ในช่วงเดือนกันยายน 2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครนและโปแลนด์ต่อกรณีการขยายระยะเวลาการคว่ำบาตรสินค้าเกษตรจากยูเครนของรัฐบาลโปแลนด์ โดยต่างฝ่ายต่างออกมาตอบโต้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งล่าสุดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองประเทศเริ่มขยายวงกว้าง เมื่อนายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ได้แถลงว่า โปแลนด์ไม่สามารถสนับสนุนยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครนได้ในช่วงนี้เนื่องจากอยู่ระหว่างการเพิ่มสรรพกำลังทางทหารเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศ ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของโปแลนด์ก็ปฏิเสธการเข้าร่วมประชุม EU-Ukraine Foreign Ministers’ Meeting ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกนอกสหภาพยุโรป ณ กรุงเคียฟ รวมถึงมีรายว่าไม่ปรากฎผู้ประกอบการจากโปแลนด์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าร่วมงานสัมมนา Defense Industry Forum ซึ่งจัดในช่วงเดียวกันอีกด้วย

 

ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อคิดเห็นของสคต.

1. ความขัดแย้งเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชของยูเครนนั้นเริ่มส่งสัญญาณมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าธัญพืชจากยูเครนที่ขาดการควบคุมและกำกับดูแล

2. โปแลนด์กำลังจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 ซึ่งมีบทวิเคราะห์ในประเทศคาดการณ์ว่า พรรค PIS ซึ่งเป็นรัฐบาลปัจจุบันมีสิทธิ์ที่จะชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนสนับสนุนที่น้อยกว่าเดิม

3. พรรคฝ่ายขวาใช้ความขัดแย้งเกี่ยวกับการนำเข้าธัญพืชของยูเครนเป็นประเด็นในการโจมตีรัฐบาลจนได้รับการสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญเกินกว่าร้อยละ 10 จากประชากรในพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรมในการสำรวจฐานคะแนนก่อนการเลือกตั้งทั่วประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลต้องพิจารณาหานโยบายตอบโต้เพื่อแย่งชิงคะแนนเสียงจนนำมาสู่การคว่ำบาตรการนำเข้าธัญพืชจากยูเครนดังกล่าว

4. หากโปแลนด์ไม่ยกเลิกการคว่ำบาตรดังกล่าว ผลกระทบของความขัดแย้งอาจส่งผลถึงการจัดหาอาหารทั่วโลก โดยเฉพาะหากราคาธัญพืชเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดของสหภาพยุโรปและตลาดในประเทศที่สามรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยผลกระทบที่เป็นระลอกคลื่นดังกล่าวจะปรากฎชัดขึ้นเมื่อกำลังซื้อของประเทศผู้นำเข้าเริ่มลดลงซึ่งจะทำให้ความสามารถในการนำเข้าธัญพืชลดลงด้วยเช่นกัน ซึ่งประเทศผู้นำเข้าดังกล่าวอาจตอบสนองด้วยการเลือกนำเข้าธัญพืชที่มีราคาไม่แพงหรือมีคุณภาพต่ำกว่า และอาจส่งผลเสียต่อการส่งออกธัญพืชและข้าวของไทย

 

ที่มา :

1. Polish Press Agency
2. Notefrompoland.com

de_DEGerman