ผู้บริโภคตอบสนองต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างดี

สำหรับฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้ ผู้บริโภคชาวเยอรมันต่างมั่นใจในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อดัชนีผู้บริโภคของสมาคมผู้ค้าปลีกชาวเยอรมัน (HDE – Handelsverband Deutschland) เดือนมิถุนายน 2025 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 97.35 จุด (จาก 96.10 จุดในเดือนก่อนหน้า) โดยนับเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน ปัจจุบัน ดัชนีดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 ดัชนีผู้บริโภค HDE จัดทำขึ้นจากการสำรวจครัวเรือนประมาณ 1,600 แห่ง ซึ่งสถาบันวิจัยของสำนักข่าว Handelsblatt (Handelsblatt Research Institute) ได้ประเมินรายเดือนให้แก่ HDE พบว่า ความรู้สึกของผู้บริโภคผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้า/บริการลดลง แนวโน้มการบริโภคของพวกเขาขยายตัวขึ้น และการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ความคาดหวังเกี่ยวกับการขยายตัวด้านรายได้ของตนเองสูงขึ้นกว่าที่เคยเป็นมาในรอบ 63 เดือน และเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวกลับสู่ระดับเดียวกันกับก่อนการระบาดของโควิด – 2019

 

ความเชื่อมั่นที่เป็นบวกของผู้บริโภคได้ส่งผลต่อภาคค้าปลีก โดยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจการค้าปลีกของมหาวิทยาลัยมิวนิค (Ifo – Institut für Wirtschaftsforschung an der Universität München) ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้ค้าปลีกประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน และอนาคตของตนดีขึ้นแบบมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แม้ว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำก็ตาม โดยดัชนีค้าปลีกหลังหักค่าผันผวนตามฤดูกาลแล้ว เพิ่มขึ้นจาก -25.8 จุด เป็น -18.6 จุด โดยค่าติดลบนี้บ่งชี้ให้เห็นว่า จำนวนสถานการณ์เชิงลบยังคงมีมากกว่าผู้มองสถานการณ์เชิงบวก ซึ่งจากข้อมูลของสถาบัน Ifo พบว่า ผู้ค้าปลีกสินค้าบริโภค และตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจในปัจจุบันเป็นเชิงบวกสูงกว่าภาคค้าปลีกโดยเฉลี่ย ในขณะที่ผู้ขายสินค้าเครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ และจักรยาน ประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจเชิงลบมากกว่าค่าเฉลี่ยของธุรกิจค้าปลีกโดยรวม การคาดการณ์เชิงบวกนี้ดูเหมือนจะมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า หลังจากความขัดแย้งทางการเมืองเป็นเวลาหกเดือนสิ้นสุดลง เยอรมนีก็กลับมามีรัฐบาลกลางที่มีความสามารถอีกครั้ง รัฐบาลกำลังพยายามเผยแพร่กระจายข่าวดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมันอาจจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว ล่าสุดสำนักงานสถิติประจำประเทศเยอรมนี (Statistisches Bundesamt) ได้ปรับค่าประมาณการเบื้องต้น ในตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสแรก จาก 0.2% เพิ่มขึ้นเป็น 0.4% ดัชนี Ifo เองก็ขยายตัวติดต่อกันเป็นเวลา 5 เดือน แม้ว่าจะเป็นเพียงก้าวเล็ก ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2025 ดัชนีสถาบันเพื่อการวิจัยทางเศรษฐกิจเยอรมนี (DIW – Deutscher Institut für Wirtschaftsforschung) ได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย DIW กล่าวว่า ดัชนีนี้เป็น “สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมัน” อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับสนับสนุนความเชื่อมั่นเชิงบวกยังมีอยู่จำกัด ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศเติบโตมาโดยตลอดในช่วงไตรมาสแรก แต่เศรษฐกิจของประเทศกลับประสบกับภาวะถดถอยที่เห็นได้ชัดในช่วงเวลาต่อมา โดยข้อมูลภาคอุตสาหกรรมที่ดีขึ้นเล็กน้อยน่าจะเกิดจากผลการประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าหลังจากการประกาศการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่สูงของสหรัฐฯ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดัชนีกิจกรรมรายสัปดาห์ (WAI) ที่ธนาคารกลางเยอรมนีคำนวณได้อยู่ที่ -0.3 สำหรับสัปดาห์ปฏิทินที่ 21 ระหว่างวันที่ 19 – 25 พฤษภาคม 2025 การลดตัวลงของค่าดังกล่าวลดลดลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า โดยดัชนีดังกล่าวบ่งชี้ถึงการลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ 0.3% ในช่วง 13 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2025 เมื่อเทียบกับ 13 สัปดาห์ก่อนหน้า

 

ปัจจุบันปัญหาใหญ่ที่อาจกลายเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุด คือ ปัญหาตลาดแรงงาน เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำมาหลายปี จำนวนบริษัทที่ล้มละลายสูงเป็นประวัติการณ์ และโครงการรัดเข็มขัดในภาคอุตสาหกรรม ทำให้มีผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นเกือบ 750,000 คน ซึ่งมากกว่าช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2019 จำนวนมาก เฉพาะในเดือนพฤษภาคม 2025 จำนวนผู้ว่างงานที่หักค่าผันผวนตามฤดูกาลแล้ว เพิ่มขึ้น 34,000 ราย และภายในหนึ่งปีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 100,000 ราย นาง Andrea Nahles ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหางานของรัฐบาลกลางกล่าวว่า “ตลาดแรงงานไม่ได้รับแรงหนุนที่จำเป็นจนสามารถพลิกกลับมาอยู่ในแดนบวกได้ ดังนั้นเราคาดว่า ตัวเลขผู้ว่างงานจะยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนนี้” อีกทั้ง ความกลัวที่จะตกงาน/ว่างงานที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือว่าเป็นพิษต่อการบริโภคส่วนบุคคล ในแง่หนึ่งผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงานมักจะเลื่อนการซื้อของชิ้นใหญ่ออกไป (บ้าน รถ ฯลฯ) และกลับมาสะสมเงินออมแทน ในอีกแง่หนึ่งสหภาพแรงงานพบว่า การผลักดันให้ปรับค่าจ้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำได้ยากขึ้นเช่นกัน น่าจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เยอรมนีจะสามารถชดเชยการสูญเสียกำลังซื้อที่แท้จริงอันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงในปี 2022 และ 2023 ได้ โดยในปี 2024 ค่าจ้างที่แท้จริง (หลังจากนำอัตราเงินเฟ้อมาหัก) อยู่ในระดับของปี 2017 แน่นอนไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผลที่ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกว่า พวกเขาสามารถจ่ายได้น้อยลงกว่าเมื่อก่อน เพราะความจริงปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ผู้บริโภคยังคงสูญเสียความมั่งคั่งที่พวกเขาเคยได้รับมาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน

 

จาก Handelsblatt 20 มิถุนายน 2568

de_DEGerman