งยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมที่ส่งมาเพิ่มขึ้นมากจนต้องจัดการกับปัญหาการจัดส่งสินค้ากันขนาดหนัก และเพื่อให้แน่ใจว่าการ BOOM อย่างรวดเร็วของธุรกิจดังกล่าวในปัจจุบันจะไม่สร้างความเสียหายให้กับผู้ป่วยที่ต้องการกัญชาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนเพื่อบรรเทาอาการของพวกเขา ร้านขายยาจึงได้สำรองสินค้าบางรายการไว้บางส่วนเพื่อที่จะสามารถตอบสนองความต้องการผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการกับร้านเป็นประจำได้

 

ปัจจุบัน 80% ของใบสั่งยาที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ใช้กับร้านขายยาในเครือ VCA มาจากผู้ป่วยที่ชำระเงินด้วยตนเองและอีก 20% มาจากผู้ป่วยภายใต้ระบบประกันสุขภาพตามกฎหมายที่จะได้รับเงินคืนจากบริษัทประกันสุขภาพตามกฎหมาย (GKV) ที่หลัง นาย Neubaur กล่าวว่า ในอดีตเมื่อกัญชายังคงอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติยาเสพติด อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 60% ถึง 40% โดยสัดส่วนของผู้ป่วยที่ชำระเงินเองในตลาดค่อนข้างสูงมาโดยตลอด ในอดีตหากจะให้ GKV เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และจะต้องติดต่อกับบริษัทประกันสุขภาพฯ และให้บริษัทอนุมัติก่อนการสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ในแต่ละครั้ง อย่างไรก็ตามวิธีการสั่งยาผ่าน GKV จะมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการร่วมของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับผลประโยชน์ของบริษัทประกันสุขภาพตามกฎหมายได้ตัดสินใจเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ข้อกำหนดที่เรียกว่า “การสั่งยาแบบสงวนสิทธิ์” ที่ผูกมัดไว้กับกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะสิ้นสุดลง นาย Finn Hänsel บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา Sanity Group กล่าวว่า “สิ่งนี้ทำให้แพทย์ได้รับอำนาจในการตัดสินใจในการเลือกวิธีการรักษาอย่างเต็มที่” ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะกลายมาเป็นแรงผลักดันให้ตลาดกัญชาขยายตัวออกไปอีกขั้น อย่างไรก็ตามผู้ป่วยภายใต้ GKV มีแนวโน้มที่จะได้รับกัญชาแบบยาสำเร็จรูป และสารสกัดจากกัญชา มากกว่าที่จะได้ดอกกัญชา โดยตามที่เภสัชกร นาง Neubaur ระบุ ผู้ป่วยรายใหม่ที่ชำระเงินเองมักขอใช้งานดอกกัญชาเป็นหลัก ผู้ผลิตจำนวนมากสันนิษฐานว่า ลูกค้าใหม่บางรายอาจจะใช้โอกาสใหม่ในการซื้อดอกกัญชาเพื่อการบริโภคเชิงสันทนาการมากกว่าใช้ตามวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ นาย Benedikt Sons กล่าวว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์มการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) มากกว่าสองโหลเปิดให้บริการสั่งจ่ายกัญชาเป็นยาตามวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เป็นหลัก โดยหลักการแล้วผู้ป่วยต้องมีการสนทนาเบื้องต้นกับแพทย์ เพื่อให้แพทย์สามารถให้คำปรึกษาผ่านวิดีโอได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการการ Telemedicine บางรายกลับโฆษณาบนหน้าเว็ปว่า ผู้ป่วยจะต้องตอบแบบสอบถามเพียงอย่างเดียว และแพทย์มีหน้าที่ยืนยันเท่านั้น ซึ่ง “โดยปกติจะไม่มีการสนทนา” กับแพทย์ ในขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับตัวเลข จำนวนผู้ป่วยที่ชำระเงินด้วยตนเอง จำนวนใบสั่งยา และปริมาณการจำหน่ายกัญชา นาย Dominik Ziegra ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดังกล่าวจากสถาบันวิจัยตลาด Insight Health กล่าวว่า “ในปัจจุบันยังเร็วเกินไปที่จะสามารถเห็นภาพที่ชัดเจนจากตัวเลขการตลาด” ในเวลานี้เรียกได้ว่า มีการ “การสั่งจ่ายกัญชา” ผ่านแพลตฟอร์ม Telemedicine จำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันการเรียกเก็บเงินตามใบสั่งยาก็มีความล่าช้าในบางกรณีเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายนำกัญชาออกจากกฎระเบียบด้านยาเสพติด

 

นาย Ziegra กล่าวว่า “สำหรับกัญชาเพื่อการแพทย์ที่ได้รับการชดเชยจากบริษัทประกันสุขภาพตามกฎหมาย (GKV) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเพิ่มขึ้นในระดับปานกลางนับตั้งแต่เดือนเมษายน” นักวิจัยตลาดสันนิษฐานว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่ชำระค่าดอกกัญชาด้วยตนเองนั้น สูงกว่าผู้ป่วยที่ได้รับค่าดอกกัญชาจาก GKV คืนอย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อมูลของ Insight Health ปีที่ผ่านมามีผู้ป่วย 12,000 รายโดยประมาณที่ได้รับเงินค่าดอกกัญชาจาก GKV คืน ในปีที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยที่ได้รับใบสั่งยาที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา สารสกัด หรือผลิตภัณฑ์ยาสำเร็จรูปที่มีส่วนผสมเป็นกัญชา อยู่ที่ 77,000 ราย โดยประมาณ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาของ GKV (วัดจากมูลค่าภาษีของใบสั่งยาที่ได้รับรับเงินคืน) มียอดจำหน่ายอยู่ที่ 201 ล้านยูโร โดยประมาณ หรือเพิ่มขึ้น 8.4% ซึ่งดอกกัญชาเป็นสินค้าหลักคิดเป็นเกือบ 40% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด หรือมีมูลค่าสูงถึง 79 ล้านยูโร โดยประมาณ อย่างไรก็ตามปัจจุบันก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่า ยอดจำหน่ายในตลาดจะพัฒนาไปอย่างไร นาย Simon Lisicki ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาจาก Insight Health กล่าวว่า “เหนือสิ่งอื่นใดเรายังไม่สามารถคาดว่า จะมีผู้ป่วยกี่รายที่ได้รับการสั่งจ่ายกัญชาจากแพทย์แบบชำระเงินเองจะกลับมาใช้บริการอีก” นอกจากนี้ยังคงต้องรอดูต่อไปว่า การเพาะปลูกกัญชาเพื่อการสันทนาการจำนวนเล็กน้อยเพื่อใช้บริโภคเป็นการส่วนตัว และการปลูกกัญชาผ่านสมาคมการเพาะปลูก (Cannabis Social Clubs) ซึ่งได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ถูกกฎหมายบางส่วนจะส่งผลกับการพัฒนาตัวของจำนวนผู้ป่วยที่ชำระเงินเองขนาดไหน อย่างไรก็ตามบริษัท Cansativa มั่นใจว่า กำลังของตลาดกัญชาทางการแพทย์จะยังคงทรงพลังอยู่ นาย Jakob Sons ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้บริหารหลักของ Cansativa กล่าวว่า “การทำให้กัญชาถูกต้องตามกฎหมายนั้นบางส่วนทำให้คนกล้าที่จะใช้งานสินคาดังกล่าวมากขึ้น และทุกเดือน น่าจะมีแพทย์จำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่สั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ ไม่ว่าจะทำผ่านแพลตฟอร์ม Telemedicine หรือผ่านสถานพยาบาล” นาย Sons คาดว่า ตลาดดอกกัญชาทางการแพทย์จะเติบโตสูงถึง 100% หรือมีปริมาณมากกว่า 24 ตันในปีนี้ นอกจากนี้คาดการณ์ว่า ยอดจำหน่ายในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 40% เพิ่มขึ้นเป็น 35 ตัน แม้จะมีปัญหาคอขวด (Delivery bottlenecks) ในการจัดส่งแต่ละครั้ง บริษัท Cansativa ก็ยังสันนิษฐานว่า ในอนาคตน่าจะมีอุปทานมากเกินความต้องการของตลาด นาย Benedikt Sons กล่าวว่า “เอกชนผู้ประกอบธุรกิจกัญชาส่วนใหญ่ในตลาดตอนนี้มุ่งเน้นไปที่กัญชาทางการแพทย์” เป็นหลัก

 

จาก Handelsblatt 12 สิงหาคม 2567

de_DEGerman